
'I.E.D.'จากเตหะรานถึงอิลราเอล
'I.E.D.'...จากเตหะรานถึงอิลราเอล : ตะลุยข่าว โต๊ะรายงานพิเศษ
"ระเบิด" ช็อกกรุง!! ที่เกิดขึ้นในซอยสุขุมวิท 71 เมื่อ "วันวาเลนไทน์" ที่ผ่านมา กำลังกลายเป็นบันทึกความรุนแรงหน้าใหม่ของเมืองไทย เมื่อ "ระเบิด" จากซีกโลกตะวันออกกลาง...ย่างกรายเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้!!
"ระเบิดลักษณะนี้ไม่เคยพบเห็นในประเทศไทยมาก่อน มีชื่อเรียกว่า "ระเบิดไออีดี" ( I.E.D. : Improvised Explosive Device) เป็นระเบิดหรือทุ่นระเบิด ที่ทำจากวัสดุเท่าที่หาได้ เพื่อนำมาใช้ผลิตวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1.ระเบิดแบบถือ และหรือพกพาได้ในกระเป๋าเป้ หรือกระเป๋าเอกสาร 2.ระเบิดพลีชีพ และ 3.ระเบิดที่ติดไว้กับรถยนต์เป้าหมาย จะมีอานุภาพในการทำลายล้างรัศมี 40-50 เมตร สามารถทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้เคียงได้รับบาดเจ็บ หรือบาดเจ็บสาหัส ส่วนผู้ที่อยู่ในรัศมีประมาณ 2-6 เมตร จะเสียชีวิตทันที" แหล่งข่าวจากกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ. วิเคราะห์ระเบิดที่พบในที่เกิดเหตุ
แหล่งข่าวจากกลุ่มงานเก็บกู้ฯ อธิบายต่อว่า ระเบิดไออีดี ที่พบมีอยู่ 5 ลูก ระเบิดไปแล้ว 3 ลูก คือ ที่บ้านเลขที่ 66 อยู่ในซอยเจริญใจ สุขุมวิท 71 ถ.สุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ซึ่ง "อีร์เลีย ริฮานี" (lrlia Rihani) อายุ 32 ปี มาเช่าบ้านไว้ คนร้ายโยนใส่รถแท็กซี่ 1 ลูก และคนร้ายตั้งใจโยนใส่ตำรวจ 1 ลูก ส่วนอีก 2 ลูกที่ยังไม่ระเบิด แต่สามารถใช้งานได้ทันที พบอยู่ในบ้านหลังที่เกิดเหตุ จากการเก็บกู้และตรวจพิสูจน์ระเบิดทั้งสองลูก พบว่า เป็น "ระเบิดซีโฟร์" หนักลูกละ 4 ปอนด์ ถูกบรรจุอยู่ในวิทยุทรานซิสเตอร์แบบพกพา โดยระเบิดมีการบรรจุลูกปรายและลูกเหล็กกลมจำนวนมาก และมีแม่เหล็กขนาดกลาง 6 ตัว แปะติดอยู่
"การประกอบระเบิดครั้งนี้ คนร้ายใช้ตัวเลื่อนชนวนของระเบิดขว้าง ประกอบด้วย กระเดืองนิรภัย สลักระเบิด เจาะติดเข้ากับวิทยุทรานซิสเตอร์ คาดว่า คนร้ายน่าจะใช้วิธีจุดระเบิด 2 วิธี คือ วิธีแรกดึงสลักที่ติดอยู่กับวิทยุ แล้วโยนไปยังเป้าหมาย และวิธีที่สอง ใช้แม่เหล็กที่ปิดอยู่นั้นนำไปแปะที่รถยนต์ หรือใต้ท้องรถยนต์ โดยใช้เชือกขนาดพอดียึดไว้กับเพลารถ หรือวัตถุข้างเคียง เมื่อรถเป้าหมายเคลื่อนก็จะจุดระเบิดขึ้น" แหล่งข่าวรายเดิมวิเคราะห์
ด้านการสืบสวนสอบสวนติดตามเส้นทางของคนร้าย วิเคราะห์ว่า ระหว่างที่คนร้ายที่อยู่ในบ้านทั้ง 3 คน อาจกำลังทดสอบระเบิดแต่เกิดการผิดพลาดระเบิดเสียก่อน จึงรีบแยกย้ายกันหลบหนี ทั้งนี้ พบบาดแผลตามร่างกายของ "มูฮัมหมัด คซาซาอิ" (Mohammad Kzazaei) อายุ 42 ปี ผู้ต้องสงสัยที่ถูกรวบตัวได้ขณะกำลังหลบหนีออกนอกประเทศ ขณะที่ "ซาอิด โมราบิ" (Saeid Morabi) อายุ 28 ปี ได้โยนระเบิดใส่รถแท็กซี่ และรถของตำรวจ แต่พลาดมาโดนตัวเองบาดเจ็บสาหัส ส่วนผู้ต้องสงสัยอีกคน คือ "เซดาทัสซาเด โมซุด" (Sedaghatzadeh Mosoud) อายุ 31 ปี ซึ่งถือพาสปอร์ตเลขที่ M 20305701 และจากการตรวจสอบพบว่า ได้หลบหนีออกนอกประเทศไทยไปแล้วในเที่ยวบินที่ AK 0837 เวลา 20.00 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ไปยังปลายทางประเทศมาเลเซีย
ชุดสืบสวนได้วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยรวมถึงหลักฐานที่พบกับบุคคลทั้ง 3 คนนี้ ระบุว่า "มูฮัมหมัด คซาซาอิ" เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 ออกเดินทางจากกรุงเตหะราน มาถึงเมืองไทย เมื่อเวลา 21.15 น. และออกจากประเทศไทยไปกรุงเตหะราน เวลา 08.48 น. เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2555 หลังจากนั้น "ซาอิด โมราบิ" และ "มูฮัมหมัด คซาซาอิ" เดินทางเข้าประเทศไทยจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย มาลงที่ จ.ภูเก็ต ต่อเที่ยวบินภายในประเทศ P G0274 มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 17.10 น. ในวันเดียวกัน
โดย "ซาอิด โมราบิ" เข้าพักที่โรงแรมมารีนพลาซ่า พัทยา จ.ชลบุรี ขณะเดียวกัน "เซดากัสซาเดน โมซุส" เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555 และเข้าไปพักที่โรงแรมท็อปไทยโฮเทล พัทยา จ.ชลบุรี มาอยู่กับ "มูฮัมหมัด คซาซาอิ" ในช่วงระหว่างวันที่ 9-13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งมีการนัดพบกันตลอดเวลา ก่อนที่จะเดินทางมายังบ้านเช่าหลังที่เกิดเหตุ
"บุคคลทั้ง 3 คน มีการพบปะกันตั้งแต่ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี มาจนถึงบ้านที่เกิดเหตุ และก่อนเกิดเหตุกล้องวงจรปิดได้บันทึกภาพชายชาวอิหร่านที่ยังไม่ทราบชื่อ รูปร่างอ้วน อายุประมาณ 50 ปี เดินออกจากบ้านหลังที่เกิดเหตุ ประมาณเวลาบ่ายโมงก่อนเหตุการณ์ระเบิดจะเกิดขึ้น โดยชายคนดังกล่าวลากกระเป๋าออกไปด้วย และคาดว่าทั้ง 3 คน น่าจะอยู่ภายในบ้านจนกระทั่งเกิดเหตุระเบิด และสันนิษฐานได้ว่า ชายรูปร่างอ้วน น่าจะนำระเบิดมาให้และสอนวิธีการใช้ หรืออาจจะมีระเบิดอยู่แล้ว แต่มาสอนการใช้ระเบิด ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเป้าหมายของบุคคลทั้งสามน่าจะไม่ประสงค์ดีต่อสถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ที่อาคารแห่งหนึ่งภายในซอยสุขุมวิท 21 ส่วนบ้านคนร้ายอยู่สุขุมวิท 71 ถ้าคำนวณระยะทางแล้ว ก็ห่างกันไม่มาก" ชุดสืบสวนวิเคราะห์
..........
(หมายเหตุ : 'I.E.D.'...จากเตหะรานถึงอิลราเอล : ตะลุยข่าว โต๊ะรายงานพิเศษ)