ข่าว

คาดมือปืน'ซุ้มอู่ทอง'รับงานฆ่าเสี่ยสุพรรณ

คาดมือปืน'ซุ้มอู่ทอง'รับงานฆ่าเสี่ยสุพรรณ

30 พ.ย. 2554

แกะรอยมือปืน'ซุ้มอู่ทอง'รับงานฆ่าเสี่ยค้าข้าวเมืองสุพรรณ : ตะลุยข่าว โต๊ะรายงานพิเศษ

                ช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน คงไม่แตกต่างจากเช้าวันอื่นๆ ที่นายโสภณกิตต์ จีรภากร อายุ 62 ปี ประธานศูนย์การค้าตังฮั้วค้าข้าว ซึ่งเป็นนักธุรกิจค้าข้าวชื่อดังของ จ.สุพรรณบุรี ต้องเดินทางไปให้ถึงศูนย์การค้าข้าวเพื่อดูแลกิจการที่ทำมาหลายปี หากไม่เกิดเหตุการณ์คนร้ายซึ่งคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 2 คน ใช้รถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไซโคลนแอล 200 เป็นพาหนะขับตามประกบยิง โชคดีที่กระสุนพลาดเป้าทำให้นักธุรกิจค้าข้าวรายนี้รอดตายราวปาฏิหาริย์
   
               คดีอุกฉกรรจ์ครั้งนี้เกิดขึ้นที่หน้าศูนย์การค้าตังฮั้วค้าข้าว ริมถนนสายสุพรรณบุรี-ชัยนาท ใกล้ห้างแม็คโคร หมู่ 4 ต.สนามชัย อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี โดยก่อนเกิดเหตุนายโสภณกิตต์ขับรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ ซึ่งเป็นรถสปอร์ตเปิดประทุน สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ธ 8888 ออกจากบ้านพัก ใน ต.อู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เพื่อเดินทางมาทำงานตามปกติ
   
               กระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุระหว่างที่นายโสภณกิตต์กำลังนำรถเข้าจอด มีคนร้ายซึ่งคาดว่าไม่ต่ำกว่า 2 คน ขับรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไซโคลน แอล 200 มาจอดประชิด ก่อนหนึ่งในคนร้ายจะชักปืนลูกซองยิงใส่นายโสภณกิตต์ทันที 1 นัด โชคดีที่นายโสภณกิตต์ก้มหลบทัน กระสุนจึงพลาดเป้าไปโดนกระจกรถยนต์ด้านซ้ายแตกละเอียด หลังจากนั้นคนร้ายได้ขับรถกระบะหลบหนีไปทันทีโดยมุ่งหน้าไปทาง อ.ศรีประจันต์
   
               "ก่อนที่ผมจะออกจากบ้านมีผู้ไม่หวังดีนำตะปูเรือใบไปวางไว้ที่หน้าบ้าน ผมไม่ได้คิดอะไรมาก ให้คนงานช่วยกันเก็บและรีบขับรถออกมาที่ร้านเพื่อดูแลกิจการตามปกติ แต่พอมาถึงยังไม่ทันได้จอดรถเหลือบไปเห็นรถกระบะมิตซูบิชิสีน้ำเงิน คาดว่าเป็นรุ่นไซโคลนแอล 200 เข้าจอดประชิดรถผม แล้วคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะหน้าด้านข้างคนขับยกปืนเล็งมาที่ผม จึงก้มหลบ คนร้ายได้ลั่นไกแล้วหนีไปทันที" นายโสภณกิตต์ให้การต่อตำรวจหลังเกิดเหตุระทึกไม่นาน
   
               ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี ได้ระดมกำลังไล่ล่าคนร้ายแต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบตัว ส่วนการสอบปากคำนายโสภณกิตต์ เพื่อหาเบาะแสของคนร้ายนั้น นายโสภณกิตต์อ้างว่า ไม่มีเรื่องขัดแย้งเกี่ยวกับธุรกิจค้าข้าวกับใคร นอกจากมีเรื่องฟ้องร้องกับธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.อู่ทอง เมื่อปี 2553 โดยแรกเริ่มนายโสภณกิตต์ดำเนินการฟ้องร้องให้ธนาคารปรับบัญชีหนี้สิน แต่ต่อมานายโสภณกิตต์กลับถูกธนาคารคู่กรณีฟ้องบังคับให้ใช้หนี้จำนวน 109 ล้านบาท ซึ่งคดีดังกล่าวศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 28 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ส่วนอีกประเด็นคือการฟ้องร้องพนักงานธนาคารรายหนึ่งในคดีฉ้อโกงทรัพย์จำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งในประเด็นนี้นายโสภณกิตต์ค่อนข้างมั่นใจว่าอาจเป็นชนวนเหตุแห่งคดีพยายามฆ่าครั้งนี้
   
               ขณะที่แหล่งข่าวในชุดสืบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกสถานที่เกิดเหตุพบภาพขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุไว้ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งภาพเหตุการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับคำให้การของนายโสภณกิตต์ โดยเชื่อว่าคนร้ายที่ลงมือครั้งนี้มีไม่น้อยกว่า 2 คน ซึ่งล่าสุดชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของมือปืนรับจ้างซุ้มอู่ทอง เพราะสงสัยว่าอาจจะเป็นผู้รับงานสังหารนักธุรกิจค้าข้าวรายนี้ เนื่องจากมือปืนกลุ่มนี้หลายคนนิยมใช้อาวุธปืนลูกซองสังหารเหยื่อ
     
               "มือปืนที่ก่อเหตุอาจอยู่ในซุ้มอู่ทองเพราะมีหลายคนที่นิยมใช้ปืนลูกซองในการก่อเหตุ ซึ่งกำลังตรวจสอบความเคลื่อนไหวอยู่ เพราะสงสัยว่าอาจจะรับงานสังหารเหยื่อครั้งนี้ ส่วนชนวนเหตุที่มีน้ำหนักน่าเชื่อมี 2-3 ประเด็น คือการฟ้องร้องพนักงานธนาคารรายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ดำเนินการทางการเงินให้แก่นายโสภณกิตต์มาโดยตลอดจนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน แต่ต่อมานายโสภณกิตต์ทราบว่าพนักงานธนาคารรายนี้ยักยอกเงินของตัวเองไปจำนวน 10 ล้านบาท จึงดำเนินการฟ้องร้อง นอกจากนี้ยังมีเรื่องชู้สาว และเรื่องขัดแย้งในธุรกิจโรงสีข้าว" แหล่งข่าวในชุดสืบสวนเปิดเผย
   
               แหล่งข่าวรายนี้บอกด้วยว่า ประเด็นการฟ้องร้องระหว่างนายโสภณกิตต์กับธนาคารแห่งหนึ่งนั้น ตำรวจยังไม่ได้ตัดทิ้ง แต่ค่อนข้างให้น้ำหนักน้อย เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นศาลแล้ว ขณะที่เรื่องฟ้องร้องพนักงานธนาครแห่งหนึ่งนั้นตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวพนักงานธนาคารรายนี้มาสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีพยายามฆ่าครั้งนี้หรือไม่ ส่วนเรื่องการขัดแย้งธุรกิจโรงสีข้าวอยู่ระหว่างตรวจสอบคดีเก่าอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะเมื่อหลายปีก่อนนายโสภณกิตต์เคยถูกลอบยิงมาแล้วครั้งหนึ่ง