ข่าว

เรื่องของทอง

เรื่องของทอง

31 ส.ค. 2554

เรื่องของทอง : วันเว้นวัน จันทร์ พุธ ศุกร์ กับ ประภัสสร เสวิกุล

          มีหลักฐานว่า มนุษย์เรารู้จักทองคำมาเป็นเวลา 5,000 ปีแล้ว และทองได้เป็นที่ยอมรับทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้าและการนำมาประดิษฐ์ให้เป็นงานศิลปะ รวมทั้งเป็นเครื่องแสดงสถานะของความมั่งคั่งร่ำรวย มาเป็นเวลานานแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ก็มาจากคุณสมบัติที่สำคัญของทองเอง นั่นคือ ความงดงามแวววาว มีสีสันที่งดงามตามธรรมชาติ ทองแท้ไม่ทำปฏิกิริยาต่อสารเคมี จึงไม่ขึ้นสนิม ไม่ผุกร่อน ไม่หมอง แม้จะผ่านกาลเวลามาหลายพันปี ทองมีคุณสมบัติในความเหนียว สามารถนำไปขึ้นรูป รีดขยาย หรือตีแผ่ให้เป็นแผ่นบางๆ ได้ นอกเหนือจากการนำไปหลอมเพื่อนำกลับมาใช้ในรูปแบบใหม่ได้

           ในศตวรรษที่ 14-16 ชาวยุโรปมีความคิดว่า ทองคำมีเสถียรภาพสูง จึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาทองคำจากแหล่งต่างๆ ของโลกมาสะสมไว้ แนวคิดดังกล่าวทำให้เกิดลัทธิล่าอาณานิคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการค้นพบทองคำในทวีปอเมริกาเหนือและการยึดครองดินแดน รวมทั้งทองคำจากชนเผ่าอินคาในอเมริกาใต้ นอกจากนี้ในเวลาต่อมาประเทศเจ้าอาณานิคมยังใช้ดินแดนที่เป็นอาณานิคมของตนเป็นแหล่งวัตถุดิบพร้อมๆ กับการระบายสินค้าซึ่งตั้งราคาสูง โดยใช้ทองคำเป็นสิ่งชำระหนี้ ทำให้ทองคำหลั่งไหลเข้าสู่ยุโรป และประเทศเจ้าอาณานิคมก็ใช้ทองคำในการสร้างความหรูหราฟุ่มเฟือย รวมทั้งเสริมสร้างกำลังทหารของตน ซึ่งเป็นรากฐานของความเชื่อในการสะสมทองคำเพื่อสร้างความมั่ฯคงและมั่งคั่งของประชาชนและประชาชาติต่างๆ มาจนถึงทุกวันนี้

          ปัจจัยที่ทำให้ทองคำเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกก็คือ ทองคำเป็นสิ่งที่มีคุณภาพและคุณลักษณะที่ไม่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะมาจากแหล่งใด ทองคำมีค่าในตัวของมันเอง และสามารถนำไปใช้ในการทำเครื่องใช้ เครื่องประดับ วงการอุตสาหกรรม จนถึงโครงการอวกาศ ที่สำคัญคือ ทองคำเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงสำหรับการลงทุน และถูกใช้เป็นทุนสำรองของประเทศต่างๆ รวมทั้งการชำระหนี้แทนเงินสกุลดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง

           สำหรับคนไทยเรา ทองคำมีความใกล้ชิดกับชีวิตและสังคมมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดังมีคำเรียกดินแดนที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบันว่า สุวรรณภูมิ มีภาษิตที่เกี่ยวกับทอง เช่น “มีเงินนับว่าเป็นน้อง มีทองนับว่าเป็นพี่” “เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร” “ทองแท้ไม่กลัวไฟ” เป็นต้น และการขึ้นหรือลงของราคาทองคำก็ส่งผลต่อคนในวงกว้าง ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำเมื่อเทียบกับเงินบาทนั้น เกิดมาจากเหตุผล 2 ประการ คือ ราคาทองคำในตลาดโลก และอัตราแลกเปลี่ยน ประกอบกับอุปสงค์อุปทานของตลาด เช่น ในการเกิดวิกฤติการเงินของสหรัฐ ก็ทำให้การถือครองเงินดอลลาร์หรือตราสารหุ้นมีความเสี่ยงสูง จึงหันมาซื้อทองเก็บไว้แทน ขณะที่ประเทศในเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย มีสถานะทางเศรษฐกิจดีขึ้น แต่ความมั่นใจต่อเงินดอลลาร์น้อยลง ทำให้ปริมาณทองคำไม่เพียงพอต่อความต้องการ ราคาทองคำจึงปรับตัวสูงขึ้น

           ได้มีผู้วิเคราะห์สถานการณ์ทองคำ และเงินบาท ไว้ว่า

 1.ถ้าทองคำในตลาดโลกมีราคาสูงขึ้น และค่าเงินบาทอ่อนตัวลง จะทำให้ทองคำในประเทศไทยมีราคาสูงสุด นักลงทุนจึงควรจะขายทองที่ถือครองไว้ เพื่อทำกำไร

 2.ถ้าทองคำในตลาดโลกมีราคาสูง และเงินบาทแข็งค่า กรณีนี้ทองคำอาจจะมีราคาสูงขึ้นหรือตกลงได้ นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังอย่างมาก


 3.ถ้าทองคำในตลาดโลกมีราคาลดลง และเงินบาทอ่อนตัวลง ราคาทองคำก็อาจจะสูงขึ้นหรือต่ำลงได้เช่นกัน


 4.ถ้าทองคำในตลาดโลกลดต่ำลง แต่เงินบาทแข็งค่าขึ้น จะทำให้ทองคำในประเทศไทยมีราคาต่ำสุด เป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนในการซื้อทอง

           ครับ นั่นเป็นเรื่องเกี่ยวกับทองคำและการลงทุนซื้อ-ขายทองคำ แต่สำหรับผมเองไม่ได้ตื่นเต้นไปกับราคาขึ้น-ลงของทองคำหรอกครับ เพราะความปลอดภัยของบ้านเมืองทุกวันนี้ มีทองเท่าหนวดกุ้ง ยังนอนสะดุ้งจนเรือนไหวเลยล่ะครับ