ข่าว

'ปชป.'แฉ'ศปภ.'ซื้อเรือช่วยน้ำท่วมแพง

'ปชป.'แฉ'ศปภ.'ซื้อเรือช่วยน้ำท่วมแพง

02 ธ.ค. 2554

'วิลาศ' แฉอีก 'ศปภ.' ซื้อเรือช่วยน้ำท่วมแพง ซ้ำบริษัทคู่สัญญาเป็นม่านรูดย่านรัชดา ยันหนนี้มีหนังสือคำสั่งตรงถึงปภ. ทำ'ประชา' ดิ้นยาก เตรียมชง 'ป.ป.ช.' ลากไส้ขบวนการเขมือบถุงยังชีพปริศนา

          2 ธ.ค.54 นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงการจัดซื้อสิ่งของบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยน้ำท่วม ของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย(ศปภ.) ที่มีพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เป็น ผอ.ศปภ.ว่า มีข้อมูลใหม่ในส่วนการจุดซื้อเรือ จำนวน 2,500 ลำ วงเงิน 14,250,000 บาท ที่กระบวนการจัดซื้อเป็นการดำเนินการของ ศปภ.โดยตรง มีพล.ต.อ.ประชา เป็นผู้ลงนามและให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) เป็นผู้จัดซื้อโดยใช้งบกลางที่รับจัดสรรซึ่งมีการจัดซื้อในราคาที่แพงกว่าความเป็นจริง แบ่งออกเป็น 3 รายการ ประกอบไปด้วย 1.เรือพลาสติกขนาด 7 ฟุต บรรจุ 2-3 คน รวมไม้พาย 2 อัน จำนวน 1,000 ลำ ราคาลำละ 4,500 บาท วงเงิน 4.5 ล้านบาท ซึ่งตนทดลองสั่งซื้อจากบริษัทไทยรุ่งมาเทียบเคียงตกลำละ 2,000 บาทเท่านั้นและยังได้แถมมาอีก 5 ลำ จึงมีส่วนต่างถึง 1,500 บาท และอย่างแพงที่สุดในตลาดหรือขายตามเว็บไซด์อยู่ที่ลำละ 3,000-3,500 บาท

          2.เรือ HDPE ขนาด 3*8*1.4 เมตร บรรจุ 2-3 คน รวมไม้พาย 2 อัน จำนวน 1,000 ลำ ลำละ 6,000 บาท รวม 6 ล้านบาท เมื่อเทียงเคียงกับตัวอย่างที่ชาวบ้านเขตบางแคสั่งซื้อจากร้านย่านมหาชัย เพียงลำละ 3,450 บาท ส่วนต่างถึง 2,550 บาท และลุยน้ำมาส่งถึงที่ ขณะที่เว็บไซด์ขายเพียง 3,000 บาท และ 3.เรือพลาสติกหุ้มไฟเบอร์ขนาด 10 ฟุต บรรจุ 4-5 คน รวมไม้พาย 2 อัน 500ลำ ลำละ 7,500 บาท รวม 3,760,000 บาท ซึ่งตนยังหาราคาตลาดมาเทียบไม่ได้ แต่ได้สอบถามราคาเรือเหล็กที่ จ.อ่างทองขนาดใหญ่กว่าคือ 12 ฟุต ซึ่งเป็นวัสดุที่ต้องแพงกว่า ยังราคาเพียงลำละ 3,000 บาท จึงมีส่วนต่าง 4,500 บาท

 

ชี้บ.รัชดารีสอร์ทฯไม่เกี่ยวผลิตเรือแต่นักเที่ยวรู้ดีคือ'ม่านรูด'

          นายวิลาศ กล่าวว่า นอกจากนี้ในการจัดซื้อที่ทำกับเอกชนนั้น บริษัทที่เป็นคู่สัญญา คือบริษัทรัชดา รีสอร์ท แอนด์สปา จำกัด อยู่ที่ซอย 3 ถนนรัชดาภิเษก ที่กลุ่มนักเที่ยวต่างรู้ดีว่าเดิมคือโรงแรมบาร็อค ซึ่งเป็นโรงแรมม่านรูด ต่อมาเปลี่ยนแปลงกิจการเป็นบริษัทศิริพงศ์พืชพล ละมาปี 2549 จึงเปลี่ยนมาเป็นบริษัทรัชดา รีสอร์ทฯ ประกอบธุรกิจโรงแรมและห้องพัก โดยมีอัตราค่าเข้าพักที่ค้างคืนวันละ 1,000 บาทพร้อมอาหารเช้า และ ชั่วคราว 450 บาท / 3 ชั่วโมง แม้วันนี้จะไม่เป็นม่านรูดแล้วแต่ยังทำอะไรที่คล้ายกันอยู่เพียงแต่ไม่มีม่านเท่านั้น จึงไม่เข้าใจว่าบริษัทแห่งนี้เกี่ยวข้องกับการผลิตเรือแต่อย่างใด

          “เรื่องซื้อเรือของศปภ.จึงเชื่อว่าจะมีเรื่องตามมาอีกเยอะ เพราะเป็นเพียงกรณีเดียวจากที่ซื้อไปทั้งสิ้นหลายหมื่นลำ นอกจากนี้เรือที่ซื้อก่อนหน้านี้ 2 ขนาด ได้แก่ราคา 2.5 แสนบาท จำนวน 30 ลำ ก็ใช้พลาสติกชั้นเดียวซึ่งจะเป็นอันตรายแตกง่าย และขนาดเรือที่ใช้วัสดุ 2 ชั้นยังราคาเพียงลำละ 4-6 หมื่นบาท”นายวิลาศกล่าว

 

ดัก'ศปภ.'อ้างไม่เกี่ยวไม่ได้

          นายวิลาศ กล่าวว่า ศปภ.จะอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องไม่ได้อีกแล้ว และถึงแม้ศปภ.กำลังจะปิดตัวไปแต่ความผิดและการตรวจสอบจะมีต่อเนื่อง ในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุด หากไม่อนุมัติปภ.ก็ไปซื้อไม่ได้ เหมือนกับที่ใช้อำนาจสั่งเปิดประตูระบายน้ำอยู่ในวันนี้ และฝากไปยังข้าราชการว่า ตามกฎหมาย ตัวเองคงต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าจะติดคุกก็ให้พารัฐมนตรีไปเป็นเพื่อนด้วย

 

ชง'ป.ป.ช.'ตามบี้ถุงยังชีพล่องหน

          นายวิลาศ กล่าวว่า ทั้งหมดตนจะส่งข้อมูลให้ป.ป.ช.สอบต่อ โดยเฉพาะกรณีการจัดซื้อถุงยังชีพและสินค้าอื่นก่อนหน้านี้ของปภ. 8 รายการ วงเงิน 158 ล้านบาท เฉพาะถุงยังชีพตนส่งคนไปซื้อรายการเดียวกันจากจ.เชียงใหม่และอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ยังถูกกว่าที่ปภ.ซื้อถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และตนไม่มั่นใจว่าปภ.จัดซื้อถุงยังชีพจริงหรือไม่และจำนวนเท่าไหร่ โดยเฉพาะ ร้านเอื้อธนพัฒน์จะมีตัวตนจริงหรือไม่ เพราะนายภูมิชาย อินทรวิเชียร ประธานกรรมการตรวจรับถุงยังชีพ 1 แสนถุง บอกว่าจำหน้าคนรับของไม่ได้ ไม่มีการเซ็นตรวจรับหรือส่งมอบถุงให้ศปภ. อีกทั้งจากการตามไปตามหาถุงยังชีพราคา 800 บาท ที่อ้างว่าไว้ให้นายกฯและนายยงยุทธ ชัยดิษฐ์ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทยแจก ล่าสุดที่ไป ต.ปะสุ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ ดังนั้นป.ป.ช.จะเป็นผู้มีความเหมาะสมที่สุดเพราะมีอำนาจเรียกสอบได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรียกดูกำลังการผลิตของโรงงานเครื่องกระป๋องที่ใช้บรรจุในถุงยังชีพว่ามีการาผลิตเป็นแสนๆ กระป๋องในช่วงการจัดซื้อหรือไม่ ถ้าไม่มีแสดงว่ามีการฮั๊วกันและรู้กันก่อนแล้ว

 

บอก'ไอ้เบ้'มหาดไทยวิ่งทุกงาน

          นายวิลาศกล่าวว่า มั่นใจว่าแม้ตนจะไม่นำข้อมูลไปให้ป.ป.ช. แต่จากข้อมูลที่มีอยู่ป.ป.ช.ก็จะติดต่อมาเอง และแม้จะมีการทำถูกระเบียบด้วยการจัดซื้อวิธีพิเศษ ที่เรียกว่าวิธีพิสดาร แต่ในขั้นตอนการจัดซื้อนั้นน่าจะเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐแน่นอน โดยสรุปภาพรวมปัญหาการจัดซื้อทั้งหลายที่เกิดขึ้นคือ ศปภ.อนุมัติ ปภ.เป็นคนจัดซื้อ โดยมี “ไอ้เบ้” วิ่งงาน เรื่องนี้โยงใยกันเยอะไปจนถึงการโยกย้ายในกระทรวงหมาดไทย ที่โยงกับความดีความชอบในการแต่งตั้งคนไปนั่งเป็นบอรด์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ด้วย

 

ปัดถูกเบรคอภิปรายซักฟอก

          นายวิลาศ กล่าวด้วยว่า สำหรับข้อมูลชุดดังกล่าวนี้เตรียมใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผอ.ศปภ. แต่ไม่ได้อภิปรายและขอถอนตัวไปเองเพราะติดภารกิจต้องไปงานศพมารดา เมื่อกลับมาในช่วงค่ำวันอภิปรายฝ่ายรัฐบาลก็ยังประท้วงไม่จบ และส่วนหนึ่งเพราะความผิดพลาดของฝ่ายค้านเองที่อภิปรายแตะบุคคลอื่นไปทั่วทำให้เข้าทางรัฐบาลในการใช้สิทธิพาดพิง จึงไม่ได้เป็นตามข่าวลือที่ว่าถูกขอร้องจากรัฐบาลไม่ให้อภิปรายแต่อย่างใด

 

 "วรงค์" งัดเอกสาร พลังงานจังหวัดโต้ "พิชัย"  ยันถุงยังชีพเหลืออยู่แล้วหากเก็บไว้จะเสียหาย

           น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำหลักฐานเอกสารของพลังงานจังหวัดพิษณุโลกทำถึงปลัดกระทรวงพลังงาน ลงวันที่ 22 พ.ย. 2554  มีเนื้อหารายงานเกี่ยวกับถุงยังชีพของกระทรวง จำนวน 500 ถุง ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกมอบให้ตนเองไปแจกจ่ายประชาชนที่เดือดร้อนจากอุทกภัย โดยระบุชัดเจนว่า ถุงยังชีพจำนวนดังกล่าวเป็นของเหลือ ซึ่งหากทิ้งไว้ก็อาจเกิดความเสียหายจนไม่สามารถบริโภคได้ และรายงานถึงกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกการมอบถุงยังชีพจำนวนดังกล่าวให้ตนไปแจกประชาชนโดยแจ้งถึงวันที่พรรคประชาธิปัตย์ทำกิจกรรมอละมอบถุงยังชีพให้ชาวบ้านในวันที่ 18 พ.ย. 2554 แสดงให้เห็นว่า นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน พูดโกหกที่อ้างในสภาระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรมและ ผอ.ศปภ.ว่า การมอบถุงยังชีพดังกล่าวให้กับตนเองนั้น กระทบต่อแผนการแจกจ่ายถุงยังชีพของกระทรวงพลังงาน

           "ในหนังสือระบุชัดว่าเป็นของเหลือหากเก็บไว้นานก็จะเกิดความเสียหาย อีกทั้งยังรายงานกรณีที่ตนประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกเพื่อขอความอนุเคราะห์นำถุงยังชีพไปแจกประชาชนด้วย เท่ากับยืนยันว่าสิ่งที่ผมประสานไปนั้นเป็นขั้นตอนตามปกติไม่มีการกระทำผิดกฎหมายแต่อย่าใด และจะได้นำหลักฐานนี้ไปชี้แจงด้วย หากพรรคเพื่อไทยยื่นถอดถอน" น.พ.วรงค์กล่าว

           น.พ.วรงค์ กล่าวต่อว่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อมีการรายงานถึงปลัดกระทรวงพลังงาน ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ นายพิชัย จะไม่ทราบเรื่องนี้ ดังนั้น การที่ นายพิชัย กล่าวหาว่า ผมนำของไปแจกทำให้ผิดแผนนั้นจึงเป็นเรื่องโกหกชัดเจน สังคมไม่ควรปล่อยให้คนเป็นรัฐมนตรีโกหกแบบไร้ความรับผิดชอบ จึงขอเรียกร้องให้นายพิชัยลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้สิ่งที่ทำให้ผมเสียหายก็จะให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าเข้าข่ายที่จะดำเนินคดีกับนายพิชัยหรือไม่ หากมีช่องทางจะดำเนินการแน่นอนและผมอยากฝากถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกว่า ท่านเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แต่กลับเอาอกเอาใจเจ้านายเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะผลสุดท้ายก็จะตกอยู่กับบ้านเมือง

           สำหรับเอกสารดังกล่าวนั้น นายแพทย์วรงค์ ระบุว่า ได้มาจากผู้สื่อข่าวท้องถิ่นที่ไปทำข่าว นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก โดยนำเอกสารนี้มาแจกกับสื่อมวลชนเพื่อกล่าวหาตน แต่สื่อมวลชนเห็นว่าไม่มีประเด็นที่เป็นเรื่องความผิดจึงสงสัยและมาสอบถามตนเอง ทำให้ตนได้หลักฐานชิ้นสำคัญในการยืนยันว่าสิ่งที่ได้ดำเนินการเเป็นเรื่องที่ถูกต้องไม่ผิดกฎหมาย และการยื่นถอดถอนตนนั้นเป็นเพียงการแก้เกี้ยวของพรรคเพื่อไทยที่มี สส. 9 คน ทำผิดรัฐธรรมนูญ จนพรรคประชาธิปัตย์ยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งเท่านั้น