
ชวนเที่ยว "ภูพระบาท" แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม จ. อุดรธานี
ชวนเที่ยว "ภูพระบาท" ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี จ. อุดรธานี ที่ยูเนสโกเพิ่งจะประกาศให้เป็น "มรดกโลกทางวัฒนธรรมอย่างเป็นทางการ" โดยเป็นแหล่งมรดกโลกลำดับที่ 8 และแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 5 ของประเทศไทย
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ที่ตั้งบนภูพระบาท เทือกเขาภูพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ชื่อ “ภูพระบาท” มีที่มาจากรอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐานอยู่บนเทือกเขาหินทรายแห่งนี้ และภายในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
นอกจากนี้ ยังมีเสาหินและเพิงหินขนาดใหญ่กระจายตัวอยู่ทั่วไป เพิงหินเหล่านี้เป็นหินทรายในหมวดหินภูพาน สมัยครีเทเชียส Cretaceous period) ราว 130 ล้านปีมาแล้ว ที่ถูกกระบวนการทางธรรมชาติกัดเซาะ มาเป็นเวลาหลายล้านปี ทำให้สภาพภูมิประเทศแปรเปลี่ยนเป็นเสาหินและเพิงหินรูปร่างสวยงามแปลกตาเช่นในปัจจุบัน
ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ตามที่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี เป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมในชื่อ “ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี” (Phu Phrabat, a testimony to the Sima stone tradition of the Dvaravati period) ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย
โดยเป็นแหล่งมรดกโลกลำดับที่ 8 และแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 5 ของประเทศไทย และเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่ 2 ของจังหวัดอุดรธานีต่อจากแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เมื่อปี 2535 ศูนย์มรดกโลกจึงส่งใบประกาศรับรองการขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม “ภูพระบาทประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดี เป็นแหล่งมรดกโลกที่ลงนามรับรอง โดย Ms. Audrey Azoulay ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(UNESCO) มาให้กับประเทศไทย
ทั้งนี้ แหล่งมรดกโลกภูพระบาท มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ของมรดกโลกคือ เป็นแหล่งวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แสดงถึงรูปแบบการกำหนดพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ตามคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา และแสดงถึงรูปแบบทางศิลปะสีมานิมิตของวัฒนธรรมทวารวดีในบริบทของโลกและลักษณะทางภูมิทัศน์ของภูพระบาทได้มีการปรับเปลี่ยนสำหรับ การตั้งสีมานิมิตและมีใช้งานพื้นที่อย่างต่อเนื่องในการประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่องกว่า 4 ศตวรรษ อีกทั้งมีความสัมพันธ์กับประเพณีและวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสีหรือวัดป่า เป็นการใช้พื้นที่ที่แสดงถึงวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดีที่โดดเด่นที่สุดในที่ราบสูงโคราช
จังหวัดอุดรธานี เป็นจังหวัดที่มีแหล่งมรดกโลก 2 แห่งในจังหวัดเดียว คือ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงและอุทยานประวัติภูพระบาท “หอนางอุสา” ไฮไลต์ของอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เป็นเพิงหินสูงรูปร่างแปลกตาคล้ายดอกเห็ด ล้อมรอบด้วยใบเสมา แสดงให้เห็นถึงการเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์หรือพัทธสีมาของสงฆ์เมื่ออดีตกาลนานนับพันปีมาแล้ว มนุษย์ได้ขึ้นมาดัดแปลงหอนางอุสาให้เป็นศาสนสถานในศาสนาพุทธ โดยการสกัดพื้นที่ใต้หลังคาแล้วก่อหินทำเป็นห้องขนาดเล็กและนำหลักเสมามาปักล้อมรอบทั้ง 8 ทิศ