ข่าว

'อู่ตะเภา'ประเทศต้องมาก่อน!

'อู่ตะเภา'ประเทศต้องมาก่อน!

27 มิ.ย. 2555

'อู่ตะเภา'ประเทศต้องมาก่อน! : ขยายปมโดยสมถวิล เทพสวัสดิ์ [email protected]

              ถือเป็นทางออกที่สวยงามสำหรับมติคณะรัฐมนตรีที่ให้นำเรื่องการอนุมัติให้องค์การนาซาใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา เป็นฐานปฏิบัติการสำรวจสภาพอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และให้ทางการสหรัฐอเมริกาตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัย เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ในการเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 แทนมาตรา 190
 
               โดยอ้างว่า "สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา" ได้ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เข้าองค์ประกอบมาตรา 190 วรรคสอง
 
               ถือเป็นการ "แก้เกม" ของรัฐบาลที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน
 
               โดยรัฐธรรมนูญมาตรา 179 ระบุว่า "กรณีที่มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินที่คณะรัฐมนตรีเห็นสมควรจะฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา นายกรัฐมนตรีจะแจ้งไปยังประธานรัฐสภาขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาก็ได้ในกรณีเช่นว่านี้ รัฐสภาจะลงมติในปัญหาที่อภิปรายมิได้"
 
               เพราะหากรัฐบาลนำเรื่องนี้เข้าสู่รัฐสภา ตามมาตรา 190 สุดท้ายต้องมีการลงมติเพื่อขอความเห็นชอบ ซึ่งรัฐบาลไม่อาจคาดเดาได้ว่าหลังการอภิปรายของรัฐสภาแล้วการลงมติจะออกมาลักษณะไหน
 
               จะเรียกว่ารัฐบาลไม่กล้าเสี่ยงที่จะให้นำเรื่องเข้าสู่รัฐสภาตามมาตรา 190 เพราะถ้ามีการลงมติหากคะแนนเสียงสนับสนุน "แพ้" จะยิ่งทำให้รัฐบาลมีปัญหา
 
               โดยเฉพาะการไปทำความเข้าใจกับสหรัฐอเมริกาจะยิ่งตอบคำถามไม่ได้ "คุมเสียงข้างมาก" แต่สุดท้ายลงมติ "พ่ายแพ้" แล้วรัฐบาลจะเดินต่อแบบไหน
 
               เพราะสหรัฐอเมริกาขอใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภาครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง โดยครั้งแรกเป็นการขอใช้โดย "หน่วยงานสหรัฐอเมริกากับหน่วยงานไทย"
 
               แต่ครั้งที่สองเป็นการขอใช้โดย "หน่วยงานสหรัฐอเมริกากับรัฐบาลไทย" จึงมีลักษณะการขอใช้ที่มี "ความสำคัญ" ที่แตกต่างกัน
 
               ดังนั้น หากการลงมติของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เสียงของรัฐบาล "แพ้" ถือว่าคำขอขององค์การนาซาที่จะขอใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา เป็นฐานปฏิบัติการสำรวจสภาพอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และให้ทางการสหรัฐอเมริกาตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัย "ต้องตกไปทันที"
 
               เป้าหมายของสหรัฐอเมริกาที่วางไว้ไม่ว่าจะเพื่อประโยชน์ทางด้านพยากรณ์อากาศ หรือจะเพื่อผลประโยชน์ทางด้านความมั่นคงของสหรัฐตามเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็มีอันต้องล้มไป
 
               ความสัมพันธ์หรือความน่าเชื่อถือของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อสหรัฐย่อมส่งผลกระทบอย่างแน่นอน !
 
               เห็นได้จาก "เส้นตาย" ที่ทางการสหรัฐต้องการ "คำตอบ" สำหรับโครงการขอใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภาคือวันอังคารที่ 26 มิถุนายน ซึ่งตรงกับวันประชุมคณะรัฐมนตรีพอดี จึงเป็นเรื่องลำบากที่จะเลี่ยงไม่นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
 
               ตามปกติทั่วไปการที่ประเทศมหาอำนาจใหญ่ขอใช้พื้นที่ในประเทศเล็กๆ มีหรือประเทศเหล่านั้นจะกล้าขัดขืน !
 
               ขณะที่ "คำตอบ" ของรัฐบาลไทยในเรื่องนี้ก็มี "รัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน" ให้ความสนใจและติดตามอย่างใกล้ชิด
 
               จนมีการตั้งข้อสังเกตถึงการเดินทางเข้าออกประเทศไทยของ "พล.อ.จิ้ง จื้อหยวน" ผู้บัญชาการทหารปืนใหญ่ที่ 2 กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ที่เข้าเยี่ยมคารวะ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ผู้บัญชาการทหารบก  
 
               หลังจากนั้น "นางฟู่อิง" รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของจีน ก็เดินทางมาประเทศไทยด้วยเช่นกัน
 
               มีเสียงลือว่าทางการจีนพูดทำนองว่า หากรัฐบาลไทยให้สหรัฐใช้สนามบินอู่ตะเภาได้ เมื่อทางการจีนขอใช้บ้างทางรัฐบาลไทยก็คงไม่ปฏิเสธ
 
               ดังนั้น สภาพของประเทศไทยจึงไม่ต่างกับการยืนอยู่ตรงกลางระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ
 
               ทางออกของ "ครม.ยิ่งลักษณ์" ที่ให้นำเรื่ององค์การนาซาขอใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา เป็นฐานปฏิบัติการสำรวจสภาพอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และให้ทางการสหรัฐอเมริกาตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัย เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ในการเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 ถือว่าเป็นบวก
 
               ด้านหนึ่งรัฐบาลสามารถนำเหตุผลที่ต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาไปชี้แจงต่อทางการสหรัฐ !
 
               และการไล่บี้ตรวจสอบของฝ่ายค้าน โดยเรียกร้องให้นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 (2) ถือเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของรัฐบาลในการ "ยื้อ" คำขอของสหรัฐอย่างมีเหตุมีผล โดยนำวาระนี้เปิดเผยต่อสาธารณะ
 
               อีกด้านหนึ่งยังเป็นการช่วย "นายกฯ ยิ่งลักษณ์" นำประเทศให้รอดพ้นจากการเป็นปฏิปักษ์กับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย
 
               ถือเป็นความชาญฉลาดอย่างเพียงพอในการเอาตัวรอด !
 
               "รัฐบาลได้ให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องพยายามชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในทุกช่องทาง แต่ก็ยังมีข้อทักท้วง ข้อคิดเห็นต่างๆ ที่ขัดแย้งทั้งจากหน่วยงานที่ตรวจสอบ หรือแม้กระทั่งทางฝ่ายค้านในเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ของชาติหรือความมั่นคงของชาติ ซึ่งถือว่าเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรง แต่เพื่อที่จะให้เกิดความโปร่งใสและให้เกิดกระบวนการในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าจากที่ถูกโต้แย้งและสงสัยนั้น เป็นไปตามที่กล่าวหาหรือไม่ คณะรัฐมนตรีก็มีความเห็นว่าเราจะใช้กลไกของรัฐสภาในการที่จะตรวจสอบผลประโยชน์ของชาติ..." เนื้อหาบางส่วนหนึ่งในถ้อยแถลงของ "นายกฯ ยิ่งลักษณ์"
 
               อาจมองได้ว่า "ฝ่ายค้านกับรัฐบาล" ที่ซัดกันนัวเนียเรื่องสนามบินอู่ตะเภา แต่สุดท้ายเป็นประโยชน์ต่อประเทศ เพราะอย่างน้อยการเล่นการเมืองก็ต้องระมัดระวังอย่าให้ปัญหาการเมืองภายในมาทำให้ "ประเทศ" ถูกรุมกินโต๊ะ !

..........

(หมายเหตุ : 'อู่ตะเภา'ประเทศต้องมาก่อน! : ขยายปมโดยสมถวิล เทพสวัสดิ์ [email protected])