ไลฟ์สไตล์

'วันคริสต์มาส' มีประวัติที่มาอย่างไร ทำไมตรงกับ 25 ธ.ค. ซานตาครอส มาจากไหน

'วันคริสต์มาส' มีประวัติที่มาอย่างไร ทำไมตรงกับ 25 ธ.ค. ซานตาครอส มาจากไหน

25 ธ.ค. 2566

'วันคริสต์มาส' มีประวัติและความสำคัญอย่างไร ทำไมต้องตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปี ขณะที่ 'ซานตาครอส' มาจากไหน ทำไมเด็กๆ ถึงเฝ้ารอคอย

'วันคริสต์มาส' (Christmas หมายถึง พิธีมิสซาของพระคริสต์) หรือ วันสมโภชพระคริสตสมภพ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อเฉลิมฉลองการประสูติของ พระเยซู เป็นวันหยุดทางศาสนาและวัฒนธรรม ประชากรหลายพันล้านคนทั่วโลกจัดการเฉลิมฉลองในวันที่ 25 ธ.ค. วันดังกล่าวเน้นปีพิธีกรรมของคริสต์ศาสนิกชนเป็นสำคัญ 'วันคริสต์มาส' เป็นวันปิดเทศกาลเตรียมการรับเสด็จ และวันเริ่มต้นเทศกาลพระคริสตสมภพ สิบสองวัน คริสต์มาส เป็นวันหยุดราชการในหลายประเทศทั่วโลก และมีผู้ที่ไม่ใช่คริสต์ศาสนิกชนหันมาเฉลิมฉลองกันมากขึ้น และเป็นส่วนสำคัญใน คริสต์มาส และฤดูวันหยุด

 

 

ประวัติ 'วันคริสต์มาส'

 

หลักฐานเก่าแก่ที่สุดของการเฉลิมฉลองวันที่ 25 ธ.ค. เป็นงานสมโภชการประสูติของพระเยซูตามพิธีกรรมแบบคริสต์นั้นปรากฏใน "ปฏิทินแห่ง ค.ศ. 354" ซึ่งเป็นหลักฐานในกรุงโรม ขณะที่ศาสนาคริสต์ตะวันออก การประสูติของพระเยซูนั้นมีการเฉลิมฉลองโดยเชื่อมโยงกับการเสด็จมาของ พระเยซู ในวันที่ 6 ม.ค. แล้ว การเฉลิมฉลองวันที่ 25 ธ.ค. ทางตะวันออกได้รับไปภายหลัง ในแอนติออก โดย จอห์น คริสซอสตอม ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 4 อาจเป็น ค.ศ. 388 และในอเล็กซานเดรียเฉพาะในอีกศตวรรษต่อมา แม้ในทางตะวันตก การเฉลิมฉลองการสมภพของ พระเยซู ดูเหมือนจะมีต่อไปกระทั่งหลัง ค.ศ. 380

 

 

ประเพณีที่ได้รับความนิยมจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับ คริสต์มาส พัฒนาขึ้นโดยแยกจากพิธีฉลองการประสูติของ พระเยซู โดยบางส่วนมีกำเนิดในเทศกาลก่อนคริสเตียนรอบเทศกาลฤดูหนาวโดยประชากรเพเกินผู้ที่ภายหลังเปลี่ยนมานับถือ ศาสนาคริสต์ ส่วนเหล่านี้ รวมทั้งเค้กขอนไม้จากตรุษฝรั่ง และการให้ของขวัญจากแซเทิร์นาเลีย ได้ผสมเข้ากับ คริสต์มาส ในห้วงหลายศตวรรษ บรรยากาศซึ่งมีอยู่ทั่วไปของคริสต์มาสยังได้วิวัฒนาอย่างต่อเนื่องนับแต่การเริ่มต้น โดยมีหลากหลายตั้งแต่สภาพเสียงดัง มึนเมาและคล้ายงานรื่นเริงในยุคกลาง มาเป็นธีมที่สงบลง โดยเน้นครอบครัวและยึดเด็กเป็นศูนย์กลางเริ่มตั้งแต่การปฏิรูปในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ยิ่งไปกว่านั้น การเฉลิมฉลองคริสต์มาสยังเคยถูกห้ามมากกว่าหนึ่งครั้งในนิกายโปรแตสแตนท์เพราะความกังวลว่าประเพณีนั้นเป็นเพเกินหรือแย้งต่อคัมภีร์ไบเบิลมากเกินไป

 

 

การเฉลิมฉลอง

 

'วันคริสต์มาส' เป็นเทศกาลหลักและวันหยุดราชการในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่มิใช่คริสต์ศาสนิกชน ในบางประเทศที่มิใช่คริสต์ ประเทศเหล่านี้รับคริสต์มาสเข้ามาระหว่างถูกปกครองเป็นอาณานิคม (เช่น ฮ่องกง) ส่วนในประเทศอื่น ประชากรค่อยๆ รับเอาการเฉลิมฉลองของคริสต์ศาสนิกชนกลุ่มน้อยหรืออิทธิพลจากวัฒนธรรมต่างประเทศ ในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลี

 

คริสต์มาส เป็นที่นิยมแม้มีคริสตศาสนิกชนน้อย ก็ได้รับเอาคริสต์มาสส่วนที่เป็นฆราวาสหลายอย่าง เช่น การให้ของขวัญ การประดับตกแต่ง และต้นคริสต์มาส ประเทศที่คริสต์มาสไม่ใช่วันหยุดราชการ เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน (ยกเว้นฮ่องกงและมาเก๊า) ญี่ปุ่น ซาอุดิอาระเบีย อัลจีเรีย ไทย เนปาล อิหร่าน ตุรกี และเกาหลีเหนือ การเฉลิมฉลองคริสต์มาสรอบโลกอาจมีรูปแบบแตกต่างกันชัดเจนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละชาติ

 

 

การให้ของขวัญ

 

การแลกของขวัญเป็นหนึ่งในแง่มุมหลักของการเฉลิมฉลอง คริสต์มาส สมัยใหม่ ซึ่งทำให้ เทศกาลคริสต์มาส เป็นช่วงทำกำไรสูงสุดของปีสำหรับผู้ค้าปลีกและธุรกิจทั่วโลก การให้ของขวัญเป็นปกติในการเฉลิมฉลองแซเทิร์นาเลีย (Saturnalia) เทศกาลโบราณของโรมันซึ่งจัดขึ้นในปลายเดือนธันวาคมและอาจมีอิทธิพลต่อประเพณีคริสต์มาส การให้ ของขวัญคริสต์มาส ถูกห้ามโดยคริสตจักรคาทอลิกในยุคกลางเพราะสงสัยประเพณีดังกล่าวว่ามีต้นกำเนิดมาจากเพเกิน ภายหลังคริสตจักรใช้เหตุผลตัดสินบนพื้นฐานว่าเป็นการเชื่อมโยง นักบุญนิโคลัส กับ คริสต์มาส และของขวัญที่เป็นทองคำ กำยานและมดยอบก็ได้มอบถวายแด่พระกุมารเยซูโดยนักปราชญ์ทั้งสาม

 

 

ซานตาคลอส

 

ซานตาคลอส หรือรู้จักกันในชื่อ นักบุญนิโคลัส, ฟาเธอร์คริสต์มาส หรือเรียกสั้นๆ ว่า "ซานตา" เป็นบุคคลที่มีจุดกำเนิดทางตำนาน เทพปกรณัม ประวัติศาสตร์และตำนานพื้นบ้าน ตามวัฒนธรรมตะวันตกหลายประเทศ กล่าวกันว่าเขาเป็นผู้นำของขวัญไปยังบ้านของเด็กดีในช่วงเย็นและข้ามคืน วันคริสต์มาสอีฟ วันที่ 24 ธ.ค. ภาพลักษณ์สมัยใหม่ถูกดัดแปลงมาจากภาพลักษณ์ซินเทอร์กลาส แบบดัตช์ ซึ่งอาจมีพื้นฐานมาจากเรื่องเล่าชีวประวัตินักบุญเกี่ยวกับบุคคลในประวัติศาสตร์ผู้ให้ของขวัญชื่อ นักบุญนิโคลัส อีกทอดหนึ่ง เรื่องเล่าที่แทบไม่ต่างกันยังปรากฏในตำนานพื้นบ้านกรีกและไบแซนไทน์ คือ บาซิลแห่งซีซาเรีย วันสมโภชของบาซิลในวันที่ 1 ม.ค. นั้น ถูกมองว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการแลกของขวัญในกรีซ

 

โดยทั่วไป ซานตาคลอส หลายคนคิดภาพว่าเป็น ชายเคราขาวร่างท้วมผู้ร่าเริงสนุกสนาน สวมโค้ทสีแดงกับคอเสื้อสีขาว กางเกงขายาวสีแดง เข็มขัดและรองเท้าหนังสีดำ (ภาพของเขามักไม่ค่อยมีเคราโดยไม่มีหนวด) ซึ่งภาพลักษณ์นี้ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาในคริสต์ศตวรรษที่ 19 เนื่องจากอิทธิพลอย่างสำคัญของกวี "การมาเยี่ยมจากนักบุญนิโคลัส" ของคลีเมนต์ คลาร์ก มัวร์ ใน ค.ศ.1823 และของนักเขียนภาพล้อเลียนและนักวาดการ์ตูนการเมือง โทมัส แนสต์

 

ตามความเชื่อซึ่งสามารถสืบย้อนไปได้ถึง ค.ศ. 1820 ซานตาคลอส อาศัยที่ขั้วโลกเหนือ พร้อมกับเอลฟ์มีเวทมนตร์จำนวนมากและกวางเรนเดียร์เหาะเก้าตัว (แต่เดิมมีแปด) ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 20 ในแนวคิดซึ่งทำให้ได้รับความนิยมโดยเพลง "ซานตาคลอสกำลังมาเมือง" ใน ค.ศ. 1934 เชื่อกันว่า ซานตาคลอส ทำรายชื่อเด็กทั่วโลก และแบ่งประเภทพวกเขาตามพฤติกรรม ทั้ง ดื้อ และ น่ารัก

 

ในกลางดึก 'วันคริสต์มาส' ซานตาคลอส จะแอบเข้าไปในบ้านที่มีเด็กประพฤติดีทางปล่องไฟ เพื่อนำของขวัญไปใส่ในถุงเท้าที่แขวนรอไว้หน้าเตาผิง รวมทั้งของเล่นและลูกกวาด และบางครั้งส่งถ่านหินไปให้เด็กดื้อ ภายในคืน วันคริสต์มาสอีฟ คืนเดียว เขาสำเร็จได้ด้วยความช่วยเหลือของเอลฟ์ผู้ทำของเล่นในโรงงาน และกวางเรนเดียร์ที่ลากเลื่อนหิมะของเขา