ข่าว

เปิดใจ'อริสมันต์'ยังไม่คิดกลับไทย

เปิดใจ'อริสมันต์'ยังไม่คิดกลับไทย

26 ก.ย. 2554

'อริสมันต์' ลั่น 'ยังไม่คิดกลับเมืองไทย' ชี้เสื้อแเดงไม่ปราถนาล้มอะไรทั้งนั้น แค่ต้องการประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ : สัมภาษณ์พิเศษโดย เตชะวัฒน์ สุขรักษ์

          หลังแกนนำประกาศยุติการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ยังมีแกนนำอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่มอบตัวเพื่อต่อสู้คดี เพราะเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ทำความผิด และ 1 ในนั้น คือ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ที่ขณะนี้ยังไม่เข้ามอบตัว และเขาเป็นแกนนำคนหนึ่งที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ชุดที่แล้วต้องการจะได้ตัวมาดำเนินคดี เพราะมองว่าเป็นแกนนำสายฮาร์ดคอร์

           หลังหนีออกจากประเทศไทยกว่า 1 ปี 4 เดือน นายอริสมันต์ ยอมเปิดใจให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวเนชั่น ที่ประเทศกัมพูชา ว่าตอนนี้ยังไม่มีแนวคิดจะกลับไปต่อสู้คดีที่ประเทศไทย ขอรอดูสถานการณ์ก่อนอีกระยะหนึ่ง แต่มั่นใจไม่ได้ทำผิด

 
#จะเดินทางกลับไปสู้คดีที่ยังติดตัวอยู่ในประเทศไทยเมื่อไหร่

          คดีในเมืองไทยก็ต้องรออีกระยะหนึ่ง ผมไม่ทราบว่าคดีเป็นอย่างไร คนที่ร้องทุกข์กล่าวก็ยังไม่รู้ ซึ่งส่วนใหญ่เรื่องของผม คนที่ร้องทุกข์กล่าวโทษคือนายวีระ สมความคิด ที่กล่าวหาเรื่องน้ำมันล้านลิตร แต่ขณะนี้นายวีระติดคุกอยู่ในกัมพูชา(หัวเราะ) พวกเราก็พยายามช่วยเหลือเอานายวีระกลับประเทศ ซึ่งรู้สึกเห็นใจนายวีระ แต่เรื่องรัฐบาลก่อนที่ฆ่าประชาชน อยากให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจัดการไปสักระยะหนึ่ง อยากให้รัฐบาลใหม่และคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.) คิดว่าจะทำเรื่องนี้อย่างไร และตอนนี้ดูว่าสถานการณ์ บรรยากาศบ้านเราดีขึ้น อะไรหลายๆอย่าง คงจะพูดคุยกันด้วยเหตุผลมากขึ้น ข้อสำคัญไม่อยากให้การเมืองอีกฝ่ายเอาเรื่องสถาบันมาโจมตีคนเสื้อแดง โดยเฉพาะการโจมตีถึงแกนนำ เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนมีอิสรภาพ ออกมาจากที่จับกุมคุมขัง เพื่อให้คนเหล่านั้นได้ออกมาต่อสู้ตามแนวทางทางการเมือง ตามแนวทางประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องการ

          และเรื่องคดีความ เรายังไม่รู้ว่าทำอะไรผิด และมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิด และศาลเองก็ยังไม่รู้ว่าผิดหรือไม่ หลักฐานก็ยังไม่มี จะจับแกนนำหลายคนไปขังคุกตลอดเวลา ก็เป็นวิธีคิดที่ไม่ถูกต้องเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นถ้าวันนี้จะให้กลับประเทศไทยคือ คดีต้องไม่มีคือคิดตรรกะง่ายๆ เช่นนายกฯทักษิณ ชินวัตร  เป็นนายกรัฐมนตรีของประชาชน  ขณะเดียวกันมีนายทหารกลุ่มหนึ่งยึดอำนาจ รัฐประหาร ก็หมายความว่าศักดิ์สิทธิต้องเท่ากัน คณะปฏิวัติร้องทุกข์กล่าวโทษพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ และสั่งกระบวนการตุลาการให้พิพากษาพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเร่งด่วน แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและตัดสิทธิยุบพรรค ซึ่งในสังคมถือว่าไม่ยุติธรรมอยู่แล้ว อีกทั้งผู้ยึดอำนาจก็ยังมาเล่นการเมือง เพราะฉะนั้นต้องย้อนกลับไปว่าที่ผ่านมาต้องการอะไร

           “คุณคิดล้มเขา แต่ไม่รู้จะล้มแบบไหน สู้ด้วยนโยบายไม่ได้เลยใช้กำลัง แล้วพอใช้กำลัง คุณมาเป็นรัฐบาล เลือกตั้งก็ยังแพ้อีก พอแพ้หาวิธีการจัดการพรรคพลังประชาชน จนแตกกระสานซ่านเซ็น ท้ายสุดต้องมาเอา ส.ส. มายกมือให้อีกฝั่งหนึ่ง และพอเป็นนายกรัฐมนตรีบริหาร 2 ปี ก็มีคนมาประท้วงก็ใช้กำลังฆ่าเขาอีก แบบนี้ไม่จบไม่สิ้น”

          สิ่งที่ต้องถามสังคมและสื่อมวลชน ว่าประชาชนมีอำนาจอธิปไตยหรือยัง และประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นคำถามที่สื่อมวลชนต้องมีคำตอบ และใครเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศนี้ ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของประเทศหรืออย่างไร แต่เป็นคนกลุ่มคนเล็กที่ควบคุมอำนาจสื่อ ควบคุมอำนาจทหาร ควบคุมอำนาจบริหาร ควบคุมอำนาจทางการเงิน ควบคุมอำนาจตุลาการ และประชาชนมีแค่อำนาจไปเลือกตั้งเท่านั้นใน 7 อำนาจ แต่อีก 6 อำนาจ อยู่ในมือของคนอีกกลุ่ม ซึ่งไม่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ประชาชนต้องการแค่ 3 อำนาจของประชาชน คือ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ ขอให้ประชาชนมีส่วนร่วมเท่านั้น ผมว่าเราก็จะอยู่กันอย่างมีความสุข

          ส่วนคดีความที่ยังมีอยู่ ไม่ค่อยได้ใส่ใจ เพราะเป็นเรื่องที่ฝ่ายตรงข้ามกล่าวหา ข้อเท็จจริงก็ไม่ใช่ เราก็ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อบ้านเมือง ต่อประชาชน และจะกลับไทยเมื่อไหร่ไม่ใช่สาระสำคัญ และหากประเทศมีประชาธิปไตยเที่สมบูณณ์แบบ และจะไม่ให้กลับก็อยู่ที่เมืองนอกได้ ตราบที่เห็นประชาชนมีความสุข มีความยุติธรรม ก็พร้อมที่จะมองจากคนอยู่นอกเวทีได้ เชื่อว่าผมจะอยู่ข้างนอกอย่างมีความสุขและภาคภูมิใจด้วย

 

#การกลับไทยที่ต้องดูสถานการณ์ระยะหนึ่ง ประสานผ่านใครหรือดูสถานการณ์การเมือง

          คือผมดูว่าคอป.ทำงานไปถึงไหนแล้ว ถ้าคอป.ให้ยุติคดีการเมืองทั้งหมด และตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด และสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด ใครผิดว่าไปตามผิด หรือคอป.ฉลาดขึ้น ก็ควรเสนอให้ประเทศไทยลงสัตยาบันกรุงโรม เมื่อลงสัตยาบรรณ ก็ให้กระบวนการตุลาการระหว่างประเทศเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยเข้าเป็นภาคีสมาชิกศาลอาญาระหว่างประเทศ ใช้อำนาจตุลาการเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งจะดูว่าชุดดำมีจริงหรือไม่ เสื้อแดงฆ่ากันเองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์สั่งทหารจริงหรือไม่ หรือไม่ยอมยับยั่งการฆ่าประชาชน และศอฉ.มีส่วนร่วมรู้เห็นการฆ่าประชาชนหรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องให้คนที่เป็นกลางมาทำแล้วปัญหาก็จะจบ

          “ถ้าผมทำผิด ศาลอาญาระหว่างประเทศรู้ว่าเราทำผิด เราก็ต้องรับโทษ ตามที่จะพิจารณา แต่ขณะนี้ไม่ค่อยเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมในประเทศ ไม่ใช่การดูถูก แต่ศาลมาจากกลุ่มบุคคลที่แต่งตั้งมา สามารถชี้ซ้ายขวาได้ ”

 

#ตอนนี้ติดต่อผ่านใคร หรือทางการไทยมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง

          มีการติดต่อส่วนใหญ่ให้ผู้ใหญ่บางคนไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ประสานงาน เรื่องราวข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็ประสานงานกันอยู่ โดยประสานกับทางคนที่อยู่ในแวดวงตุลาการ ว่าเรื่องไปถึงไหน แต่ถ้าเรื่องจะต้องไปติดคุกหรือประกันตัวก็ต้องมานั่งคิดกันใหม่ ว่าเราไม่ผิดจะถูกขังได้ยังไง เพราะคนที่ฆ่าประชาชนยังอยู่ไปไหนมาไหนยังลอยนวลแล้วคนที่เรียกร้องประชาธิปไตย เพื่อประชาชนต้องถูกกระทำแบบนี้ไม่ยุติธรรม ทั้งนี้หากชนะแล้วก็ไม่คิดเป็นนายกรัฐมนตรี แต่อยากให้บ้านเมืองปกติเท่านั้น

           “หลายคนมองการเมืองหน้าเดียวไม่ลึกซึ้งพอ เช่น พวกเราถูกยึดทรัพย์ถูกคดี กล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ แล้วเวลาที่เราจนผิดปกติเคนเหลียวแลกันบ้างมั้ย แต่พอเราทำธุรกิจประสบความสำเร็จ คุณกลับมอกว่างเราร่ำรวยผิดปกติ แต่ในขณะเดียวกันคนที่ผูกขาดอำนาจทางการทหารเคยตรวจสอบหรือไม่ ว่าร่ำรวยอย่างไร ซึ่งผิดปกติ ไม่มีอาชีพเป็นนายทหารแต่ร่ำรวย และพวกนี้ไม่ถูกตรวจสอบ แต่ตรวจสอบพวกผม เหมือนพวกไพร่โตไม่ได้เลยต้องเป็นบอนไซ คนที่โตเป็นลูกของบรรดาอำมาตย์ ผูกขาดตัดตอนมาโดยตลอด” 

           แต่จากการประสานงานกับผู้ใหญ่คนดังกล่าว เห็นว่าทุกคนสามารถกลับบ้านได้แล้วและได้รับการประกันตัวในคดีเดียวกัน แต่ทำไมเราไม่ได้กลับ ซึ่งได้คำตอบว่าผมมีความคิดอันตราย เพราะเราได้บอกว่าต่อไปตุลาการต้องมีธรรมนูญชัดเจนว่าจะไม่รับกฎหมายทุกรูปแบบที่มาจากการรัฐประหาร รวมทั้งจะไม่เป็นเครื่องมือในการพิจารณาคดีโดยการกล่าวของคณะปฏิวัติ ซึ่งจะทำให้การปฏิวัติเกิดขึ้นไม่ได้

 

#มองสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยกับเรื่องที่มีการเปิดเผยว่ามีกลุ่มเตรียมล้มรัฐบาล

          พอทราบมาพอสมควร ตอนนี้กำลังนวด ใช้สูตรเดียวกับทำลายรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ โดยการใช้สื่อสารมวลชนนวดไปเรื่อยๆ นโยบายดีๆ ก็เสียไป นโยบายช่วยประชาชนก็จะบอกว่าทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งต้องพุดตรงไปตรงมาว่าอาจจะเป็นกลไกของพรรคฝ่ายค้านที่จะให้เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้รู้ว่ากลุ่มอำมาตย์ข้างบนเริ่มถอยแล้วเพราะก่อนหน้านี้เชื่อมั่นตอนเลือกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีว่าโชคดีที่สุดในประเทศ และเมื่อถึงการบริหารทำให้คิดว่าหลงผิดไปมาก และเมื่อเป็นอย่างนี้จะอุ้มชูรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ต่อไปไม่ได้เพราะจะเข้าเนื้อเรื่อย เช่นเดียวกันกับกองทัพที่ถูกตราหน้าว่าเก่งแต่ฆ่าประชาชน ทำให้มีคำนิยามว่าเมื่อมีเหตุการณ์ทหารก็จะออกมาฆ่าประชาชน ออกมาปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งนักวิเคราะห์ทั่วโลกก็มองเหมือนผม

 

#ปลายปี 2554 ที่อาจจะมีการนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณจะให้นิรโทษกรรมไปพร้อมกันหรือไม่

          เรื่องนิรโทษกรรมมองดูแล้วว่าคนที่มาจกประชาชน และอีกคนมาจากกลุ่มคนที่ยึดอำนาจ และแจ้งข้อกล่าวหากับคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีพร้อมจัดตั้งกระบวนการยุติธรรมมาตัดสินพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นคำถามว่ายุติธรรมหรือไม่ และมีความผิดตามที่กล่าวหาหรือไม่ ซึ่งควรนำกลับมาทำใหม่พร้อมดูว่าจะเอาการกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ มาพิพากษาคดีพร้อมลงโทษพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ หากเห็นไม่สมควรก็ควรคืนความเป็นธรรม ทั้งนี้มองว่าสิ่งที่คณะปฏิวัติกล่าวคนอื่นนั้นไม่ยุติธรรม

          เห็นได้จากการเลือกตั้งหากมีความผิดจริงคนก็คงไม่เลือกถึง 2 ครั้งแม้จะไม่ลงมารับสมัครเลือกตั้งเองก็ยังชนะ ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้เตรียมตัวไว้แล้วก่อนหน้านี้ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนก็สามารถทำได้ดี ได้รับเลือกชนะเลือกชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และถือว่าชนะเกินครึ่ง เพราะได้ 250 เสียง ซึ่งการบอกพรรคเพื่อไทยยังชนะไม่เกินครึ่งนั้น มีคนปํญญาอ่อนเท่านั้นที่คิดแบบนี้ ส.ส.มีทั้งหมด 500 คน พรรคเพื่อไทยได้ 265 8นก็ถือว่าเกินครึ่ง ซึ่งเป็นผลจากความดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องการให้ประชาชนมีอำนาจทั้งบริหาร นิติบัญญติ และตุลาการ

 
#ปลายปี2554จะสามารถกลับประเทศไทยได้หรือไม่

          ก็ต้องดูสถานการณ์ก่อน ซึ่งไม่ได้รีบ เพราะได้ใช้โอกาสนี้ได้ศึกษาไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาการทำเกษตร

#รอดูสถานการณ์แบบไหน

          เริ่มต้นก็ดูคอป.และดูคณะกรรมการอิสระว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ ที่มีนายอุกฤษ มงคลนาวิน เป็นประธาน เพราะทั้ง 2 องค์กรเป็นองค์กรที่พอจะพึ่งความยุติธรรมได้ โดยคอป.จะต้องตรวจสอบให้เรียบร้อยว่าสถานการณ์ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ทำไมเกิดเหตุรุนแรง และหากไม่ได้ให้ข้อมูลความจริงก็ไม่ได้มีความสมบูรณ์อยู่แล้ว ตอนนี้สรุปเอง ซึ่งคอป.ต้องดูมุมของประชาชนด้วย โดยส่วนตัวก็พร้อมให้ข้อมูลทุกเวลา แต่แนวทางการต่อสู้ของเราถูกบังคับให้ต้องออกมา และเลือกทิศทางที่จะสู้ได้อย่างปลอดภัยและมีศักดิ์ศรี ก็เลือกอยู่ในตะเข็บชายแดน หรือบางครั้งเดินทางกลับเข้าไปดูแลลูกน้อง

          “ยืนยันได้ว่าคนเสื้อแดงไม่มีขบวนการใต้ดิน ไม่คิดสู้ใต้ดิน และสู้ตามแนวทาง เพราะหากเป็นผู้ก่อการร้ายจริง วันที่ถูกจับในโรงแรมเอสซีปาร์ค มีตำรวจคนไหนบาดเจ็บ หากไม่ห้ามปรามมวลชนก็เล่นงานตำรวจแล้ว เนื่องจากการบุกจับมีการโยนระเบิด ยิงห้องพักจนพรุน และผ่านไป 1 เดือนก็มาแถลงข่าวว่าพบปืนในห้องผม ซึ่งเป็นการสร้างฉาก เพราะปืนไม่มีแมคกาซีน และอยากจะถามว่าตอนนั้นที่ทหารยิงประชาชน และหากประชาชนมีอาวุธ ทำไมไม่มีการยิงสู้ทหาร แต่พอตรวจค้นก็มาแถลงข่าวพบอาวุธ ซึ่งเห็นได้ชัดเป็นอาวุธใหม่ และหากมีผู้ก่อการร้าย ทำไมทหารไม่เสียชีวิต ซึ่งทั่วโลกตั้งคำถามเรื่องนี้”

 
#รัฐบาลเป็นของพรรคเพื่อไทยทำไมยังไม่กลับประเทศไทย

          เราไม่อยากกลับเพราะไม่อยากให้เป็นประเด็นทางการเมือง ด้วยสภาวะขณะนี้เขากำลังหาเหตุอยู่ด้วย จึงอยากให้รัฐบาลได้ทำงานตอบแทนประชาชนที่เลือกก่อน และแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ทั้งนี้ขอฝากให้รัฐบาลเรื่องการแก้ไขปัญหาหลังน้ำลด ว่า ขอให้กรมทางหลวงชนบท เจ้าหน้าที่แขวงการทาง ได้สำรวจตรวจสอบว่ามีถนนพังเท่าไหร่ และภายใน 3 เดือนต้องมีการปรับปรุงซ่อมแซมถนน ส่วนกรมชลประทานและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.) ควรชงเรื่องถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอเงินสนับสนุนเงินกู้ให้เกษตรกร นอกเหนือเงินที่รัฐบาลช่วยเหลือ และเรื่องของบ้านเรือนควรมีการพูดคุยกับโรงงานวัสดุก่อสร้าง หากรัฐบาลเข้าไปขอความร่วมมือกับประชาชนและบริษัททำอุปกรณ์ก่อสร้าง หากหลังไหนได้รับการรับรองว่าบ้านพัง ให้ไปซื้อของที่บริษัทนั้น จะได้ส่วนลด ก็จะเป็นการช่วยเหลือประชาชนด้วย ซึ่งถนนน้ำท่วมจำนวนมาก

          ทั้งนี้โครงการรถไฟ 20 บาทตลอดสาย ที่ฝ่ายค้านจับตาอยู่นั้น ขอให้ฝ่ายค้านอย่าใจร้อนรัฐบาล โดยเบื้องต้นจะต้องตรวจสอบพื้นที่รอบๆ สถานีว่าควรทำเป็นพื้นที่สร้างรายได้เพื่อเอาไปจุนเจือโครงการรถไฟ 20 บาทซึ่งเหมือนกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสถานีรถไฟจะกลายเป็นสถานที่นัดพบ โดยจะมีการทำอย่างรอบคอบ และต้องดูพื้นที่ว่าจะมีการจัดทำกันแบบไหน และอยากจะให้มีการทดลองโครงการนี้ก่อนก็ได้อาจจะกำหนดระยะเวลา 6 เดือนจะรู้ว่ามีกำไรขาดทุนหรือ ผู้ใช้บริหารเท่าไหร่ ก็จะทำให้รู้ได้ว่าจะขายพื้นที่ได้เท่าไหร่ และมูลค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์ได้ระดับหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำ คิดอย่างรอบคอบถึงคุณภาพของประชาชน หากคุ้มกันก็สามารถทำได้เลย อีกทั้งจะลดปริมาณการใช้น้ำมันและรถยนต์ส่วนตัวด้วย

 
# ข้อกล่าวหาเรื่องสถาบันกับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง

          ผมไม่โดนข้อกล่าวหานี้ ขอบอกว่าคนเสื้อแดงไม่ปรารถนาล้มอะไรทั้งนั้น เพียงแต่ต้องการประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เท่านั้น ต้องการอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงเป็นของประชาชน ประชาชนต้องมีสิทธิเลือกส.ส. ส.ว. ต้องมีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรงและมีส่วนร่วมในกระบวนการตุลาการ ถ้าหากเป็นประชาธิปไตยจริง อำนาจ เสรีภาพต้องเป็นของประชาชน ขอให้คืนอำนาจให้กับประชาชน อย่าผูกขาดกับอำนาจ วันนี้ประชาชนหูตาสว่างยังไม่พอ ปัญญาต้องสว่างแล้ว คิดได้และต้องเป็นอิสระทางความคิดด้วย