ข่าว

เส้นทางค้ายาเสพติดโลกยึดไทยสั่งการ

เส้นทางค้ายาเสพติดโลกยึดไทยสั่งการ

04 พ.ค. 2555

เส้นทางค้ายาเสพติดโลก 'แอฟริกันตต.'ยึดไทยสั่งการ

             ความพยายามในการลำเลียงยาเสพติดจากแหล่งผลิตไปยังตลาดการค้าของเครือข่ายค้ายาเสพติดยังคงดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง แม้ทุกประเทศทั่วโลกจะร่วมมือกันในการกวาดล้างปราบปรามอย่างเข้มงวด ปัจจุบันหน่วยงานด้านการปราบปรามยาเสพติดทั่วโลกต่างมีข้อมูลตรงกันว่า เครือข่ายค้ายาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือกลุ่มแอฟริกันตะวันตก ซึ่งมีชาวไนจีเรียเป็นตัวการสำคัญ โดยเครือข่ายนี้เป็นองค์กรค้ายาเสพติดข้ามชาติองค์กรใหญ่เชื่อมโยงกันในหลายประเทศซึ่งในจำนวนนั้นมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย
 
             ข้อมูลการสืบสวนของสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของไทย ระบุว่า เครือข่ายค้ายาเสพติดชาวแอฟริกันตะวันตกเข้ามาเคลื่อนไหวในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2528 โดยระยะแรกถือวีซ่านักท่องเที่ยวลอบขนเฮโรอีนเข้ามาจำหน่ายให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวและพักอาศัยในประเทศไทย เมื่อเข้าประเทศมาได้ระยะหนึ่งจะหาภรรยาชาวไทยซึ่งส่วนใหญ่ทำงานอยู่ตามสถานบริการย่านสุขุมวิทเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดหาผู้ลำเลียงยาเสพติดในไทย 
 
             ระหว่างปี 2519-2539 เครือข่ายค้ายาเสพติดกลุ่มแอฟริกันจัดหาเฮโรอีนจากพื้นที่ผลิตบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ลักลอบลำเลียงผ่านประเทศไทยไปยังประเทศในแถบแอฟริกาตะวันตก ก่อนจะส่งต่อไปจำหน่ายยังสหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศในทวีปยุโรป
 
             นับตั้งแต่ปี 2532 เป็นต้นมาทางการไทยได้ดำเนินการกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มียอดการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มแอฟริกันที่ลำเลียงเฮโรอีนผ่านประเทศไทยในจำนวนที่สูง เฉพาะปี 2533 ปีเดียวสามารถจับกุมได้ถึง 118 คดี ผู้ต้องหารวม 149 คน เป็นชาวไนจีเรียมากสุด 109 คน ยึดเฮโรอีนได้ถึง 233 กิโลกรัม และถัดมาในปี 2534 สามารถจับได้อีก 82 คน พร้อมเฮโรอีน 200 กิโลกรัม
 
             "ตั้งแต่ปี 2532 เป็นต้นมาเรามีมาตรการกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดอย่างเข้มงวดซึ่งทำให้พวกเขาต้องปรับเปลี่ยนวิธีการลำเลียงจากที่เคยใช้คนขนก็หันไปใช้วิธีการส่งผ่านบริษัทขนส่งพัสดุภัณฑ์ และในปี 2536 ก็หันไปขนส่งทางเรือซึ่งในปีนั้นเราได้ประสานกับรัฐบาลไนจีเรียช่วยกันจับเครือข่ายยาเสพติดที่ขนส่งเฮโรอีนทางเรือจนสามารถยึดเฮโรอีนได้ถึง 410 กิโลกรัม" นายสุขุม โอภาสนิพัทธ์ รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (รองเลขาธิการปปส.) ให้ข้อมูล
 
             นโยบายการปราบปรามยาเสพติดที่เข้มงวดของทางการไทยในห้วงเวลานั้นกดดันให้เครือข่ายค้ายาเสพติดกลุ่มแอฟริกันปรับเปลี่ยนเส้นทางการลำเลียงยาเสพติดจากสามเหลี่ยมทองคำไปยังทั่วโลก โดยระหว่างปี 2537-2539 ได้ใช้กัมพูชาเป็นทางผ่านไปยังยุโรปและอเมริกา และใช้ลาวผ่านไปยังแอฟริกาใต้และยุโรป

             ปี 2539 เฮโรอีนที่ผลิตตรงบริเวณรอยต่อไทย-พม่าลดน้อยลง เครือข่ายยาเสพติดกลุ่มแอฟริกันจึงหันไปหาเฮโรอีนจากแหล่งพระจันทร์เสี้ยวทองคำแถบตะวันออกกลาง ลำเลียงผ่านปากีสถาน อินเดีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยว่าจ้างชาวเนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ และไทย ให้เป็นผู้ลักลอบขนให้ กระทั่งปี 2541 ได้เปลี่ยนไปขนโคเคนจากอเมริกาใต้เข้าไทย และขนเฮโรอีนจากไทยไปยังต่างประเทศ

             ปี 2543 ได้เปลี่ยนไปว่าจ้างให้ชาวปากีสถานขนเฮโรอีนเข้าไทยซึ่งในปีนั้นทางการไทยสามารถจับกุมชาวปากีได้ถึง 22 คดียึดเฮโรอีนได้รวมกันถึง 46 กิโลกรัม ถัดมาระหว่างปี 2544-2547 หันไปว่าจ้างหญิงไทยและฟิลิปปินส์ให้ลอบขนเฮโรอีนเข้าประเทศจีน ปี 2549-2550 เครือข่ายยาเสพติดกลุ่มแอฟริกันเติบโตจนเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งมีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ และมีฐานควบคุมสั่งการอยู่ในกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมืองกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ประเทศปากีสถาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สาธารณรัฐประชาชนจีน และในกรุงเทพมหานคร

             นายสุขุม บอกว่า ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมาเครือข่ายค้ายาเสพติดชาวแอฟริกันว่าจ้างหญิงไทยให้ไปรับยาเสพติดจากกลุ่มประเทศในเอเชียใต้เพื่อลำเลียงไปยังประเทศจีน โดยใช้วิธีการกลืนลงท้องหรือซุกซ่อนไปกับสัมภาระ โดยใช้เส้นทางหลัก ๓ เส้นทาง คือ เดินทางจากไทยไปอินเดีย หรือเนปาล รับเฮโรอีน เดินทางโดยเครื่องบินตรงเข้าจีน ที่เมืองกวางโจว เซี่ยงไฮ้  ปักกิ่ง หรือ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง เส้นทางต่อมาคือออกจากไทยไปอินเดีย เนปาล หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อรับเฮโรอีนแล้วบินกลับมาพักในไทยแล้วจึงต่อไปจีน และเส้นทางสุดท้ายคือเดินทางโดยรถประจำทางจากกทม.ไปสะเดา จ.สงขลา เข้าไปยังมาเลเซียเพื่อรับช่วงต่อจากผู้ลำเลียงชาวแอฟริกันก่อนจะเดินทางต่อไปยังจีนทางเครื่องบิน

             "หลังเราทราบข้อมูลดังกล่าวจึงได้หาทางสกัดกั้นจนเครือข่ายของพวกเขาได้หันไปว่างจ้างผู้หญิงชาวฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนามแทน ส่วนยาเสพติดก็เปลี่ยนไปจากเฮโรอีนเป็นโคเคนและมาเป็นยาไอซ์ ซึ่งล่าสุดคนพวกนี้มีการหันไปว่าจ้างชายชาวอิหร่านให้ลอบขนยาไอซ์เข้ามาบ้านเราและส่งต่อไปยังจีนโดยเฉพาะที่เมืองกวางโจวด้วย" รองเลขาธิการ ป.ป.ส.ขยายความ

             แม้ทางการไทยและหน่วยงานด้านปราบปรามยาเสพติดทั่วโลกจะพยายามสกัดกั้นเครือข่ายค้ายาเสพติดชาวแอฟริกันแต่ก็ไม่ได้ทำให้กลุ่มคนเหลล่านี้คลายพฤติการณ์ลง โดยตั้งแต่ปี 2553 กระทั่งถึงปัจจุบันพบว่า เครือข่ายค้ายาเสพติดชาวแอฟริกันกลับมาว่าจ้างหญิงไทยให้ไปขนโคเคนจากโคลัมเบีย บราซิล โบลิเวีย เปรู และอาร์เจนตินา โดยใช้เส้นทางผ่านในประเทศมาเลเซียอีกครั้ง วิธีการขนส่งไม่แตกต่างจากเดิมคือกลืนลงท้องหรือซุกซ่อนในสัมภาระ

             ขณะที่ยาไอซ์เป็นยาเสพติดน้องใหม่ที่เครือข่ายค้ายาเสพติดกลุ่มแอฟริกันเข้าไปมีบทบาท ปัจจุบันมีเครือข่ายยาเสพติดชาวไนจีเรียเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นจุดติดต่อสั่งการ โดยได้ลักลอบขนจากแอฟริกาเข้ามายังไทย ก่อนจะกระจายต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศจีน ซึ่งล่าสุดมีข้อมูลว่าเครือข่ายค้ายาเสพติดกลุ่มนี้มีความพยายามเข้าไปแทรกซึมในกลุ่มนักเตะจากดินแดนกาฬทวีปที่เข้ามาค้าแข้งในประเทศไทย และบางรายมีการแอบอ้างว่าเป็นนักฟุตบอลสังกัดสโมสรต่างๆ เพื่อหลบหลีกการจับกุมของเจ้าหน้าที่


...........

(หมายเหตุ : เส้นทางค้ายาเสพติดโลก 'แอฟริกันตต.'ยึดไทยสั่งการ)