เมียทรยศ'บินลาเดน'สงสัยจนตาย
จากการรวบรวมหลักฐานหลายเดือน อดีตนายทหารของกองทัพปากีสถาน เผยบั้นปลายชีวิตของ 'โอซามา บินลาเดน' ต้องทนอยู่กับภรรยาที่ถูกสงสัยว่าทรยศ
8 มี.ค. 55 ปริศนาเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในช่วงใกล้วาระสุดท้ายของโอซาม่า บิน ลาเดน ผู้นำกลุ่มก่อการร้ายอัล ไกดา ค่อย ๆ ถูกไขออกมาเรื่อย ๆ และล่าสุด มาจากการเปิดเผยของนายพลจัตวาโชกัต กาดีร์ อดีตนายทหารของกองทัพปากีสถาน ที่ใช้เวลาหลายเดือนในการค้นหาหลักฐานเรื่องนี้ และมีโอกาสได้เข้าถึงข้อมูลของหน่วยข่าวกรองของปากีสถาน ที่ได้มาจากการสอบปากคำภรรยาที่อายุน้อยที่สุดของบิน ลาเดน รวมถึงได้เข้าไปดูสถานที่จริงภายในบ้านที่เมืองอับบอตตาบัดด้วย
กาดีร์ ระบุว่า บิน ลาเดน วัย 54 ปี อาศัยอยู่ห้องเดียวกับอามาล อาห์เหม็ด อับเดล ฟาทาห์ อัล ซาดา ภรรยาสาวคนโปรดชาวเยเมน ที่เขาแต่งงานด้วยตั้งแต่เธอเพิ่งจะมีอายุ 19 ปี บนชั้นสาม
ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของบ้าน และครอบครัวเริ่มมีปัญหาเมื่อภรรยาคนแรกปรากฎตัวขึ้น และเข้าพักในห้องที่อยู่ชั้นสอง แต่สมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัว ที่พักอยู่ในบ้านหลังนี้ ที่กลายเป็นจุดจบของ
บิน ลาเดน จากการบุกจู่โจมของหน่วยเนวี ซีล ของสหรัฐ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ต่างตั้งข้อสงสัย และไม่ไว้ใจภรรยาคนแรก และเกรงว่าเธอกำลังจะทรยศบิน ลาเดน
กาดีร์ ได้มีโอกาสเข้าไปเห็นสภาพภายในบ้านของบิน ลาเดน ที่ถูกปิดตายหลังการบุกของสหรัฐ และเพิ่งถูกรื้อถอนไปเมื่อเดือนที่แล้ว เขายังถ่ายภาพที่แสดงให้เห็นบันไดทางขึ้นภายในบ้านเต็มไปด้วยรอยเลือด , ภาพของหน้าต่างที่ถูกกั้นด้วยตะแกรงเหล็กอย่างแน่นหนา และกำแพงสูง 20 ฟุต รอบอาณาบริเวณ
การค้นหาหลักฐานของกาดีร์ ทำให้ได้ภาพที่ขยายกว้างขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปในบ้านของบิน ลาเดน ตอนที่หน่วยซีลของสหรัฐ บุกเข้าไปสังหารเขาและคนในบ้านอีก 4 คน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดได้มาจากหน่วยข่าวกรองของปากีสถานล้วน ๆ และยังอนุญาตให้เขาได้อ่านสำนวนการสอบปากคำ รวมถึงการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ข่าวกรองคนอื่น ๆ , คนที่เกี่ยวข้องกับอัล ไกดา และชนเผ่าในบริเวณพรมแดนติดกันระหว่างปากีสถานกับอัฟกานิสถาน
บ้านที่บิน ลาเดน เข้าไปกบดานอยู่ตั้งแต่กลางปี 2548 ค่อนข้างแออัด เพราะอยู่ด้วยกันถึง 28 ชีวิต รวมทั้งตัวบิน ลาเดน , ภรรยา 3 คน , ลูก 8 คน และหลานอีก 5 คน ลูกของบิน ลาเดน มี
ตั้งแต่ คาลิด ลูกชายคนโตวัย 24 ปี ที่ถูกสังหารในระหว่างการบุก จนถึงคนเล็กวัย 3 ขวบ และยังมีพี่น้องคนนำสารกับภรรยาและลูก ๆ ของพวกเขาด้วย
บิน ลาเดน มีสภาพที่แก่กว่าอายุจริง ซึ่งอาจเกิดโรคไตหรือไม่ก็โรคภายในท้อง และอาจมีเรื่องสุขภาพจิตด้วย เขาพักอาศัยและชีวิตบนชั้นสามของบ้านกับภรรยาคนสุดท้อง ที่เขาแต่งงาน
ด้วยเมื่อปี 2542 ส่วนซิฮัม ซาเบอร์ ภรรยาอีกคนหนึ่ง อาศัยอยู่บนชั้นเดียวกัน แต่ในห้องที่ใช้เก็บคอมพิวเตอร์ หลังจากนั้น ไคเรียห์ ซาเบอร์ ภรรยาคนแรกที่เป็นชาวซาอุดิอาระเบีย ได้เดินทางไปพักอยู่ด้วย เมื่อปี 2554 และเกิดไม่ลงรอยกับอามาล ภรรยาคนสุดท้อง เพราะเป็นคนโปรดของบิน ลาเดน
ไคเรียห์ เป็นผู้ก้าวร้าว แม้แต่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองปากีสถานที่สอบปากคำ ก็ยังถูกเธอแสดงกิริยาไม่กลัวเกรงใด ๆ ส่วนอามาล ได้ชื่อว่าเป็นคนใกล้ชิดบิน ลาเดน ตอนที่เขาหนีจากอัฟกานิสถาน เข้าไปยังปากีสถาน หลังการบุกของสหรัฐ เมื่อปี 2544 เธอทำหน้าที่ปกป้องเขา และเขาก็ต้องการให้เธออยู่ข้างกาย ส่วนไคเรียห์ หนีไปอิหร่าน เมื่อปี 2544 พร้อมกับญาติคนอื่นของบิน ลาเดน และสมาชิกอัล ไกดา และถูกกักบริเวณอยู่ในอิหร่านจนถึงปี 2553 ก่อนจะได้รับการปล่อยตัว เพื่อแลกตัวกับนักการทูตอิหร่านที่ถูกลักพาตัวที่เมืองเปชวาร์ของปากีสถาน
ไคเรียห์ ปรากฎตัวที่เมืองอับบอตตาบัด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ หรือไม่ก็มีนาคม ปี 2554 ก่อนจะเข้าไปอยู่บ้านเดียวกับบิน ลาเดน และคาลิด ลูกชายของบิน ลาเดน ที่เกิดกับภรรยาที่ชื่อซีฮัม ได้พยายามถามไคเรียห์หลายครั้งว่า เหตุใดจึงไปอยู่กับพวกเขา ซึ่งเธอบอกว่า เธอมีภารกิจล่าสุดที่จะแสดงให้สามีของเธอชมเป็นขวัญตา ซึ่งคาลิดได้เล่าให้บิน ลาเดน ฟัง และเตือนว่าเธอกำลังจะทรยศเขา
อามาล ภรรยาคนสุดท้องของบิน ลาเดน ก็วิตกเรื่องนี้ เธอให้การในระหว่างถูกสอบปากคำว่าบิน ลาเดน ก็สงสัยในตัวไคเรียห์เช่นกัน แต่ไม่ได้วิตก โดยบอกว่า สุดแท้แต่ชะตากรรม
ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า ไคเรียห์มีบทบาทต่อการปลิดชีวิตบิน ลาเดน หรือไม่ เพราะทั้งหน่วยข่าวกรองปากีสถานและสหรัฐ ก็ไม่ได้อ้างถึงเอ แต่กลับชี้ไปที่คนเดินสารที่ทำให้ซีไอเอ ตามแกะรอยไปถึงบ้านที่อับบอตตาบัดได้สำเร็จ
ก่อนที่บิน ลาเดน จะแต่งงานกับไคเรียห์ เขาก็เคยแต่งงานมาก่อนแล้ว 2 ครั้ง แต่หย่าไปแล้ว และมีลูกกับภรรยาทั้งหมดรวมกันกว่า 20 คน จากปากคำของอามาล พบว่า บิน ลาเดน ไม่ได้อยู่กับชนเผ่าในพื้นที่ห่างไกลของปากีสถานนานนัก และใช้ชีวิตอยู่หลายเดือนที่วัลมาน ทาลับ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน ซึ่งนายคาลิด ชี้ค โมฮัมเหม็ด ผู้อยู่เบื้องหลังวินาศกรรม 11 กันยายน ที่ถูกจับที่เมืองราวัลปินดี เมื่อปี 2546 เคยไปเยี่ยมหนึ่งครั้ง
อามาลบอกว่า เธอกับบิน ลาเดน ต้องย้ายที่อยู่บ่อย ๆ เพือหลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับ แต่ก็วนเวียนอยู่แถวพรมแดนปากีสถาน แต่บิน ลาเดน ต้องทำเป็นกลับไปอัฟกานิสถาน เพราะกลัวถูกจับ แต่หลังจากได้เข้ามาอยู่บนแผ่นดินปากีสถาน ก็เริ่มย่ามใจและย้านไปกบดานที่อับบอตตาบัด ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นศูนย์รวมสถาบันการทหารชั้นยอดของปากีสถาน
กาดีร์ ยืนยันว่าได้เข้าไปที่บ้านที่เป็นจุดจบของบิน ลาเดน 4 ครั้ง ส่วนใหญ่ในเดือนพฤศจิกายนผนังห้องนอนด้านหนึ่ง เป็นรูเพราะรอยกระสุนและการกระจายของเลือด ซึ่งเจ้าหน้าที่ข่าวกรองบอกว่า เป็นเลือดของอามาลที่ถูกยิงที่ขา ในระหว่างถูกบุก แต่เขาประหลาดใจที่บ้านหลังนี้ไม่มีระบบเตือนภัย ไม่มีชั้นใต้ดินและไม่มีเส้นทางหลบหนี ทำให้มันกลายเป็นกับดักที่หาทางหนีไม่ได้เมื่อถูกโจมตี
----------
(หมายเหตุ : ที่มาภาพ : AP)
----------