
'พี่วราเทพ'นำเลือกนายกอบจ.กล้วยไข่
ผลเลือกตั้งนายกอบจ.กำแพงเพชรอย่างไม่เป็นทางการ "พี่ชายวราเทพ รัตนากร" นำห่างกว่า 4 หมื่นคะแนน แดง-พท.เชียงรายแยกวงชิงนายกอบจ.เชียงราย กมธ.เปิดเวทีกล่อมแกนนำชาวบ้านเลือกตั้งผอ.เขต
25มี.ค.2555 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.กำแพงเพชร แทนตำแหน่งที่ว่างลง หลังนายจุลพันธ์ ทับทิม ได้ชิงลาออกจากนายก อบจ.ก่อนครบวาระวันที่ 19 เมษายน 2555 หรือ 80 วัน หลังจากนั้นทางคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชรได้กำหนดลงคะแนนวันที่ 25 มีนาคม 2555 โดยมีผู้สมัครจำนวน 4 ราย ประกอบด้วยผู้สมัครหมายเลข 1 น.ส.เขมสุวพัชร คันธพงษ์ จิรภาส หมายเลข 2 นายสุนทร รัตนากร อดีตรองนายก อบจ.กำแพงเพชร หมายเลข 3 นายจุลพันธ์ ทับทิม อดีตนายก อบจ. กำแพงเพชร และหมายเลข 4 น.ส. ปริชาติ บริบูรณ์
ส่วนความเข้มข้นของการต่อสู้ของผู้สมัครอยู่ที่ผู้สมัครหมายเลข 2 นายสุนทรซึ่งเป็นพี่ชายของนายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง สมาชิกบ้านเลขที่ 111 สมัยที่ผ่านมาพ่ายไป 226 คะแนน ให้กับนายจุลพันธ์ที่มีนายเรืองวิทย์ ลิกค์ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวงสนับสนุน
ทั้งนี้หลังปิดหีบบัตรลงคะแนนเลือกตั้งและผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ เฉพาะผู้สมัครเบอร์ 2 กับ เบอร์ 3 ผลปรากฏว่า นายสุนทรได้ 171,677 คะแนน นายจุลพันธ์ได้ 124,747 คะแนน ห่างกัน 46,930 คะแนน
แดง-พท.เชียงรายแยกวงชิงนายกอบจ.เชียงราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่การเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงรายที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ คาดว่าจะมีผู้ลงชิงชัยประกอบด้วยนายสฤษดิ์ อึ้งอภินันท์ อดีต ส.ส.เชียงราย จากพรรคเพื่อไทย ที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงสนับสนุน นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ภรรยานายยงยุทธ ติยะไพรัช นักการเมืองที่สนิทกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนางรัตนา จงสุทธนามณี นายก อบจ.เชียงราย คนปัจจุบัน
ทั้งนี้เมื่อคืนวันที่ 24 มี.ค. กลุ่มคนเสื้อแดงใน จ.เชียงราย ได้จัดเวทีปราศรัยชื่อ "รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว ส่งเสริมประชาธิปไตย" ขึ้น ณ ลานหน้าศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ม.13 ต.แม่พริก อ.แม่สรวย จงเชียงราย โดยมีนายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทยร่วมด้วย
ผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกมนตรีปทุมธานี4แห่ง
ขณะที่ผลการนับคะแนนว่าที่นายกเทศมนตรีในเขตพื้นที่อำเภอเมืองปทุมธานี ประกอบด้วยเทศบาลเมืองบางคูวัด หมายเลข 1 นายวีระ กล่ำสนอง ได้คะแนน3978 หมายเลข 2 นายพสิษฐ์ มะลิ ได้คะแนน 4355 เทศบาลตำบลบางแขยง หมายเลข 1 นายกิตติพงษ์ หอมมาลัย ได้คะแนน 3035 หมายเลข 2 นายสุรชัย อุ่นกราย ได้คะแนน2995
ส่วนเทศบาลตำบลหลักหก หมายเลข 3 นายสมพงษ์ ศรีอนันต์ ได้คะแนนนำผู้สมัตรรายอื่นอยู่กว่า 900 คะแนน และเทศบาลเมืองลาดสวาย อ.ลำลูกกา หมายเลข 1 ดร.เฉลิมพล เจษฏากุล ณ อยุธยาได้คะแนนทิ้งขาด หมายเลข 2 นายวินัย สังวาลย์เงิน อดีตนายกเก่ากว่าหนึ่งพันคะแนน
กมธ.เปิดเวทีกล่อมแกนนำชาวบ้านเลือกตั้งผอ.เขต
ที่สวนสยาม คณะกรรมาธิการ การปกครองส่วนท้องถิ่น จัดสัมมนาเรื่อง การเสริมสร้างและเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ ร่าง พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.....ที่จะมีการระเบียบบริหารราชกรุงเทพมหานคร ฉบับเดิมที่มีใช้กันมานานตั้งแต่ปี 2528 โดยร่างกฎหมายใหม่ พยายามที่จะให้มีการกระจายอำนาจจากศูนย์รวมผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไปสู่ผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขตซึ่งมีแนวคิดที่จะให้มีการใช้ระบบเลือกตั้งกับผู้อำนวยการเขตต่างๆ ขณะที่การสัมมนาและการสำรวจความคิดเห็นประชาชนสิ้นสุดลงเมื่อเวลา 18.00 น.
โดยนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานอนุกรรมาธิการการปกครองส่วนท้องถิ่น ระบุว่า ได้ทำหนังสือถึงปลัดกรุงเทพมหานคร ที่จะแจ้งให้ชุมชนต่างๆ ในกรุงเทพ ฯ ประมาณ 1,900 ชุมชน ร่วมสัมมนาซึ่งได้มีการจัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นของประชาชนด้วยว่า เห็นด้วยหรือไม่กับการเลือกตั้งผู้อำนวยการเขต และสอบถามความเห็นเกี่ยวกับการสภาพปัจจุบันและความคาดหวังการบริการของสำนักงานเขตในกรุงเทพ ฯ แต่เท่าที่ประเมินวันนี้ น่าจะมีมีตัวแทนชุมชนต่างๆ เข้าร่วมประมาณ 500 คนจากสถานที่ที่สามารถรองรับผู้ร่วมสัมมนาได้ 3,000 คน ซึ่งหลังจากที่ประชาชนทำแบบสอบถามแล้วก็จะนำไปประมวลเพื่อพิจารณาว่า ประชาชนคิดเห็นอย่างไรก่อนต่อการยกร่างกฎหมายใหม่ ทั้งนี้นายวิชาญพยายามยืนยันด้วยว่า ผู้แทนชุมชนที่มาในวันนี้แม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่ก็เพียงพอ โดยไม่ใช่คนที่ตนเตรียมมาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ภายในงานสัมมนาได้เปิดโอกาสให้ตัวแทนชุมชนแสดงความคิดเห็น โดยส่วนใหญ่ให้ความเห็นด้วยต่อการยกร่างกฎหมายใหม่ ขณะที่นายวิชาญ พยายามที่จะอธิบายถึงที่มาการยกร่างที่จะกระจายอำนาจ ว่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้เกิดความรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยจากสถานการณ์การแก้ปัญหาอุทกภัยเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า อำนาจการตัดสินใจที่อยู่ที่ผู้ว่า ฯ กทม. เพียงคนเดียว จะไม่ทันเหตุการณ์เมื่อ ผอ.เขต ต่างๆ ที่ใกล้ชิดเหตุการณ์ไม่สามารถตัดสินใจดำเนินการได้ทันท่วงที นอกจากนี้ยังพยายามอธิบายอีกว่าว่า การกระจายอำนาจนี้ จะให้มี ผอ.เขตที่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง และเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น ผอ.นครบาล แต่ ผอ.เขต ไม่ได้พ้นจากกรุงเทพมหานคร ที่จะเป็นนครบาลอย่างเด็ดขาด ซึ่ง ผอ. เขต ยังคงทำหน้าที่ภายใต้กรุงเทพมหานครที่เป็นนิติบุคคลอยู่ ไม่ใช่การกระจายอำนาจแยกตัวเป็นเหมือนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น อบต.
นายวิชาญ ยังชี้แจ้งกับผู้แทนชุมชน ว่า การกระจายอำนาจที่จะเกิดขึ้นในร่างกฎหมายใหม่ จะคล้ายกับ อบต. หรือเทศบาล ที่จะไม่ให้อำนาจกระจุกตัว ไม่ใช่ จะทำให้ 50 เขตในกทม. แตกแยกเป็นจังหวัดเล็กจังหวัดน้อย เพียงแต่การเลือกตั้ง ผอ.เขต จะทำให้ประชาชนที่ใกล้ชิดในพื้นที่ สามารถเลือกบุคคลเข้ามาดูแลทำให้การบริหารงานคล่องตัว เข้าถึง เรียกใช้ได้สะดวกขึ้น
ทั้งนี้นายวิชาญ ให้สัมภาษณ์ว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้ สืบเนื่องจากระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครเดิม ปี 2528 ใช้มานานถึง 26 ปี ยังไม่มีการปรับปรุงซึ่งเดิมได้ลอกเลียนมาจากการปกครองท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นเมื่อมีการปกครองท้องถิ่นเช่นนี้แล้วก็ต้องดูแลให้ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ขณะที่การปกครอง กทม. มีศูนย์รวมอยู่ที่ผู้ว่า ฯ กทม. เท่านั้น ส่วนการบริหารจัดการมอบอำนาจให้ ผอ.เขตต่างๆ ตามหน้าที่ แต่เมื่อดูประสิทธิภาพการบริการของข้าราชการแล้วยังให้บริการประชาชนไม่ได้เต็มที่ ทำได้เฉพาะในกรอบหน้าที่ที่ต้องผ่านปลัดกทม. และผู้ว่า ฯ กทม. จึงส่งผลให้การแก้ไขปัญหาการบริการท้องถิ่นเกิดความล่าช้า จึงต้องปรับปรุง ระเบียบ ฯ นี้ ขณะที่ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับคือ การได้เลือกบุคคลที่ใกล้ชิด รู้จักมีความถนัดมาเป็น ผอ.เขต ให้ปฏิบัติหน้าที่ได้วาระ 4 ปี ทำให้ประชาชนมีความใกล้ชิดมากขึ้นเมื่อครั้งเป็นราชการ ส่วนการกระจายอำนาจกว่า 220 ภารกิจก็จะจัดสรรให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ดีกว่านี้
"การเลือกตั้ง ผอ. เขต จะไม่ทำให้เกิดการแบ่งฝ่าย แตกแยกแน่นอน แต่จะทำให้เกิดการแข่งขันการทำงานของแต่ละเขตมากกว่า ซึ่งประชาชนจะได้ประโยชน์โดย ผอ.เขต จะเป็นเหมือนปลัดนครบาล ที่จะดูแลควบคุมข้าราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย และการเลือกตั้ง ผอ.เขต โดยตรงก็ ไม่ได้เป็นฐานเสียงการเมือง เพราะไม่จำเป็นต้องส่งสมัครโดยพรรคการเมืองแต่สามารถลงสมัครตัวเอง "นายวิชาญกล่าว
นายวิชาญกล่าวต่อว่า ไม่ใช่เป็นการทำลายเอกภาพการทำงานของกทม.ที่จะให้มีการเลือกตั้ง ผอ เขต. 50 เขต และไม่ใช่การบั่นทอนอำนาจผู้ว่า แต่เป็นการกระจายอำนาจกว่า