จ่อจับ'ไอ้โม้ง'ปล้นทรัพย์เกือบ2ล. | คมชัดลึก

            แก๊งไอ้โม่งไม่ต่ำกว่า 5 คน จ่อถูกรวบหลังก่อเหตุปล้นทรัพย์ภายในบ้านของนักธุรกิจส่งออกเสื้อผ้า สามารถกวาดทรัพย์สินภายในบ้านหลบหนีไปมูลค่าเกือบ 2 ล้านบาท การสืบสวนเชื่อว่า "คนรับใช้" อาจมีส่วนรู้เห็นเพราะคำให้การมีพิรุธ รวมถึงคนใกล้ตัวน่าจะมีส่วนรู้เห็น!?!
 
              เช้าตรู่วันที่ 29 มกราคม พ.ต.ท.จิธณัท ชนะนนท์กานต์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.สายไหม รับแจ้งเหตุคนร้ายปล้นทรัพย์ ที่บ้านเลขที่ 1/49-50 หมู่บ้านศุภาลัย ออร์คิด ปาร์ค ถนนสุขาภิบาล 5 ซอย 71 แขวงและเขตสายไหม กทม. จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.นิวัฒน์ ชูภู่ พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2  พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.อ.หาญ เลิศทวีวิทย์ ผกก.สน.สายไหม และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ
 
              ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 2 หลัง ปลูกอยู่ในพื้นที่ 150 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด พบ นางลำจวน มุขกระโทก อายุ 58 ปี และ น.ส.ใหม่ วรรณเสน อายุ 21 ปี สาวใช้ชาวลาว ยืนตกใจอยู่หน้าบ้าน ซึ่งหลานสาว 2 คนของนางลำจวน อายุ 1 เดือนกว่า และอายุ 2 ขวบครึ่งอยู่ในบ้านด้วย
 
              "ราวหกโมงเช้า หลังจากลูกเขยและลูกสาวขับรถออกจากบ้านเพื่อไปเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่ย่านประตูน้ำ ฉันกำลังล้างหน้าแปรงฟันอยู่ในห้องน้ำชั้น 2 ของบ้านเลขที่ 50 ปล่อยให้หลานสาว 2 คน นอนอยู่ชั้นล่าง มีคนร้าย 2 คน สวมไอ้โมงสีดำปิดหน้า สวมถุงมือ หนึ่งในคนร้ายถือมีด บุกเข้ามาใช้ผ้าเทปสีน้ำตาลมัดที่ปาก ตา มือ และขาทั้งสองข้าง บังคับให้บอกที่ซ่อนทรัพย์สิน ฉันก็บอกว่าในบ้านไม่มีทรัพย์สินอะไร มีเงินนิดหน่อย วางอยู่ที่ชั้นวางโทรทัศน์ด้านล่าง" นางลำจวนให้การต่อตำรวจ
 
              นางลำจวนให้การอีกว่า แต่คนร้ายไม่เชื่อ จึงเข้าไปค้นในห้องนอนลูกเขย งัดลิ้นชักโต๊ะเอาถุงเครื่องเพชรก่อนลงมาชั้นล่าง คนร้ายอีกคนก็ค้นเอาเงินสดไปอีก 8,000 บาท จากชั้นวางโทรทัศน์ ด้วยความกลัวจึงก้มกราบร้องขอชีวิต และไม่ให้ทำร้ายหลานสาวที่นอนหลับอยู่ ซึ่งได้ยินคนร้ายพูดว่า "อย่าทำร้ายเด็ก เด็กยังอ่อนอยู่" จากนั้นคนร้ายหลบหนีโดยใช้รถตู้ที่มาจอดไว้หน้าบ้าน
 
              ส่วน น.ส.ใหม่ให้การว่า หลังจากเปิดประตูรั้วบ้านส่งเจ้าของบ้านเสร็จก็ขึ้นมาทำความสะอาดบนชั้น 2 ของบ้านเลขที่ 49 จังหวะนั้น มีคนร้าย 2 คน สวมไอ้โม่งใส่ถุงมือ ถือปืนเข้ามาใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูก จนมีอาการเบลอ แล้วมัดมือมัดเท้า มัดปากและค้นตัวได้เงินไป 1,000 บาท ก่อนจับขังไว้ในห้องนอนชั้นสอง
 
              ระหว่างการสอบสวน นางนนทิวรรณ มุขกระโทก อายุ 34 ปี เจ้าของบ้านกลับมาถึงบ้าน พร้อมให้ปากคำว่า ทุกๆ เช้าต้องไปเปิดร้านเสื้อผ้าวัยรุ่นที่ประตูน้ำ ก่อนเกิดเหตุออกจากบ้าน ไม่พบสิ่งผิดสังเกต ส่วนทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปเป็นเครื่องเพชร โทรทัศน์ โน้ตบุ๊ก และเงินสด มูลค่าทรัพย์สินรวม 1.8 ล้านบาท
 
               นางนนทิวรรณระบุอีกว่า บุคคลที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อเหตุเพียง 2 กลุ่ม ซึ่งสามารถเข้านอกออกในบ้านจนรู้ความเคลื่อนไหว คือ รปภ. ที่คบหากับแม่บ้านชาวลาว และกลุ่มคนสวนที่มาติดตั้งสปริงเกลอร์ ส่วนกลุ่มอื่นยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหากับใคร เพราะธุรกิจเสื้อผ้าที่ทำไม่ได้ใหญ่โต
 
              การสืบสวนสอบสวน พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นิติพันธุ์ โรหิโตปการ ผกก.2 บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พร้อมชุดสืบสวน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณประตูเข้าออกหมู่บ้าน พบรถตู้สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฮฉ 39XX กรุงเทพมหานคร ขับออกจากหมู่บ้านไป เมื่อเวลา 07.02 น. เชื่อว่าเป็นยานพาหนะของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุ แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นคาดว่าน่าจะติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม
 
              พล.ต.ต.พิสิฏฐ์กล่าวว่า คนร้ายน่าจะมีประมาณ 5 คน และคนร้ายจะต้องรู้ข้อมูลของเหยื่อเป็นอย่างดี รู้ว่าต้องเก็บทรัพย์สินมีค่าอยู่ในบ้าน อาศัยช่วงเวลาเจ้าของบ้านต้องออกไปขายเสื้อผ้าทุกเช้า ขณะนี้ให้ฝ่ายสืบสวนของ กก.สส.น.2 และฝ่ายสืบสวน สน.สายไหม สอบหาพยานที่เห็นรถคนร้าย
 
              "ผู้เกี่ยวข้องบางคนในคดีนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น หนึ่งในสองคนรับใช้เคยทำงานรับใช้จากที่อื่นมาแล้ว แต่ก็ออกมาเพราะกุญแจตู้เซฟของเจ้าของบ้านหาย พอมาอยู่บ้านที่เกิดเหตุไม่กี่เดือนก่อนถูกปล้นทรัพย์ ก็บอกเจ้าของบ้านว่าขอลากลับบ้าน ตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน" พ.ต.อ.หาญกล่าวเสริม
 
              ความคืบหน้าของคดีนี้ ล่าสุดชุดสืบสวนพอทราบเบาะแสของคนร้ายแก๊งนี้แล้วว่าพอจะเป็นใครบ้าง แต่คงต้องรอผลการจับกุมคนร้ายให้ได้ทั้งหมดเสียก่อน ในเบื้องต้นคาดว่าคนใกล้ตัวของเจ้าของบ้านอาจมีส่วนรู้เห็นกับการปล้นครั้งนี้!!

...........
(หมายเหตุ : จ่อจับ'ไอ้โม้ง'ปล้นบ้านกวาดทรัพย์เกือบ2ล้าน  : ตะลุยข่าว โดยโต๊ะรายงานพิเศษ)