ไลฟ์สไตล์

ฮอทดอก - เบคอน - เนื้อแดงแปรรูป เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม

ฮอทดอก - เบคอน - เนื้อแดงแปรรูป เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม

12 ส.ค. 2567

ผู้ที่รับประทาน เนื้อแดงแปรรูปมากเกินไปซึ่งอาจมีส่วนผสมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น โซเดียม ไนเตรต และไขมันอิ่มตัว เสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม และการเสื่อมถอยของความสามารถในการรับรู้

 

ผลการศึกษาวิจัยครั้งใหญ่ใหม่พบว่า ผู้ที่บริโภคเนื้อสัตว์ เช่น เบคอน ไส้กรอก ฮอทดอก และเนื้อเย็นธรรมดา เช่น โบโลญญาและซาลามิ เพียงแค่ 2 มื้อต่อสัปดาห์ มีความเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อม สูงขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานอาหารน้อยกว่า 3 มื้อต่อเดือน การลดการบริโภคเนื้อแดงแปรรูปโดยหันไปกินถั่วและถั่วชนิดต่างๆ ซึ่งมีน้ำมันพืชที่ไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อนที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมถึงโปรตีน สามารถให้ผลการปกป้องได้

 

ฮอทดอก - เบคอน - เนื้อแดงแปรรูป เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม

โดยส่วนผสมบางชนิดในเนื้อแดงแปรรูปอาจเป็นอันตรายได้เป็นพิเศษ “เนื้อสัตว์แปรรูปโดยทั่วไปจะมีไนเตรต ไนไตรต์ สารกันบูด และเกลือในระดับสูง” สารเติมแต่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดการอักเสบ ความเครียดจากออกซิเดชัน และความเสียหายต่อหลอดเลือด ซึ่งล้วนเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สารกันบูดและสารเคมีบางชนิดที่ใช้ในการแปรรูปอาจมีผลต่อระบบประสาท ส่งผลให้ความสามารถในการรับรู้ลดลงอีกด้วย 

 

ฮอทดอก - เบคอน - เนื้อแดงแปรรูป เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม

  • การวิเคราะห์ใหม่แสดงให้เห็นว่าการรับประทานเนื้อแดงแปรรูปเพียง 2 ครั้งต่อสัปดาห์จะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมร้อยละ 14 

 

  • ไม่พบความเสี่ยงในเนื้อแดงที่ไม่ได้ผ่านการแปรรูป เช่น แฮมเบอร์เกอร์ สเต็ก หรือสเต็กหมู 

 

  • การลดปริมาณการรับประทานเนื้อแดงแปรรูปลงหนึ่งมื้อต่อวัน แล้วเปลี่ยนเป็นถั่ว ถั่วชนิดต่างๆ หรือเต้าหู้แทน อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์

 

สิ่งสำคัญคืออาหารมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพสมอง และการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพจะช่วยลดความเสี่ยงของการเสื่อมถอยของความสามารถในการรับรู้และภาวะสมองเสื่อมได้ การจำกัดการรับประทานเนื้อแดงแปรรูปและรับประทานอาหารจากพืชมากขึ้น เช่น ถั่ว พืชตระกูลถั่ว เต้าหู้ และถั่วชนิดต่างๆ อาจส่งผลดีต่อสุขภาพสมองในระยะยาว 

 

 

ฮอทดอก - เบคอน - เนื้อแดงแปรรูป เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม

 

ข้อมูลอ้างอิงจาก everydayhealth