ข่าว

อิจฉาริษยา

01 พ.ย. 2555

อิจฉาริษยา : เสรีภาพและความรับผิดชอบ โดยนายประชา ช้ำชอก [email protected]

                ไม่รู้ว่าเป็นด้วยเพราะอิทธิพลจากละครดังหนังทีวีในช่วงนี้หรือเปล่า เลยทำให้บางคน บางสำนัก มีการโหมสื่อสารแสดงความคิดเห็น สะท้อนปฏิกิริยา ท่าที จุดยืนที่แปลกแปร่งออกมากับการวิพากษ์วิจารณ์บุคคลสาธารณะ ตรวจสอบ-ถ่วงดุลในทางการเมือง ซึ่งพึงถือเป็นเรื่องปกติ ชอบธรรมในระบอบการปกครองประชาธิปไตย
 
                มีอย่างที่ไหน ด่าทอตำหนิสื่อมวลชน ตลอดจนองค์กรวิชาชีพสนุกสนาน มันปากถึงความล้มเหลวในการตรวจสอบผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนด้วยกัน ไม่มีน้ำยา เป็นเสือกระดาษ ฯลฯ
 
                ครั้นมีการเคลื่อนไหวให้นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา สื่อมวลชนคนดัง-นักเล่าข่าวพันล้าน แสดงจริยธรรมหรือจรรยาบรรณบ้าง กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเกี่ยวพันไปถึงตัวเอง และบริษัทธุรกิจข่าวของตนด้วยข้อกล่าวหาว่ายักยอกเงินค่าโฆษณารัฐวิสาหกิจช่อง 9 เป็นเงินร้อยกว่าล้านบาท
 
                เรียกร้องให้สมกับที่เคยปากกล้า เรียกร้องถามหาจริยธรรมนักการเมืองหรือข้าราชการมาโดยตลอด
 
                แต่บางคน บางสำนัก กลับเห็นเป็นเรื่อง “ความริษยาของชนชั้นกลาง” ไปเสียอย่างนั้น
 
                บิดเบือนเบี่ยงเบน กลายเป็นประเด็นเกี่ยวด้วยต่อมประสาทแห่งความอิจฉาริษยา โดยไม่สนใจใยดีไปกับพฤติกรรมการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือประเด็นทางจริยธรรม-จรรยาบรรณ
 
                เช่นเดียวกับการตรวจสอบ-ถ่วงดุลบุคคล หรือองค์กรซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐ ที่น่าจะถือเป็นหลักการสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งยอมรับกันว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน
 
                หรือการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็น ซึ่งต้องถือเป็นสิทธิเสรีภาพพื้นฐานที่สำคัญของระบอบการปกครองประชาธิปไตย
 
                จะด่าทอฝ่ายค้าน ตำหนิสื่อมวลชน วิพากษ์วิจารณ์องค์กรอิสระ ศาลทั้งหลายไม่เป็นไร แต่อย่าเผลอไผลไพล่ไปแสดงความคิดอ่านอะไรแตะต้องรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าเชียว เพราะจะกลายเป็นเรื่องของความอิจฉาริษยาไปเสียฉิบ
 
                ถูกมองเห็นเป็นการจ้องจับผิด อ้างว่าฝนจะตกหรือแดดจะออกก็มักมาโทษลงที่ "คุณปู” ผู้แสนซื่อ บริสุทธิ์ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรกับเขาด้วยทั้งสิ้น
 
                เป็นนายกรัฐมนตรีบ้านนี้เมืองนี้ไม่ต้องอะไรมาก มิพักจักต้องสำแดงภาวะความเป็นผู้นำให้ปรากฏ หรือสะท้อนสติปัญญาความเก่งกล้าสามารถในการบริหารราชการแผ่นดินออกมาให้ใครเห็นเป็นที่ประจักษ์ เอาแต่เฉิดฉายแต่งกายให้บุคลิกเปลือกนอกดูดีเข้าไว้ วันหนึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้า 2-3 ชุด คอยแสดงบทเผยอปากออดอ้อนสอดรับกับมุมกล้อง ฯลฯ เท่านั้นเป็นพอ
 
                ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์นิตยสารฟอร์บส์ แสดงความคิดเห็นถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ต่อต้านนโยบายรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลว่า เป็นเรื่องของความอิจฉาริษยาทางการเมืองจากฝ่ายตรงกันข้าม และว่า ตัวเองค่อนข้างโชคร้ายที่ประเทศไทยมีหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษเพียง 2 ฉบับซึ่งเต็มไปด้วยอคติ ลำเอียง โดยทั้งสองฉบับอยู่ตรงกันข้ามกับตัวเอง ดังนั้นอย่าไปเชื่อ เพราะจะไม่รู้จักตัวตนคนชื่อทักษิณที่แท้จริง
 
                นับเป็นท่าที ทัศนะ ความคิด ซึ่งสอดคล้องต้องกับบางคน บางสำนัก ในขณะนี้ที่กำลังเขียนบท สร้างพล็อตละครกันอย่างขะมักเขม้น โดยเห็นคนอื่น หรือใครก็ตามซึ่งไม่ใช่พวก เป็นเช่นมารร้าย ตัวโกง ซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์อิจฉาริษยาแต่เพียงเท่านั้น
 
                เชิญชมและเชลียร์ “แรงง่าว” พบกับนางเอกแสนซื่อแลพี่ชายแสนบริสุทธิ์ได้โดยพลัน ณ บัดนาว