หวิดดับ!ไฟไหม้รถพ่วงกลางทางด่วน-ไร้เจ็บ | คมชัดลึก

                           18 ส.ค.55 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดเหตุเพลิงลุกไหม้รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว ทะเบียนหัวลาก 81-6538 สมุทรปราการ ทะเบียนหางพ่วง 81-7521 สมุทรปราการ ของห้างหุ้นส่วนจำกัด สวารินทร์ ที่จอดอยู่ริมทางด่วนกาญจนาภิเษก สายบางพลี-สุขสวัสดิ์ ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 8+900 จากถนนศรีนครินทร์ มุ่งหน้าถนนเทพารักษ์ ตำบลเทพารักษ์ อำเภอเมือง จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยทางด่วนพิเศษและรถดับเพลิงองค์การบริหารส่วนตำบลเทพภารักษ์ และเทศบาลปู่เจ้าสมิงพรายจำนวน 2 คัน ได้ร่วมกันระดมใช้ถังเคมีดับเพลิงและฉีดน้ำสกัดเพลิงอยู่นานกว่า 30 นาทีเพลิงจึงสงบ

                           จากการตรวจสอบพบว่ารถพ่วงคันดังกล่าวใช้ก๊าสเอ็นจีวี ที่บรรจุอยู่ในถังรูปแคปซูนขนาดใหญ่จำนวน 6 ถังที่ติดตั้งอยู่ด้านข้างรถเป็นเชื่อเพลิงเจ้าหน้าที่ได้กันคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจากที่เกิดเหตุเนื่องจากเกรงว่าถังก๊าสอาจเกิดระเบิดได้ ทำให้การจราจรทั้งขาไปและขากลับบนทางด่วนเส้นดังกล่าวเกิดการติดขัดเป็นทางยาวหลายกิโล หลังเพลิงสงบพบว่าเพลิงได้ลุกไหม้ที่บริเวณหัวเก๋งและเครื่องยนต์ได้รับความเสียหายทั้งหมด โชคดีที่สามารถสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลามมาที่ถังบรรจุก๊าสทั้ง 6 ใบเอาไว้ได้

                           จากการสอบสวนนาย สมพร คลองอ้ม อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/4 หมู่ 4 ตำบลบางหัวเสือ อำเภอพระประแดง สมุทรปราการ ซึ่งเป็นคนขับรถพวงคันดังกล่าวซึ่งหนีตายออกมาได้ เล่าว่าก่อนเกิดเหตุตนได้ขับรถออกจากไซท์งานซึ่งอยู่ในย่านซอยวัดบางหัวเสือ อำเภอพระประแดง สมุทรปราการ เพื่อที่จะไปบรรทุกหินคลุกที่จังหวัดชลบุรี ในระหว่างที่ขับมาถึงที่เกิดเหตุ อยู่ๆ ได้เกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นที่เครื่องยนต์ ใต้ห้องหัวเก๋ง โดยเปลวเพลิงได้ลุกโหมอย่างรุนแรงและลุกลามเข้ามาในหัวเก๋ง ตนจึงได้หักหัวรถเข้าชิดขอบทางก่อนเปิดประตูกระโดดหนีตายออกมาจากรถ ก่อนที่จะพยายามใช้ถังเคมีดับเพลิงที่ติดอยู่ในรถมาฉีดสกัดเพลิง แต่ไม่สามารถสกัดเพลิงได้ ตนจึงได้รีบทำการปิดวาวล์ถังก๊าสทั้ง 6 ใบ ก่อนจะประสานแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่

                           เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิฐานว่าสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้น่าจะเกิดจากสายไฟฟ้าลัดวงจรภายในห้องเครื่องจึงทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ ประกอบกับรถคันดังกล่าวใช้ก๊าสเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิงจึงทำให้เพลิงลุกโหมอย่างรุนแรง ก่อนลุกไหม้เครื่องยนต์และหัวเก๋งได้รับความเสียหายทั้งหมด อย่างไรก็ตามได้ได้ทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป