ไลฟ์สไตล์

21 พฤษภาคม "วันชาสากล" ชา มีประโยชน์อย่างไร ทำไมคนไทยถึงชอบดื่ม

21 พฤษภาคม "วันชาสากล" ชา มีประโยชน์อย่างไร ทำไมคนไทยถึงชอบดื่ม

21 พ.ค. 2567

21 พฤษภาคม "วันชาสากล" International Tea Day ชา มีประโยชน์อย่างไร ทำไมคนไทยถึงชื่นชอบดื่ม ฉลากที่แสดงบนบรรจุภัณฑ์ต้องมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง

"วันชาสากล" (International Tea Day) ตรงกับวันที่ 21 พฤษภาคม จุดเริ่มต้นเริ่มมาจากเกษตรกรผู้ปลูกชากลุ่มเล็กๆ หลายกลุ่มในเบงกอลตะวันตกและหลายรัฐทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องถึงสิทธิและความชอบธรรมในการค้าชาของตน ในขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ชื่นชอบการ ดื่มชา เพื่อดับกระหาย มีหลากหลายรสชาติจากพืชผัก ผลไม้ ดอกไม้ แนะผู้บริโภคอ่านข้อมูลบนฉลากให้ละเอียดก่อนเลือกซื้อ เลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ชาที่อ้างสรรพคุณรักษาโรค

 

 

ด้าน เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เผยว่า องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO กำหนดให้วันที่ 21 พฤษภาคมของทุกปีเป็น "วันชาสากล" (International Tea Day) ชาเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมตลอดกาลของคนทั่วโลก เป็นแหล่งรายได้ที่หล่อเลี้ยงครอบครัว ชุมชน และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการค้าขายในระดับโลก สำหรับประเทศไทยชาเป็นเครื่องดื่มที่คนไทยนิยมรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นการดื่มชาร้อนหรือเย็น 

 

อีกทั้งยังมีรสชาติที่หลากหลายให้เลือกดื่มด้วย ซึ่งได้จากพืชผัก ผลไม้ ดอกไม้หลากหลายชนิด ที่เรียกว่าชาจากพืช โดยนำส่วนต่างๆ ของพืชที่ผ่านกระบวนการทำให้แห้ง ผ่านการบดหยาบหรือลดขนาด พบการจำหน่ายในท้องตลาด 2 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบแรก คือ ผง ใบ ดอก ของชา เพื่อนำไปบริโภคโดยการต้มหรือชงกับน้ำ โดยไม่มีการปรุงแต่งกลิ่น รส หรือใช้วัตถุเจือปนอาหารใดๆ เช่น ชามะตูม ชาตะไคร้ ชาเขียว เป็นต้น รูปแบบที่สอง คือ ชาปรุงสำเร็จเป็นเครื่องดื่มที่มีการปรุงแต่งกลิ่นรสหรือวัตถุเจือปนอาหารได้ โดยการใช้วัตถุเจือปนอาหารต้องเป็นไปตามชนิดและปริมาณที่กฎหมายกำหนด เช่น ชาไทยปรุงสำเร็จ ชาเขียวปรุงสำเร็จ เป็นต้น

 

 

วันชาสากล

 

รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า การรับประทาน ชา ทำให้รู้สึกสดชื่น ช่วยดับกระหายได้ อย. แนะก่อนเลือกซื้อชาชนิดต่างๆ มารับประทาน ต้องอ่านฉลากก่อนซื้อทุกครั้ง โดยฉลากที่แสดงบนบรรจุภัณฑ์ต้องมีข้อความภาษาไทย และมีรายละเอียดดังนี้ 

 

  1. ชื่ออาหาร 
  2. เลขสารบบอาหาร 
  3. ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้แบ่งบรรจุหรือชื่อและที่ตั้งผู้นำเข้าและประเทศผู้ผลิต 
  4. น้ำหนักหรือปริมาตรสุทธิ 
  5. ส่วนประกอบที่สำคัญเป็นร้อยละของน้ำหนัก แสดงส่วนของพืชที่ใช้เป็นวัตถุดิบ 
  6. วันเดือนปีที่ผลิต และวันเดือนปีที่หมดอายุหรือควรบริโภคก่อน 
  7. มีข้อความแสดงคำเตือนสำหรับผู้แพ้อาหาร

 

นอกจากนี้บรรจุภัณฑ์ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่มีรอยบุบหรือฉีกขาด มีการเก็บรักษาสภาวะที่เหมาะสม ที่สำคัญควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่เชื่อถือได้ หลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ชาที่มีการโฆษณาอ้างสรรพคุณในการบำบัด บรรเทา รักษา หรือป้องกันโรค เนื่องจากชาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารไม่มีผลในการรักษาหรือป้องกันโรค

 

 

ข้อมูล : สำนักงานคณะกรรมอาหารและยา