ไลฟ์สไตล์

เชฟชุมพล แจ้งไพร รังสรรค์เมนู "อาหารไทย" พร้อมเสิร์ฟ ผู้นำ APEC 2022

เชฟชุมพล แจ้งไพร รังสรรค์เมนู "อาหารไทย" พร้อมเสิร์ฟ ผู้นำ APEC 2022

12 พ.ย. 2565

เชฟชุมพล แจ้งไพร เผยเมนู "อาหารไทย" ในงาน เลี้ยงกาลาร์ดินเนอร์ ผู้นำ APEC 2022 ค่ำคืนวันที่ 17 พฤศจิกายน ณ หอประชุมกองทัพเรือ

นับถอยหลังในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ 21 เขตเศรษฐกิจ หรือ การประชุม APEC 2022 ซึ่ง ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2565 ที่จะถึงนี้ โดยจะมีงานเลี้ยงกาลาร์ดินเนอร์อย่างเป็นทางการ ในค่ำคืนวันที่ 17 พฤศจิกายน ณ หอประชุมกองทัพเรือ และวันนี้ คมชัดลึก ออนไลน์ มีโอกาสได้พูดคุยกับ เชฟชุมพล แจ้งไพร ผู้รังสรรค์เมนู "อาหารไทย" และเครื่องดื่มในค่ำคืนพิเศษนี้ ที่ร้าน R HAAN ทองหล่อ ซอย 9 

เชฟชุมพล แจ้งไพร

 

เชฟชุมพล เผยว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลให้เป็นผู้ดูแลเรื่อง อาหาร ในงาน กาลาร์ดินเนอร์ ในค่ำคืนวันที่ 17 พฤศจิกายน ณ หอประชุมกองทัพเรือ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Sustainable Thai Gastronomy” แปลตรงตัวว่า คนปลูกยั่งยืน คนทำยั่งยืน คนกินยั่งยืน ประเทศยั่งยืน และโลกยั่งยืน โดยเลือกใช้วัตถุดิบของไทยทั้งหมด รวมถึงเครื่องดื่ม สอดคล้องกับแนวคิดหลักของการเป็นเจ้าภาพ APEC 2022 ของประเทศไทย ได้แก่ 1) Open เปิดประสบการณ์อาหารไทย ในทุกมิติ นำเสนอรสชาติที่กลมกล่อม ประกอบด้วย 8 รสชาติ ได้แก่ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด ปร่า ขม และจืด 2) Connect คัดสรรวัตถุดิบจากแหล่งผลิตท้องถิ่นทั่วประเทศไทย รวมทั้งที่ได้ขึ้นทะเบียน “สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์” เพื่อนำเสนอความอุดมสมบูรณ์ของไทยที่เป็นครัวของโลก และ 3) Balance การรักษาสมดุลระหว่างธรรมชาติและการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยผ่านการน้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ซึ่ง ประเทศไทย ได้นำเป็นแนวทางเพื่อสร้างหุ้นส่วน เพื่อเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

 

ยำใหญ๋ ผักออร์แกนิค ใส่ไก่บ้านย่าง และกุ้งมังกร 7 สี

 

ข้าวหอมมะลิ หรือข้าวไรซ์เบอรี่ เสิร์ฟพร้อมมัสมั่นเนื้อโพนยางคำ, ต้มข่าปลาเก๋ามุก และสตูว์ผักใส่ขนุนอ่อน

 

สำหรับ "อาหารไทย" ในงาน กาลาร์ดินเนอร์ แบ่งเป็น 4 คอร์สเมนู จะเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย และสตาร์ทเตอร์ 1 คอร์ส คอร์สที่ 2 เป็นสลัด คอร์สที่ 3 เป็นเมนคอร์ส และคอร์สที่ 4 เป็นของหวาน รวมถึงผลไม้ไทย จับคู่กับเครื่องดื่ม ซึ่งทุกเมนูจะเป็นฮาราลทั้งหมด ไม่มีส่วนประกอบจากเนื้อหมู แต่จะมีทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ มีทั้งผักสมุนไพร เช่น คาร์เวียโครงการหลวง จากดอยอินทนนท์, ผักจากโครงการหลวง, ผักจากวิสาหกิจชุมชน, ผักออร์แกนิกส์จากวังน้ำเขียว, ไก่จากเบตง, กุ้งมังกร 7 สี / ปลาเก๋ามุก จากภูเก็ต, เนื้อโคขุนโพนยางคำ และที่ขาดไม่ได้คือโคราชวากิว รวมถึงข้าวหอมมะลิใหม่นาปี และข้าวไรซ์เบอร์รี่ ส่วนคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ เชฟนำเสนอเป็น plant based โดยใช้ขนุนอ่อน เห็ดแครง และเห็ดชนิดหลายๆ ชนิดของประเทศไทยเป็นวัตถุดิบหลัก

 

ของหวาน

 

ผลไม้ไทย

 

ขนมห้อมแกงเผือกมิลเฟย เสิร์ฟพร้อมซอร์เบท์เสาวรส

 

ของหวาน เป็นขนมห้อมแกงเผือกมิลเฟย เสิร์ฟพร้อมซอร์เบท์เสาวรส โดย เชฟชุมพล เลือกใช้น้ำตาลโตนดซึ่งเป็นน้ำตาลจากธรรมชาติล้วนๆ และน้ำตาลอ้อยไม่ฟอกสี โดยนำรูปแบบ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เข้ามาช่วยผลักดันเพื่อให้ประเทศไทยเป็นครัวโลกอย่างแท้จริง ด้วยการพัฒนาด้านการเกษตร ในระบบของ BCG ทั้งหมด

 

อาหารไทย 4 ภาค ประกอบด้วย ข้าวซอยหมี่กรอบ, เนื้อโคราชวากิวย่างจิ้มแจ่ว หรือ ปลาดุกนาย่างสะเดาน้ำปลาหวาน, ต้มยำกุ้งในรูปแบบคร็อกเก็ต และไก่เบตงย่างกอและ

 

กระทงทองคาร์เวีย จากโครงการหลวง ดอยอินทนนท์

 

อาหารว่าง เป็นการนำเสนออาหาร 4 ภาค คือ ภาคเหนือ เป็นข้าวซอยหมี่กรอบ, ภาคอีสาน เป็นเนื้อโคราชวากิวย่างจิ้มแจ่ว ส่วนคนที่กินเนื้อจะเสิร์ฟเป็น ปลาดุกนาย่างสะเดาน้ำปลาหวาน, ภาคกลาง เป็นต้มยำกุ้งในรูปแบบคร็อกเก็ต ส่วนภาคใต้ เป็นไก่เบตงย่างกอและ ซึ่งทุกส่วนเป็นอาหารไทย นำเสนอในรูปแบบ fine dining เพื่อให้ทุกท่านได้ลิ้มรสภายใต้คอนเซ็ปต์ 5 สัมผัส กับ 8 รสชาติ ซึ่ง 5 สัมผัสที่ผู้นำและแขกผู้มีเกียรติทุกท่านจะได้รับคือ รูป รส กลิ่น สี และเนื้อสัมผัส เพราะอาหารไทยจะมีรูปที่สวยงาม, รสชาติที่หลากหลาย, กลิ่นที่หอม, สีสันที่สวยงาม และเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันไป ส่วนรสชาติที่ทุกคนจะได้รับประกอบด้วย 8 รสชาติ ได้แก่ เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด มัน ซึ่งเป็น 5 รสชาติหลัก และ ฝาด ขม ซ่า ซึ่งเป็นรสชาติรอง

 

เชฟชุมพล แจ้งไพร

 

ในส่วนของเครื่องดื่มเป็นของไทยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นไวน์, แชมเปญ, สปาร์คกิ้งไวน์, ชา, น้ำผลไม้สด รวมทั้งน้ำดื่ม อาทิ กรานมอนเต้ จากวิลเลจ ฟาร์ม วังน้ำเขียว,กาแฟจากน่าน, น้ำส้มจากเชียงใหม่, น้ำฝรั่งจากเขาใหญ่, น้ำสับปะรดสีทองจากตราด ฯลฯ

 

สำหรับการจัดโต๊ะอาหาร ภายในราชนาวีสโมสร เชฟชุมพล เผยว่า จะจัดเป็นรูปโค้งคล้ายพระจันทร์เสี้ยว ประมาณ 50 ที่ โดยเรียงลำดับที่นั่งตามตัวอักษร ยกเว้นประเทศไทยซึ่งเป็นเจ้าภาพจะอยู่ตรงกลาง 

 

ทั้งนี้ เชฟชุมพล กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้เตรียมวัตถุดิบ และทีมงานพร้อมแล้ว โดยมีทีมทำอาหารทั้งหมด 30 คน พนักงานบริการอีกประมาณ 50 คน ซึ่งค่ำคืนพิเศษนี้ทุกท่านจะได้สัมผัสอัตลักษณ์ไทยอย่างแท้จริง ทั้งหมดมากกว่า 21 รายการ++ รวมประมาณ 25 จาน ภายใต้คอนเซ็ปต์ปีนี้ที่จะแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยไม่เคยขาดแคลน อาหาร ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตโลกอย่างไร ประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นครัวของโลกให้กับทุกคนบนโลกใบนี้

 

 

ติดตาม คมชัดลึก คลิก

Line: https://lin.ee/qw9UHd2

YouTube: https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w