ทำไมเราถึงติดกาแฟ ถ้าติดแล้วต้องเลิกยังไง!
แม้กาแฟจะเป็นที่พึ่งทุกเช้า สาย บ่าย เย็นของใครหลายคน แต่การดื่มกาแฟในปริมาณมากอาจนำมาซึ่งการติดกาแฟจนยากจะเลิก แล้วทำไมเราถึงติดกาแฟ ถ้าติดแล้วต้องเลิกยังไง
ทำไมเราถึงติดกาแฟ
เมื่อพูดถึงอาการติดกาแฟร่างกายของเรา เพียงแค่เราอาจรู้สึกว่าขาดกาแฟไม่ได้ ต้องดื่มกาแฟเพื่อกระตุ้นร่างกายก่อนถึงจะเริ่มทำงานหรือทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ตามปกติ เมื่อเราดื่มกาแฟ สารคาเฟอีนจะเข้าไปจับกับตัวรับแทนที่สารอะดีโนซีน ทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัวขึ้นมา และเซลล์สมองจะสร้างตัวรับเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยให้กับสารอะดีโนซีน ส่งผลให้คาเฟอีนมีฤทธิ์ลดลง หากเราหยุดดื่มกาแฟก็จะทำให้สารอะดีโนซีนจับกับตัวรับมากยิ่งขึ้น จึงก่อให้เกิดอาการอ่อนเพลียหรือง่วงนอนมากกว่าปกติ ทำให้อยากดื่มกาแฟเพื่อให้กลับมารู้สึกกระปรี้กระเปร่าดังเดิม จึงเป็นสาเหตุที่หลายคนเลิกดื่มกาแฟไม่ได้เสียที
อาการติดกาแฟเป็นอย่างไร
บางคนอาจคิดว่าการดื่มกาแฟทุกเช้าเป็นเพียงความเคยชินเท่านั้น ไม่ได้กำลังติดกาแฟ แต่เมื่อใดก็ตามที่หยุดดื่มกาแฟแล้วพบอาการอ่อนเพลีย ง่วงซึม มีอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อย ปวดกล้ามเนื้อ ไม่มีสมาธิ ไร้เรี่ยวแรง ซึมเศร้า หงุดหงิด คลื่นไส้ หรืออาเจียนตามมา นี่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเรากำลังติดกาแฟอยู่หรือเราเรียกอาการเหล่านี้ว่า อาการถอนคาเฟอีน (Caffeine Withdrawal) โดยความรุนแรงของอาการจะขึ้นอยู่กับปริมาณคาเฟอีนในกาแฟที่ได้รับในแต่ละวัน อาการถอนจะรุนแรง 1-2 วันแรก และอาการอาจคงอยู่นาน 2–9 วัน
นอกจากนี้ การเพิ่มปริมาณการดื่มกาแฟก็เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการของติดกาแฟเช่นกัน เนื่องจากร่างกายจะเริ่มปรับตัวให้ชินกับสารคาเฟอีน ทำให้ต้องเพิ่มปริมาณกาแฟมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าหรือตื่นตัวเท่าเดิม หรือก็คืออาการดื้อคาเฟอีน (Caffeine Tolerance) นั่นเอง
อยากเลิกกาแฟต้องทำอย่างไร
ค่อยๆ ลดปริมาณการดื่มกาแฟในแต่ละวัน ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนอื่นเช่นกัน ดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น โดยน้ำจะเข้าไปช่วยขับคาเฟอีนออกจากร่างกาย ซึ่งหากยังเลิกกาแฟไม่ได้ถาวรก็ควรดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม โดยจำกัดปริมาณคาเฟอีนที่ 400 มิลลิกรัมต่อวันหรือกาแฟประมาณ 2–4 แก้ว เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพให้ได้มากที่สุด