อำเภอกำแพงแสน
อำเภอกำแพงแสน : พันเรื่องแผ่นดินไทย โดย น.อ.นพ.เกรียงไกร จิรสิริโรจนากร
แผนที่เมืองโบราณสมัยทวารวดีเมื่อพุทธศตวรรษที่ 13 ที่ได้นำมาเป็นภาพประกอบในคราวนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า เมื่อครั้งยุคทวารวดีเมื่อประมาณ 1,300 ปีมาแล้วนั้น พื้นที่บริเวณราบลุ่มภาคกลางยังเป็นทะเลอยู่ โดยกินพื้นที่ลึกไปถึงกรุงละโว้ในอดีต ซึ่งก็คือ จ.ลพบุรี ในปัจจุบัน จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจแต่ประการใดว่า เหตุใดราชธานีของยุคทวารวดีจึงตั้งอยู่ที่กรุงละโว้ ดังจะเห็นได้ในแผนที่แล้วว่า ในเวลานั้นทั้งอยุธยา และกรุงเทพฯ ยังจมอยู่ในทะเล
ในสมัยทวารวดีนั้นมีเมืองท่าที่สำคัญโบราณเกิดขึ้นหลายแห่ง แต่ในคราวนี้ขอกล่าวถึง “เมืองกำแพงแสน” ซึ่งก็คือ “อำเภอกำแพงแสน” ในปัจจุบัน สำหรับเมืองกำแพงแสนเมื่อครั้งยุคทวารวดีนั้น ได้มีการสำรวจค้นพบซากเมืองโบราณจากแผนที่ทางอากาศ โดยกำแพงโบราณที่ค้นพบนั้น มีลักษณะสี่เหลี่ยมมุมมน มีขนาดความกว้างและความยาวโดยประมาณ 800 เมตร ปัจจุบันยังคงเหลือแต่คูน้ำ และคันดินที่ล้อมรอบบริเวณเมือง โดยมีต้นตะโกขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก
เมืองกำแพงแสนในครั้งยุคทวารวดีนั้น เป็นเมืองท่าชายทะเล ที่มีเมืองอู่ทอง ซึ่งปัจจุบันคือ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เป็นเมืองท่าชายทะเลอีกแห่งหนึ่งอยู่ทางทิศเหนือของเมือง ขณะที่มีเมืองนครไชยศรี ซึ่งปัจจุบันนี้คือ อ.นครไชยศรี จ.นครปฐม เป็นเมืองท่าอีกแห่งหนึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเมือง ซึ่งเมืองนครไชยศรีนี้ เป็นเมืองท่าทางการค้าที่สำคัญของยุคทวารวดี มีการขุดค้นพบวัตถุโบราณได้เป็นอันมาก นักโบราณคดีจึงสันนิษฐานว่า เมืองกำแพงแสนเป็นเมืองบริวารของเมืองนครไชยศรี
ภายหลังเมื่อเกิดตะกอนดินที่ไหลมาตามแม่น้ำสาขาต่างๆ ได้ทับถมกันขึ้น บริเวณที่เป็นนแผ่นดินเกิดใหม่จึงงอกขึ้นมา ต่อมาได้เกิดขึ้นเป็นบ้านเป็นเมืองอีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งวิวัฒนาการของราชธานี เมืองศูนย์กลางทางการค้า นับตั้งแต่กรุงละโว้ได้ขยายตัวมาเป็นราชธานีแห่งใหม่ที่กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยาฯ ตลอดจนขยับขยายกลายมาเป็นกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ฯ ในปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อสะดวกแก่การคมนาคม ขนส่งสินค้าออกทางทะเลที่อ่าวไทย
สำหรับเมืองกำแพงแสนได้ยกขึ้นเป็นอำเภอหนึ่งของ จ.นครปฐม เมื่อปี พ.ศ.2446 ที่ ต.ห้วยพระ ซึ่งปัจจุบันคือ อ.ดอนตูม ต่อมาในปี พ.ศ.2453 ได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านสามแก้ว และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “อ.สามแก้ว” ครั้นในปี พ.ศ.2460 ได้กลับมาใช้ชื่อว่า “อ.กำแพงแสน” ดังเดิม ต่อมาได้ย้ายที่ว่าการมาอยู่ที่ ต.กระพังโหม ซึ่งเป็นที่ดินของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ อินทรศักดิ์ศจี พระวรชายาฯ ในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 และภายหลังเมื่อปี พ.ศ.2531 ที่ว่าการอำเภอได้ย้ายมาอยู่ที่ถนนมาลัยแมนตราบจนปัจจุบัน ส่วนเมืองโบราณยุคทวารวดีที่ค้นพบ ปัจจุบันได้ใช้เป็นค่ายลูกเสือของ จ.นครปฐม
พรุ่งนี้ขึ้นเหนือไปสักการะ “พระธาตุดอยตุง” ที่ จ.เชียงราย กันครับ