เปิดที่มา องุ่นไชน์มัสคัส ไชน์มัสแคท ญี่ปุ่น เกาหลี จีน แตกต่างกันอย่างไร?
สรุปดราม่า! เปิดที่มาขององุ่นไชน์มัสคัส -ไชน์มัสแคท องุ่นเขียวไร้เมล็ดแต่ละประเทศ ญี่ปุ่น - เกาหลีใต้ - จีน มีความแตกต่างกันอย่างไร?
องุ่น เป็นผลไม้ที่มีมากมายหลากหลายสายพันธุ์ ส่วนใหญ่ผลจะเป็นสีแดง ม่วง เขียว และมีรสชาติหวาน ซึ่งความหวานของแต่ละสายพันธุ์ก็แตกต่างกันไป นอกจากนี้องุ่น ยังอุดมไปด้วยสารอาหาร และประโยชน์มากมายดังนั้นจึงเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่หลายคนชื่นชอบ และในตอนนี้ในบ้านเราก็เกิดดราม่าเรื่องของ องุ่นไชน์มัสแคท หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้แถลงผลการตรวจสารพิษในองุ่นไชน์มัสแคททั้งหมด 24 ตัวอย่าง เผยพบสารเคมีเกษตรตกค้างในเกือบทุกตัวอย่างที่ตรวจ และพบตกค้างเกินค่ามาตรฐานมากถึงร้อยละ 95.8 แต่สุดท้ายกลับลำบอกกินได้ ย้ำ!ผู้บริโภคอย่าตื่นตระหนก และล้างผักผลไม้ให้ถูกวิธีเพื่อลดสารตกค้าง แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้วเพราะแม่ค้า-พ่อค้า ขายองุ่นไชน์มัสแคทไม่ได้
องุ่นไชน์มัสแคท (Shine Muscat) องุ่นของญี่ปุ่น หรือที่เราคุ้นชื่อว่า “ไซมัสคัส” เป็นที่นิยมในหลายประเทศทั่วเอเชีย รวมถึงประเทศไทยมา 2-3 ปีแล้ว ด้วยเอกลักษณ์ของสายพันธุ์ที่เปลือกบาง เนื้อหนา น้ำองุ่นเยอะ และความหวานและกลิ่นหอมของกุหลาบที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว และมีราคาแพงมาก จนได้รับขนานนามว่าเป็น “แอร์เมสแห่งวงการองุ่น”
องุ่นไชน์มัสแคทถิ่นกำเนิด ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและถือเป็นพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกมานานกว่า 3,000 ปี และเมื่อเวลาผ่านไป เถาองุ่นก็แพร่กระจายไปยังเอเชียผ่านเส้นทางสายไหม ซึ่งพวกเขาเริ่มปลูกอย่างกว้างขวางในประเทศจีนและเกาหลี องุ่นชนิดนี้ถูกนำเข้ามาในญี่ปุ่นในสมัยเมจิในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จากนั้นองุ่นก็ถูกผสมข้ามพันธุ์โดยพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ของภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างสายพันธุ์ใหม่มากมายที่มีการปรับปรุงรสชาติ ลักษณะการเจริญเติบโต และความต้านทานโรค ในปี พ.ศ. 2549 องุ่นไชน์มัสคัส (Shine muscat) ได้รับการพัฒนาและเผยแพร่สู่ตลาดญี่ปุ่นและจีน กลายเป็นองุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของจีน ทุกวันนี้องุ่นไชน์มัสคัสญี่ปุ่นส่วนใหญ่ปลูกในจังหวัดโอคายามะและนากาโนะของญี่ปุ่น องุ่นยังได้รับการปลูกฝังในประเทศจีนและนำเข้ามาที่ฮ่องกงและไต้หวัน
องุ่นไชน์มัสคัสญี่ปุ่น
ความเป็นมาขององุ่นไชน์มัสคัส (Shine Muscat) หรือ องุ่นไชน์มัสแคท เป็นองุ่นสายพันธุ์จากญี่ปุ่น ถูกพัฒนาสายพันธุ์ขึ้น โดยสถานีวิจัยองุ่นและพลับอะซึกิ จ.ฮิโรชิมา เมื่อปีพ.ศ 2531 ก่อนที่จะขึ้นทะเบียนพันธุ์ในปีพ.ศ. 2541 เป็นการนำเอาองุ่น 2 สายพันธุ์ คือ Akitsu 21 x Muscat of Alexandria กับ องุ่นพันธุ์ Hakunan x Kaiji มาผสมกัน ทำให้ได้องุ่นลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ ที่ทนต่อทุกสภาพอากาศ ทั้งร้อนและหนาว แถมยังมีรสหวานกรอบอร่อย จนกลายเป็นองุ่นที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันซึ่งทางรัฐบาลญี่ปุ่นออกกฎหมาย ห้ามส่งออกต้นกล้าและเมล็ดพันธุ์ของพืชผลไม้สำคัญบางชนิดเมื่อต้นปี 2021 เท่านั้น ผู้ที่ทำผิดกฎหมายจะโดนปรับหรือจำคุก ถ้าต้นกล้าหรือเมล็ดถูกส่งออกไปแล้วก็เรียกคืนไม่ได้อีกต่อไป
ลักษณะผลขององุ่นไชน์มัสคัสญี่ปุ่น
จะมีขนาดใหญ่กว่าองุ่นทั่วไป มีรูปร่างกลมถึงวงรี เปลือกนอกมีสีเขียวสดใส ผิวมีความเรียบเนียน เรียบตึง โปร่งแสง เป็นมันเงา ถ้าผลมีเมล็ด จะมีขนาดประมาณ 10 กรัม ถ้าไม่มีเมล็ด จะมีขนาด 12 กรัมขึ้นไป
รสชาติขององุ่นไชน์มัสคัสญี่ปุ่น
เปลือกนอก มีความแน่น หวานกรอบอร่อย เมื่อกัดเข้าไป จะมีความนุ่มชุ่มฉ่ำ และ มีรสหวาน เนื่องจากองุ่นไซมัสคัสมีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง โดยรวมให้ความรู้สึกเหมือนกินเยลลี่ ปัจจุบัน องุ่นไซมัสคัสแพคขายกัน 1 – 3 ช่อ ขึ้นไป ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 300 – 420 บาท ถ้าเป็นเกรดพรีเมี่ยม ขายกันอยู่ที่ 1,000 – 2,390 บาท
ถิ่นกำเนิดองุ่นไชน์มัสแคทเกาหลี (Korean Shine Muscat Grapes)
องุ่นไชน์มัสแคท (Shine Muscat) เป็นองุ่นที่เกิดจากการผสมข้ามพันธุ์ของ Akitsu-21 และ ‘Hakunan’ (V. vinifera) ที่ทำโดย National Institute of Fruit Tree Science (NIFTS) ในญี่ปุ่นในปี 1988
ลักษณะผลขององุ่นไชน์มัสแคทเกาหลี
มีขนาดใหญ่กว่าองุ่นทั่วไป และมีรูปร่างเป็นวงรีถึงขอบขนาน เติบโตเป็นช่อขนาดกลาง แน่น ผิวตึง เรียบเนียน และมันเงา มีสีเขียวสดใส โดยทั่วไปแล้วเนื้อจะโปร่งแสง นุ่ม มีน้ำ และเกือบจะไม่มีเมล็ด แม้ว่าบางพันธุ์อาจมีเมล็ดเล็กๆ ที่ยังไม่พัฒนาเพียงไม่กี่ชนิด
รสชาติขององุ่นไชน์มัสแคทเกาหลี
มีผลสีเขียวขนาดใหญ่ มีความกรอบ ตามด้วยความนุ่มชุ่มฉ่ำ องุ่นมีปริมาณน้ำตาลไม่น้อย และขึ้นชื่อในเรื่องรสหวานของดอกไม้ สีเขียวสดใส ผิวเรียบตึง เปลือกบางสามารถรับประทานได้ทั้งเปลือก รสชาติหวาน กลิ่นหอม เนื้อสัมผัสกรอบ ฉ่ำน้ำ อร่อยลงตัว อุดมไปด้วยวิตามิน C, K, B6 ช่วยบำรุงผิวพรรณ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือด
ถิ่นกำเนิดองุ่นไชน์มัสแคทจีน
องุ่นพันธุ์ไชน์มัสแคท ถูกนำเข้ามาในประเทศจีนครั้งแรกเมื่อปี 2006 โดย ศ.เต๋า เจียนมิน จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์หนานจิง ในโครงการแนะวิทยาศาสตร์การเกษตรขั้นสูงระหว่างประเทศและแผนการปรับตัว และเริ่มนำไปปลูกในภูมิภาคต่าง ๆ ของจีน แต่ก็ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก
จนกระทั่งในปี 2016 ที่มีการพัฒนาเทคนิคการเพาะปลูกองุ่นไชน์มัสแคทในจีนขั้นสมบูรณ์ ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีสามารถเพราะปลูกได้ทั่วประเทศ ประจวบเหมาะกับได้รับความนิยมจากประชาชนทำให้ผลผลิตในประเทศก็มีราคาสูงสุด เกษตรแห่มาปลูกองุ่นพันธุ์นี้จำนวนมาก
เมืองหลี่ เป็นพื้นที่ปลูกองุ่นไชน์มัสแคทที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลหูหนาน โดยในปี 2021 มีพื้นที่ปลูกองุ่นไชน์มัสแคทเพิ่มขึ้นเกือบ 18 เท่าจากปี 2016 ซึ่งใช้พื้นที่ปลูกคิดเป็น 71.8% ของพื้นที่ปลูกองุ่นทั้งหมด ขณะที่ข้อมูลจากสถาบันวิจัยไม้ผล แห่งสถาบันวิทยาศาสตร์จีนคาดว่า จีนจะมีพื้นที่ปลูกองุ่นไชน์มัสแคททะลุ 1 ล้านเอเคอร์ภายในปี 2022
ลักษณะผลขององุ่นไชน์มัสแคทจีน
แคทของจีนยังคงมีขนาดใหญ่และอวบอ้วน แต่ไม่อ้วนเท่าของญี่ปุ่น ผิวไม่ได้เรียบกลมไปทุกลูก แต่สีสันสวยงาม บางทีก็เจอเปลือกหนาเป็นพิเศษ
รสชาติขององุ่นไชน์มัสแคทเกาจีน
เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานคุณภาพขององุ่นไชน์มัสแคทในประเทศจีน จึงส่งผลให้รสชาติขององุ่นแตกต่างกันมาก มีทั้งหอมหวานองุ่น ไปจนถึงจืด ฝาดและเปรี้ยว รสชาติไม่อร่อยมาก บางลูกจืด ไม่รสชาติ หรือบางลูกก็เปรี้ยวและฝาดด้วยซ้ำ บางทีก็เจอเปลือกหนาเป็นพิเศษ เนื้ออาจมีรสหวานเกินไป แถมกลิ่นกุหลาบที่เป็นจุดเด่นของสายพันธุ์นี้หายไปหมด ทำให้ไม่ต่างจากองุ่นทั่วไป