
เอกสิทธิ์ที่พร่ำเพรื่อ
เอกสิทธิ์ที่พร่ำเพรื่อ : ทางข่าว โดย ศรายุทธ สายคำมี [email protected]
ถึงแม้ที่ผ่านมารัฐสภายังไม่เคยที่จะส่งตัวสมาชิกรัฐสภาคนใดไปให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีในสมัยประชุมมาก่อน แต่มันก็มีคำถามว่า เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป ธรรมเนียมปฏิบัติอย่างนั้นยังจะมีอยู่ต่อไปอีกหรือไม่ ควรไหมที่จะต้องปรับเปลี่ยนกันไปตามกาลเวลา
ที่สำคัญต้องพิจารณากันไหมว่า "เอกสิทธิ์" ที่ว่านั้น ผู้ทรงเกียรติจะจำกัดขอบเขตกันอย่างไร เอาแค่เฉพาะตัว หรือเกี่ยวไปถึงพยานหลักฐานด้วยหรือไม่
เอกสิทธิ์ ส.ส.นั้นมาจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 131 บัญญัติไว้ว่า “ในระหว่างสมัยประชุม ห้ามมิให้จับ คุมขัง หรือหมายเรียกตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา ไปทำการสอบสวนในฐานะที่สมาชิกผู้นั้นเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา เว้นแต่ในกรณีที่ได้รับอนุญาตจากสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิก หรือในกรณีที่จับในขณะกระทำความผิด...”
กรณี ครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตายนั้น อาจได้รับเอกสิทธิ์ตามธรรมเนียมปฏิบัติของรัฐสภาที่เคยมีมาแต่ต้น แต่ต้องไม่ลืมว่า สิ่งที่ตำรวจต้องการจาก ครรชิต ในคดีนี้ ไม่ใช่แค่ตัวครรชิต ซึ่งเข้ามอบตัวไปแล้ว และบอกว่าจะไปให้การในชั้นศาล
สิ่งที่พนักงานสอบสวนต้องการก็คือ รถกับปืน ที่ ส.ส.ครรชิตครอบครอง เพื่อจะนำไปตรวจสอบหาหลักฐาน
จะว่าไปเรื่องนี้ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร ถ้าหาก ส.ส.ครรชิตมั่นใจว่าไม่ได้ยิงก็แค่ส่งรถ-ปืน ให้ตำรวจไปตรวจสอบหาวิถีกระสุน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์
แค่นั้นก็สิ้นเรื่อง !
ตำรวจเองก็ไม่รู้เป็นไรไป ทำไมถึงตามรถ-ปืนของ ส.ส.รายนี้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่อธิบายเหตุการณ์ได้เป็นฉากๆ ได้มากระทั่งดีเอ็นเอของคนที่บรรจุกระสุนปืน แต่พอเจอปัญหานี้ทำท่าว่าจะไปไม่เป็นซะงั้น
แต่เอาเถอะ สิ่งที่สมาชิกรัฐสภาและประธานรัฐสภา จะต้องยืนให้มั่นๆ หลักให้แน่นๆ ก็คือเอกสิทธิ์คุ้มครอง ส.ส.ครรชิตนั้น คุ้มครองไปถึงแค่ไหน เฉพาะตัวในสมัยประชุม จะรวมถึงการปฏิเสธที่จะมอบวัตถุพยานก็ให้ถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.ไปด้วยหรือไม่
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นคดีอาญา ผู้แทนราษฎรถูกสันนิษฐานว่ามีส่วนพัวพันกับคดีฆ่าคนตาย ไม่ใช่คดีตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก เรื่องเล็กเรื่องน้อยเสียที่ไหน
อย่าได้คิดว่า เรื่องนี้เป็น "บรรทัดฐาน" หรือ "ธรรมเนียมปฏิบัติ" แต่นี่คือ "มาตรฐาน" ที่สังคมไทยเรียกร้องกันอยู่ โดยเฉพาะเรื่องสองมาตรฐานที่จะปล่อยไปเฉยๆ ไม่ได้ จะอ้างว่า ทีเขา ทีเรา ก็ยิ่งไม่ได้
หาไม่แล้วมันจะกลายเป็นว่า แค่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาก็มีเอกสิทธิ์เหนือมนุษย์มะนา เหนือกว่าคนปกติทั่วไป แล้วสังคมมันจะอยู่ร่วมกันได้หรือ