อย่าเพิ่งทิ้ง! แกนสับปะรดมีประโยชน์มากกว่าที่คิด | คมชัดลึก

 

สับปะรดเป็นผลไม้รสหวานอมเปรี้ยวที่มีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันมะเร็งลำไส้ ปกป้องเซลล์จากการทำลายของรังสีอัลตราไวโอเลต ลดความเสี่ยงของภาวะกระดูกพรุน และยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและสมานบาดแผลอีกด้วย เนื่องจากอุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ เช่น วิตามินซี วิตามินบีเกือบทุกชนิด  กรดโฟลิก กรดเฟอรูลิก แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม แมงกานีส และ ฟอสฟอรัส 

 

 

 

 

นอกจากนี้ สับปะรด ยังมีเอนไซม์ โบรมีเลน (Bromelain) อยู่ในปริมาณมาก เอนไซม์นี้มีฤทธิ์ช่วยย่อยอาหาร โดยเฉพาะโปรตีน ทำให้ไม่รู้สึกแน่นท้องหลังทานอาหาร ช่วยสมานแผล และลดการอักเสบของกระเพาะอาหารและลำไส้ ลดการเกาะกันเป็นลิ่มเลือดของเกล็ดเลือด เพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย และยังลดโอกาสเกิดโรคมะเร็งต่าง ๆ เนื่องจากเอนไซม์โบรมีเลนจะทำให้เม็ดเลือดขาวหลั่งสารไซโตไคน์ (Cytokine) ทำให้เม็ดเลือดขาวกำจัดเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งเอนไซม์โบรมีเลนนี้มีอยู่ในทุกส่วนของสับปะรดแต่จะพบมากที่สุดในแกนสับปะรด

 

 

 

 

 

มีงานวิจัยศึกษาปริมาณโบรมีเลนในสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย และ พันธุ์ภูเก็ต พบว่า สารสกัดจากแกนสับปะรด มีปริมาณเอนไซม์โบรมีเลนสูงกว่าสารสกัดจากเนื้อสับปะรด แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักจะนิยมทานเฉพาะเนื้อ และทิ้งแกนสับปะรดไป เพราะมีรสชาติไม่หวานและเนื้อสัมผัสแข็งกระด้าง

 

 

 

ปัจจุบันมีการนำสารสกัดจากโบรมิเลนไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากขึ้น เช่น อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์มีการฉีดสารสกัดโบรมีเลนเข้าไปในกล้ามเนื้อสัตว์ช่วยให้เนื้อสัตว์นุ่มขึ้น หรือผสมโบรมีเลนในอาหารสัตว์เพื่อช่วยให้สัตว์มีนํ้าหนักเพิ่มขึ้น สำหรับอุตสาหกรรมผลิตเบียร์ ไวน์ และ น้ำผลไม้ต่าง ๆ มีการใช้โบรมีเลนเพื่อป้องกันการตกตะกอนขณะเก็บรักษาในอุณหภูมิต่ำ นอกจากนี้ยังนำไปใช้ในอุตสาหกรรมฟอกหนังสัตว์เพื่อเพิ่มคุณภาพหนังสัตว์ ให้เรียบและนุ่มขึ้นอีกด้วย