ชวนเที่ยว 'ตลาดน้ำอัมพวา' นั่งเรือชมหิ่งห้อย ปักหมุดแชะภาพโขนรามเกียรติ์
'ตลาดน้ำอัมพวา' จ.สมุทรสงคราม เป็นตลาดริมน้ำซึ่งเป็นวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ตั้งแต่สมัยโบราณ และได้เลือนหายไประยะเวลาหนึ่ง ทางเทศบาล ต.อัมพวา จึงได้ฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อ 11 ส.ค. 2547
วธ. ชู Soft Power “ตลาดน้ำอัมพวา” สืบสานวัฒนธรรมไทย ชวนนักท่องเที่ยวหิ้วตะกร้าช้อปของดี กินของเด็ด ปักหมุดแชะภาพโขนรามเกียรติ์ นั่งเรือชมหิ่งห้อย พร้อมอิ่มอร่อยกับเมนูจานเด็ด ปลาทูซาเตี๊ยะ-ไอศกรีมมะม่วงน้ำปลาหวาน หนุนสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว สร้างอาชีพ เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจประเทศอย่างยั่งยืน
เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีเปิดตัว 10 ตลาดบก 6 ตลาดน้ำ สืบสานวัฒนธรรมไทย ประจำปีงบประมาณ 2566 โดยมี โชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม, ศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม, โกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม, กฤษฎี กลิ่นจงกล นายกเทศมนตรีตำบลอัมพวาและผู้นำชุมชน ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม วัฒนธรรมจังหวัด 10 จังหวัด ในพื้นที่ภาคตะวันตกและภาคกลาง ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสงคราม หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วม ณ ตลาดน้ำอัมพวา ต.อัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มีเป้าหมายและพันธกิจสำคัญ ในการเทิดทูนสถาบันหลัก รักษาสืบทอดและพัฒนาอย่างยั่งยืน มุ่งขับเคลื่อนงาน เพื่อปรับบทบาทสู่กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ สร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน จึงได้ดำเนินโครงการ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจด้วยทุนทางวัฒนธรรม ส่งเสริมอัตลักษณ์ชุมชน สู่เส้นทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม โดยดำเนินการ พัฒนาศักยภาพ เส้นทางท่องเที่ยวตลาดน้ำ สืบสานวัฒนธรรมไทยและจัดพิธีเปิดตัว 10 ตลาดบก 6 ตลาดน้ำ สืบสานวัฒนธรรมไทย ประจำปีงบประมาณ 2566 ขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชน พร้อมสนับสนุนขยายช่องทางการตลาดประชาสัมพันธ์ให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง ให้ตลาดน้ำเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของไทย
“นับว่าเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ ตลาดน้ำอัมพวา แห่งนี้ ได้รับการคัดเลือก เป็น 1 ใน 6 ตลาดน้ำ สืบสานวัฒนธรรมไทย ประจำปีงบประมาณ 2566 ของ วธ. ภาพความสำเร็จในวันนี้ ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า ตลาดน้ำอัมพวามีผู้นำและเครือข่ายการทำงานที่เข้มแข็ง ชุมชนมีทุนทางวัฒนธรรมที่เป็นตลาดน้ำที่ล้ำค่า มีสถานที่ท่องเที่ยวเชื่อมโยงที่หลากหลายน่าสนใจ คนในชุมชนมีความรักสามัคคี อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และมีความพร้อมเป็นเจ้าบ้านที่ดี ในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ผู้มาเยือนเป็นอย่างดี”
ด้าน ศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา รองผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม กล่าวว่า ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดริมน้ำซึ่งเป็นวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ตั้งแต่สมัยโบราณ และได้เลือนหายไประยะเวลาหนึ่ง ทางเทศบาลตำบลอัมพวาจึงได้ฟื้นฟูตลาดน้ำอัมพวาขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อ 11 ส.ค. 2547 ซึ่งนับว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้ตลาดซบเซาลงเป็นอย่างมาก
"สำหรับการเปิดตัวตลาดน้ำอัมพวาในครั้งนี้ ถือเป็นการปลุกกระแสการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและกระตุ้นสร้างการรับรู้ให้แก่นักท่องเที่ยวได้ทราบถึงการกลับมาของตลาดน้ำอัมพวา ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในพื้นที่ตลาดน้ำ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับประชาชน สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก สร้างความมั่งคั่งยั่งยืนให้แก่ชุมชนและประเทศชาติ พร้อมทั้ง เป็นการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย ปลูกฝังให้แก่เยาวชน ประชาชนทั่วไปได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของศิลปวัฒนธรรม นำไปสู่การอนุรักษ์สืบสาน โดยการนำทุนทางวัฒนธรรมมาพัฒนาสินค้าและบริการทางวัฒนธรรม"
ทั้งนี้ “ตลาดน้ำอัมพวา” ยังรักษาเอกลักษณ์ของความเป็นไทย มีเสน่ห์ของวิถีชีวิตบ้านริมคลอง มีไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ คือการแชะภาพกับเหล่าตัวละครจากรามเกียรติ์ ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยของเด็กนักเรียนและเยาวชนในพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ยังมีอาหารทะเลสดๆ รวมทั้งกิจกรรมท่องเที่ยวทางน้ำ ล่องเรือไหว้พระ นั่งเรือชมหิ่งห้อยกับบรรยากาศสองฝั่งคลอง มีธรรมชาติสีเขียวสดชื่นท่ามกลางแมกไม้ สวนส้มโอ สวนลิ้นจี่ และสวนมะพร้าวกะทิ
ด้านอาหารมีหลากหลายจานเด็ดที่ต้องยกนิ้วให้ กับเมนูปลาทูซาเตี๊ยะ ข้าวน้ำพริกปลาทู ซาลาเปาปลาทู ทะเลเผา ผัดไทยกุ้งสด ข้าวห่อใบบัว ไข่ปลาหมึกทอด ก๋วยเตี๋ยวกะลา และไอศกรีมมะม่วงน้ำปลาหวาน นอกจากนี้ยังมีของฝากที่สะท้อนอัตลักษณ์ชุมชน เช่น อาหารทะเลแปรรูป ส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ ขนมโสมนัส ขนมจ่ามงกุฎ น้ำตาลมะพร้าวแท้ หัวโขนจิ๋ว เครื่องเบญจรงค์ พวงกุญแจหิ่งห้อย กระเป๋าผ้าขาวม้า และโปสการ์ดภาพสวยๆ ของตลาดน้ำเป็นของฝากติดไม้ติดมือกันอีกด้วย เปิดบริการในวันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 16.00 - 22.00 น.