รีวิว 'Long live love ลอง ลีฟ เลิฟว์' ถ่ายภาพเล่าเรื่อง มีสติ ในวันที่หมดเมตตา | คมชัดลึก

ภาพยนตร์แนว "ฮาม่า" (คอมเมดี้ ดราม่า) "Long Live Love! ลอง ลีฟ เลิฟว์!" ที่ได้ผู้กำกับ "มุก ปิยะกานต์ บุตรประเสริฐ" เจ้าของผลงานซิทคอม "เนื้อคู่ประตูถัดไป" และ "เนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร" มารังสรรค์เรื่องราว และการโคจรมาเจอกันครั้งแรกของ "ชมพู่ อารยา" และ "ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์"

• ภาพเก่าเล่าใหม่ : การใช้ภาพย้อนเวลาไปเผชิญกับเรื่องราวในอดีต ทุกปมปัญหาที่เกิดขึ้น คล้ายกับการส่องของเก่าที่เป็นเครื่องกระตุ้นความทรงจำ ในวันหนึ่งที่เผื่อจะนึกขึ้นมาได้ว่าควรแก้ไข แต่ที่จริงแล้ว คนเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไข หรือ คิดอะไรใหม่ได้ ทุกสิ่งที่ทำย่อมส่งผลตามมาเสมอ 

• ตำแหน่งของตัวละคร ที่เป็นจุดเชื่อมเรื่องราว : เริ่มตั้งแต่การแคสติ้งตัวละคร ที่สำคัญ คือ หากใครเป็นแฟนซิทคอมเรื่อง "เนื้อคู่ประตูถัดไป" คงจะถูกใจไม่ใช่น้อย เพราะนี่คืนการกลับมาเจอกันอีกครั้งในรอบหลายปี

ตั้งแต่บทนำเริ่มที่ "ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์" ที่รับบทเป็น สติ สมชื่อในเรื่องจากคนไร้สติที่ทำตัวเห็นแก่ตัว ทั้งที่มีครอบครัวอยู่แล้ว แต่ยังคงอยากสนุก โดยไม่สนใจใคร กระทั่งเกิดอุบัติเหตุ จึงเริ่มเรียกสติตัวเองกลับมาได้ พร้อมที่จะดูแลทุกคนในวันที่สายไปแล้ว ซึ่งการแสดงของซันนี่นั้น ก็ชื่อซันนี่จริง เป็นการตลกหน้าตาย แสดงเสน่ห์ขบขันออกมาได้อย่างคมคายเช่นเดิม ใครคิดถึงการแสดงของซันนี่ ต้องห้ามพลาดเรื่องนี้ 

ประกบคู่กับการกลับมาของตัวแม่ "ชมพู่ อารยา" รับบท เมตตา ภรรยาสาวผู้มีเมตตามาโดยตลอด แต่ต้องหมดไปด้วยความอดทนที่เกินขีดจำกัด เรื่องนี้เป็นการฉีกภาพลักษณ์เดิมของชมพู่ออกไปได้อย่างสิ้นเชิง ไม่ห่วงสวยใดๆทั้งสิ้น เข้าถึงการเป็นมนุษย์ภรรยาที่มาถึงขีดจำกัดแล้ว

การก้าวสู่นักแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของ "เบ็คกี้ รีเบคก้า" รับบท นะโม เสียงเล่าเรื่องในตอนเริ่ม และจุดจบ ผู้เปรียบเสมือนหน้าต่างในการมองความสัมพันธ์ของพ่อแม่อย่างเป็นผู้ใหญ่ จากมุมที่ยืนมองในฐานะลูก การที่นะโม หัวรั้น หรือ การที่ชอบใส่หูฟัง ก็เกิดมาจากการอยากหนีจากโลกที่พ่อแม่ทะเลาะบ่อยกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเบคกี้ก็แสดงออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ ในฐานะนักแสดงหนังครั้งแรก

นอกจากนี้ ตัวละครรอบข้างก็สร้างกิมมิคให้ภาพยนตร์ออกมากลมกล่มเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น "ป๋อมแป๋ม ธิติ" ที่มารับบทคุณน้า ที่เป็น LGBT และเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อความสัมพันธ์ของ 3 พ่อแม่ลูก

รวมถึง "ปีเตอร์" ที่รับบท นักรบ เพื่อนสุดเพลย์บอยของซันนี่ เจ้าตัวเล่าพื้นเพตั้งแต่แรกแล้วว่า ด้วยความที่ยังไม่พร้อมหยุด จึงตัดสินใจหย่าร้าง และเข้าใจว่า ตัวเองควรอยู่คนเดียว สะท้อนให้เห็นถึงคนผู้รู้นิสัยความเห็นแก่ตัวของตนเอง

พร้อมกับนักแสดงที่ทำให้หวนคิดถึงซิทคอม เนื้อคู่ประตูถัดไป อาทิ "โบ ธนากร , โอปอล์ ปาณิสรา , ปุ๊กกี้ ปวีณ์นุช" และความเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่ากับการปรากฏตัวของ "โบกี้ไลอ้อน" ในฐานะนักแสดงครั้งแรก แถมยังเป็นตัวพีคของเรื่องที่น่าติดตามไม่ใช่น้อย 

• บทภาพยนตร์ ที่แอบบังคับให้คนคิดตาม : ไม่มีอะไรเพอร์เฟค 100 เปอร์เซนต์ บทก็เช่นกัน แม้จะสอดแทรกไปด้วยความอบอุ่น ตลกขบขัน และการหวนให้นึกถึงเรื่องราวแต่ครั้งก่อนได้อย่างสมบูรณ์ แต่ที่ยิ่งกว่า คือ แอบทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด กับความสัมพันธ์ของตัวละครอย่างแท้จริง บางช่วงบีบคั้นจนแทบจะหายใจไม่ออก การนำความสำคัญมารวบตึง ด้วยระยะเวลาที่จำกัดเพียง 2 ชั่วโมง อาจจะทำให้คนดูรู้สึกกดดันที่จะต้องทำความเข้าใจกับเรื่องราวทั้งหมด รายละเอียดลึกๆของตัวละครบางอย่างสะท้อนออกมาไม่ชัดเจน แต่ทดแทนด้วยเคมีของนักแสดงที่พยายามถ่ายทอดบทบาทออกมา

• ซีนที่ชอบที่สุดคือ : ฉากที่ทะเลาะกันริมทะเลสาบ ส่วนตัวรู้สึกว่า เป็นอีกหนึ่งจุดสูงสุดของเรื่องนี้ ที่ทำให้คนดูได้เห็นการระเบิดอารมณ์ของผู้หญิง ที่เป็นทั้งแม่ และภรรยา กับความอดทน ความอดกลั้นจากการสูญเสียอะไรหลายอย่าง ตัวผู้ชายที่กำลังถ่ายทอดอารมณ์ของสามีอารมณ์ดี คอยหนีปัญหา และเห็นแก่ตัว ทั้งตัวซันนี่เองที่ใส่เต็ม และชมพู่เองที่เป็นเจ้าแม่ดราม่าอยู่แล้ว พอทั้งคู่ส่งต่ออารมณ์ออกมา จึงทำให้ทุกอย่างออกมาครบรส  

• สิ่งที่รู้สึกว่าเป็น จุดบอด : หนังสะท้อนความรู้สึกของมุมมองผู้หญิงมากจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในชีวิตคู่ ไล่เรียงตั้งแต่ขณะที่ท้องในวัยที่ไม่พร้อม จวบจนการรับมือกับความเห็นแก่ตัวของสามีที่สนใจลูกและภรรยา น้อยกว่าตรรหาของตัวเอง จนคล้ายกับเส้นเรื่องได้โยนความผิดให้ผู้ชายมากเกินไป ซึ่งจริงๆแล้วชีวิตคูา ควรนำเสนอทั้งสองด้าน เพราะความสัมพันธ์ของคนสองคนไม่มีฝ่ายใดผิด 100 เปอร์เซนต์ ทุกสิ่งย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุผลและความเป็นไป ทั้งความไม่พร้อมเป็นพ่อแม่คนตั้งแต่แรก รวมถึงความอดกลั้นที่มีน้อย ด้วยอายุหรืออะไรต่างๆ จึงนำมาสู่จุดระเบิดได้อย่างง่ายดาย

• คำเตือน : ภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจจะไม่เหมาะกับคนที่กลัวความรัก ส่วนตัวดูแล้วกลัวการแต่งงาน หรือการที่จะต้องเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน เหตุผลที่กลัวมาจากการที่กลัวถูกทำร้าย จากการที่เราเคยเจอคนรอบตัวทำร้ายกันและกัน รวมถึงกลัวว่า ตัวเองจะดีไม่พอ จนไปทำร้ายคนอื่น ส่วนคนที่อินมากๆน่าจะเป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว กำลังเป็นพ่อแม่คน หรือเป็นอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่กำลังเผชิญปัญหาเช่นเดียวกับในเรื่องนี้