ข่าว

จำคุก10ปีอดีตร.ต.อ.ห้วยขวางยิงแท็กซี่

จำคุก10ปีอดีตร.ต.อ.ห้วยขวางยิงแท็กซี่

31 ม.ค. 2555

พิพากษาจำคุก 10 ปี "ร.ต.อ.เจษฎา" อดีต รอง สว.สส.สน.ห้วยขวาง จำเลยคดีดังยิงนายทหารเรือดับคาปิ๊กอัพ ปี 53 พยายามฆ่า แท็กซี่ แค่ขับรถขวางกันกลางซอย ขณะที่คดียิงทหาร ยังอยู่ระหว่างพิจารณา

          วันที่ 31 ม.ค.55 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 612 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.850/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ร.ต.อ.เจษฎา เจตภรณ์ อดีต รอง สว.สส.สน.ห้วยขวาง อายุ 29 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองฯ และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองฯ
 
          โดยโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค.53 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยมีอาวุธปืนพกออโตเมติก ยี่ห้อ กล็อก ขนาด 9 ม.ม. และกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. ไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด ติดตัวไปซอยจำเนียรเสริม เขตวังทองหลาง โดยไม่ได้รับใบอนุญาต แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายมณเฑียร จิตตระกูล อายุ 46 ปี  ผู้เสียหาย คนขับรถแท็กซี่โดยมีเจตนาฆ่า แต่การกระทำไม่บรรลุผล เหตุเกิดที่แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และ 371 และ พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ พ.ศ.2490
 
          ศาลพิเคราะห์ พยานหลักฐานที่โจทก์ - จำเลย นำสืบแล้วเห็นว่า โจทก์มีนายมณเฑียร ผู้เสียหาย เบิกความว่า ตามวันเวลาที่เกิดเหตุขณะขับรถสวน กับรถโตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน 1818 กทม.ของคนร้าย ซึ่งพยานจำรถได้อย่างแม่นยำ และขณะไฟรถของพยาน ฉายส่องไปที่ด้านคนขับในรถตู้ก็พบเป็นจำเลย ที่มีสภาพหน้าแดงคล้ายคนเมาสุรา จอดขวางกันอยู่กลางซอย โดยจำเลยตะโกนถามว่า "มึงจะถอยหรือไม่" กระทั่งรถเคลื่อนผ่านสวนกัน ซึ่งจำเลยและผู้เสียหายต่างลดกระจกลงจนสุดจึงสามารถจดจำใบหน้าจำเลยได้อย่างแม่นยำ ขณะที่จำเลยพูดว่า "มึงจะเอาไหม" พร้อมกับชักปืนขึ้นยิงขู่  ศาลเห็นว่า ผู้เสียหายสามารถจดจำใบหน้าของจำเลยได้ ภายหลังพนักงานสอบสวน นำตัวจำเลยไปให้ผู้เสียหาย ชี้ยืนยัน ก็สามารถชี้ตัวจำเลยได้โดยไม่มีการลังเล
 
          นอกจากนี้จากการตรวจพิสูจน์รถโตโยต้าของจำเลย ยังพบคราบเขม่าดินปืนที่บริเวณกระจกประตูข้างคนขับ อีกทั้งปลอกกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุยังตรงกับปลอกกระสุนที่จำเลยได้ก่อเหตุยิง น.อ.วุฒิชัย บุญฤทธิ์ นายทหารสังกัดกรมกำลังพลทหารเรือ พระราช วังเดิม กองทัพเรือ เสียชีวิตคารถกระบะในท้องที่สน.ห้วยขวาง เมื่อวันที่ 2 พ.ย.53 อีกด้วย
 
          ส่วนจำเลยต่อสู้อ้างว่า ขณะเกิดเหตุนั้นเข้าเวรอยู่ที่ สน.ห้วยขวางร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 2 นาย และที่ไม่ส่งมอบปืนให้แก่พนักงานสอบสวน เนื่องจากไม่มั่นใจในกระบวนการสอบสวนของตำรวจ ศาลเห็นว่าจำเลยเป็นข้าราชการตำรวจ ย่อมทราบดีว่า ถ้ามีพยานหลักฐานใดที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ตนเองไม่ได้กระทำความผิด ย่อมต้องรีบพิสูจน์แสดงหลักฐานตั้งแต่แรก และที่จำเลยอ้างว่าขณะเกิดเหตุเข้าเวรอยู่ที่ สน.ห้วยขวาง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย มาเบิกความเป็นพยาน ศาลเห็นว่าเป็นการเบิกความเพื่อช่วยเหลือให้จำเลยพ้นจากความผิด ซึ่งง่ายต่อการกล่าวอ้าง พยานหลักฐานจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ 
 
          พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตามมาตรา 288 ให้จำคุกเป็นเวลา 10 ปี ส่วนความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองฯ และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองฯ ให้ยกฟ้อง เนื่องจากโจทก์ไม่สามารถยึดปืนกระบอกดังกล่าว และที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดี หมายเลขดำที่ อ.841/2554 ในความผิดฐานฆ่า น.อ.วุฒิชัย บุญฤทธิ์ เมื่อวันที่ 2 พ.ย.53 นั้น คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณา จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ 
 
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีที่ ร.ต.อ.เจษฎา ถูกกล่าวหาว่ายิง น.อ.วุฒิชัย นั้น อัยการเพิ่งยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 11 ก.พ.54 ซึ่งคดียังรอสืบพยานโจทก์