"กินปลาร้า" บ่อยๆเสี่ยงเป็นหลายโรค ความแซ่บนัวที่ต้องระวัง
แซ่บหลาย! แค่พูดถึงน้ำลายสอทันทีกับเมนู "ปลาร้า" เมนูยอดฮิตติดครัวของคนไทย แต่รู้ไหมว่าในความอร่อยนั้นมีความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ มาดูอันตรายจากปลาร้าที่ควรรรู้ กินบ่อยๆเสี่ยงเป็นหลายโรค ความแซ่บนัวที่ต้องระวัง
ปลาร้าเป็นอาหารหมักดอง แม้ว่าปัจจุบันมีการรณรงค์ให้ต้มปลาร้าก่อนบริโภค แต่คนบางส่วนก็เลือกที่จะใช้ปลาร้าแบบไม่ปรุงสุกมาทำอาหาร ซึ่งการบริโภคปลาร้าที่หมักและปรุงด้วยขั้นตอนที่ไม่สะอาด รวมทั้งการบริโภคปลาร้าในปริมาณมากหรือบ่อยเกินไปอาจเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพต่อ และอาจก่อเกิดโรคบางอย่างได้
แม้ว่าปลาร้าจะไม่ค่อยมีสารอาหารและพฤติกรรมการบริโภคอย่างไม่เหมาะสมทำให้เกิดโรค แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าปลาร้าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอาหารของคนไทยจำนวนไม่น้อย ดังนั้น เพื่อการบริโภคปลาร้าอย่างปลอดภัย วิธีต่อไปนี้อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเผชิญกับอันตรายจากปลาร้าได้
อันตรายจากปลาร้าที่ควรรรู้
โรคพยาธิ
ปลาร้าจะใช้ปลาดิบมาหมัก ส่วนใหญ่จะเป็นปลาน้ำจืด โดยแหล่งน้ำตามธรรมชาติมักจะมีพยาธิอาศัยอยู่ในปลาและสัตว์น้ำ ก่อนนำปลาร้ามาบริโภคจึงจำเป็นต้องนำไปต้มหรือทำให้สุกก่อนเสมอเพื่อกำจัดพยาธิและไข่พยาธิที่อาจปนเปื้อนมากับตัวปลา
จึงเสี่ยงต่อการเกิดโรคพยาธิ อย่างโรคพยาธิลำไส้ พยาธิตัวจี๊ด และโรคพยาธิชนิดอื่น แต่โรคพยาธิที่พบบ่อยจะเป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการท้องร่วง ท้องผูก อาหารไม่ย่อย ปวดท้อง น้ำหนักลด ตัวเหลือง ตาเหลือง เป็นไข้ นำไปสู่ภาวะตับอักเสบ และเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งตับได้
โรคไต
การบริโภคอาหารโซเดียมสูงอย่างปลาร้า ส่งผลกระทบต่อไตด้วยเนื่องจากไตเป็นอวัยวะที่ช่วยกรองของเสียออกจากร่างกาย ในแต่ละวันไตจะกรองของเสียและสารอาหารที่เกินมา รวมถึงสารในกลุ่มของโซเดียม เมื่อร่างกายได้รับโซเดียมเกินกว่าที่ร่างกายต้องการจะทำให้ไตทำงานหนัก ทำให้ไตเสื่อมก่อนเวลาอันควรและนำไปสู่โรคไตได้
โรคความดันสูง
หากผู้บริโภคมีปัจจัยเสี่ยงของโรคความดันสูงอยู่ก่อนแล้วก็อาจเสี่ยงต่ออันตรายจากปลาร้าที่มาในรูปแบบของโรคความดันสูงเพิ่มขึ้น การบริโภคอาหารที่มีรสเค็มจัด มีเกลือหรือโซเดียมในปริมาณมากเป็นส่วนประกอบหรือบริโภคเป็นประจำเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคนี้ ปลาร้านั้นเป็นการหมักปลาดิบด้วยเกลือ ทำให้วัตถุดิบนี้มีปริมาณโซเดียมสูงมาก
โรคมะเร็ง
โรคมะเร็งเป็นอีกหนึ่งอันตรายจากปลาร้าที่ทุกคนควรระวัง เพราะไนโตรซามีน (Nitrosamines) ซึ่งเป็นสารชนิดที่พบได้ในอาหารหมักดองหลายประเภท รวมถึงปลาร้าที่หลายคนชื่นชอบ จัดเป็นสารก่อมะเร็ง (Carcinogens) ประเภทหนึ่ง การได้รับสารนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด เช่น โรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งหลอดอาหาร โรคมะเร็งทางเดินอาหาร และโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ หากใครบริโภคปลาร้าเป็นประจำ โดยเฉพาะปลาร้าที่ไม่ได้ผ่านการปรุงสุกอาจมีความเสี่ยงของโรคมะเร็งมากขึ้นได้
กินปลาร้าอย่างไรให้ปลอดภัย ?
- ปรุงปลาร้าให้สุกด้วยความร้อนอย่างเหมาะสม (90 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 5 นาที) ก่อนนำมาปรุงอาหารหรือบริโภคเสมอ
- สอบถามร้านอาหารทุกครั้งก่อนสั่งอาหารที่มีปลาร้าเป็นส่วนประกอบว่าใช้ปลาร้าที่ปรุงสุกในการทำหรือไม่ เลือกร้านอาหารที่สะอาดและใช้ปลาร้าที่ผ่านการปรุงสุกเสมอ
- บริโภคปลาร้าและเมนูจากปลาร้าในปริมาณที่เหมาะสมและไม่บ่อยจนเกินไป
- หากต้องการหมักปลาร้าด้วยตนเอง ควรศึกษาวิธีทำที่ถูกต้อง ใช้อุปกรณ์ที่สะอาด เก็บรักษาอย่างเหมาะสม และปรุงสุกก่อนนำมาบริโภค
- เลือกซื้อปลาร้าสำเร็จรูปที่ผ่านอย. ผ่านการปรุงสุกหรือการฆ่าเชื้อ บรรจุอยู่ในภาชนะที่สมบูรณ์ และตรวจสอบวันหมดอายุก่อนเสมอ
เพียงเท่านี้ก็อาจเสี่ยงต่ออันตรายจากปลาร้าลดลงแล้ว ภายหลังการบริโภคอาหารที่มีส่วนประกอบของปลาร้า หากพบอาการหนาวสั่น เป็นไข้ ตาเหลืองตัวเหลือง ท้องร่วง และคลื่นไส้อาเจียน ควรไปพบแพทย์ นอกจากปลาร้าแล้ว อาหารดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบประเภทอื่น ๆ ก็ควรรับประทานอย่างระมัดระวังด้วยเหมือนกัน เช่น ปลาจ่อม ปลาส้ม และปูเค็ม เป็นต้น