
เรารู้เขา-เขารู้เราสาวขอนแก่นหนุ่มอเมริกัน
เรารู้เขา-เขารู้เรา-หลักครองคู่สาวขอนแก่น-หนุ่มอเมริกัน : คอลัมน์ เขยฝรั่งสะใภ้อินเตอร์ โดย... เสาวลักษ์ คงภัคพูน - กวินทรา ใจซื่อ
วันที่สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น ชีวิตของสาวน้อยอย่าง "ทราย-ศราดา สืบซุย" สาวจาก อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ก็เริงร่าที่เรียนจบมาได้ในระดับหนึ่ง แต่ด้วยตระหนักว่าอนาคตอันสดใสต้องมีใบปริญญาเบิกทาง "ทราย" จึงเรียนต่อสาขาการตลาดที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม เมื่อเรียนจบก็หางานทำ แต่ก็เปลี่ยนที่ทำงานบ่อย จนเมื่อปี 2544 มาลงตัวที่บริษัทญี่ปุ่นในซอยธนิยะ สีลม
ด้วยความสนุกกับบรรยากาศการทำงาน รวมถึงที่ตั้งของบริษัทก็อยู่ในดงที่กินที่ช็อปปิ้ง มีบริษัทต่างชาติมากมาย ฝรั่ง จีน ญี่ปุ่น เดินกันขวักไขว่ ทำให้พอจินตนาการได้ว่าอยู่เมืองนอก "ทราย" จึงทำงานที่นี้ได้นานหลายปี
และแล้ว...วันหนึ่งในปี 2546....
"เกรกกอรี เมคเครีย" ชาวอเมริกัน วิศวกรบริษัทขายแบตเตอรี่สำหรับรถกอล์ฟ และรถประเภทอิเล็กทริกคาร์ ต้องติดต่อการค้ากับบริษัทที่ "ทราย" ทำงานอยู่
"เกรกกอรี "เดินทางมาประเทศไทยเป็นครั้งแรก ทรายจึงถูกมอบหมายให้ช่วยดูแล ทำหน้าที่เหมือนเป็นเลขาฯ ต้องติดต่อลูกค้าด้วยกัน ให้คำแนะนำช่วยเหลือเรื่องงาน ความใกล้ชิดทำให้สนิทสนมกัน
ตลอด 1 ปีที่ทั้งคู่ทำงานด้วยกัน ต้องพบเจอะเจอกันทุกวัน ความรักค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในใจของหนุ่มตาน้ำข้าว จากที่เคยพูดกันเฉพาะเรื่องงาน กลายเป็นความห่วงหาอาทร สอบถามห่วงใย ปรึกษากันมากกว่าเรื่องงาน ที่สุดฝ่ายชายก็ขอคบหาดูใจ ซึ่งทรายเองก็สังเกตเห็นและมีใจให้เช่นกัน จึงตอบตกลง
หลังจากที่ทั้งคู่คบหาดูใจ เกรกกอรี บินไปมาเมืองไทย 2 เดือนครั้ง ครั้งละ 2 อาทิตย์ มาทั้งเรื่องงานและหาแฟนสาว จนเกือบครบปีฝ่ายชายจึงขอหมั้น พร้อมกับดำเนินการด้านเอกสารให้เดินทางไปอยู่ที่อเมริกาในฐานะภรรยาทันที
“ช่วงที่เราทำงานด้วยกันสนุกมาก ผมประทับใจคุณทรายเขาคุยสนุก ยิ้มเก่ง พูดคุยด้วยแล้วสบายใจ เขามีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่เอาเปรียบคนอื่น ซึ่งจะเห็นมาตลอดยิ่งทำให้รู้สึกชอบเขามากยิ่งขึ้น จนตัดสินใจขอคบเป็นแฟน”
"ในวันที่เขาขอแต่งงาน เราทั้งคู่นัดไปเที่ยวกันที่ฮ่องกง เขาพาไปกินอาหารอิตาลี ระหว่างนั้นเขาก็เอ่ยปากขอแต่งงานแล้วยื่นแหวงที่เตรียมมาให้ หลังจากวางแผนใช้ชีวิตหลังแต่งงานว่าจะไปอยู่ต่างประเทศ ก็พาเขาไปแนะนำให้รู้จักครอบครัว และบอกพ่อว่าจะบินไปอยู่ที่อเมริกา ญาติพี่น้องก็ยินดีและอวยพรให้เราทั้งคู่ แต่ไม่ได้แต่งงานที่เมืองไทย ไปแต่งที่อเมริกาครั้งเดียว เราทั้งคู่เรียนรู้กันไม่นาน แต่ก็เห็นความรักและความหวังดีที่เขามาให้เรามาโดยตลอด ส่วนที่ตัดสินใจแต่งงานด้วยทั้งที่เรายังคบหาดูใจกันเพียงปีเดียว เพราะเห็นว่าเขามีความรับผิดชอบสูง สามารถดูแลเราได้แน่นอน เป็นคนขยันสร้างเนื้อสร้างตัวจนมีบริษัทของตัวเอง”
การเดินทางจากบ้านเกิดครั้งแรกในชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ เพราะที่อเมริกาชีวิตเรียบง่าย การใช้ชีวิตต้องอยู่กับตัวเอง ซึ่งต่างจากการใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ ที่มีทุกอย่างตามที่ต้องการ ที่สำคัญคนสองคนต่างกันทั้งเชื้อชาติ ภาษาและวัฒนธรรม ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปรับตัวเข้าหากัน ทำให้ 4 ปีแรกที่อยู่ด้วยกันทั้งสองคนต้องฟันฝ่าอุปสรรคชีวิตคู่ ต่างต้องมาทำความเข้าใจเรียนรู้กันใหม่ทั้งหมด ต่างจากเมื่อคบหาดูใจที่นานๆจะได้พบปะพูดคุยกันสักครั้ง โชคดีที่ครอบครัวญาติพี่น้องของเกรกกอรี ต่างต้อนรับสะใภ้ชาวไทยด้วยความยินดี
"เราคบหากันน้อยไม่ถึงปีก็หมั้นก็แต่งกันแล้ว ช่วงนั้นยังเด็กและเสียดายชีวิตที่เมืองไทย ที่สำคัญคือแรกๆ เราทั้งคู่ก็ไม่ยอมปรับตัวเข้าหากันเลย ทำให้เราไม่เข้าใจกัน ทะเลาะกันบ่อยครั้ง เงินทองมีใช้เยอะไม่ขาดมือแต่ที่เราไม่มีให้กันเลยคือความเข้าใจกัน นิสัยเขาเป็นคนพูดจาโผงผางแต่เราก็อยากให้เขาพูดกับเราดีๆ คือเรื่องอื่นเขาดีหมด ก็มีเรื่องการพูดจาและขี้โมโหนี่แหละ ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่กันมา 10 ปี พยายามยอมรับและเข้าใจเขามากขึ้น คิดว่าเรารู้เขา เขารู้เรา เดี๋ยวนี้ก็มีความสุขกับชีวิตคู่มากขึ้น”
ปัจจุบันครอบครัวเมคเครีย อยู่ที่ซาคราเมนโต สหรัฐอเมริกา มีโซ่ทองคล้องใจสองคนที่กำลังอยู่ในวัยซน คนโตวัย 5 ขวบ ด.ช.คอลลิน ส่วนคนเล็ก ด.ช.ดีน เมคเครีย วัย 3 ขวบ ที่ทั้งคู่ต่างเลี้ยงให้ลูกได้เรียนรู้วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของทั้งคนไทยและอเมริกัน
“ช่วงสองสามปีแรกพยายามพูดภาษาไทยกับลูกทุกวัน ถึงแม้เขาจะไม่พูด ก็ต้องพูดย้ำๆ พอเขากลับเมืองไทยเขาจำได้ เลี้ยงแบบคนไทยทั้งเรื่องการอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักไหว้ กินอาหารไทย สอนลูกพูดไทย ส่วนมากวันจันทร์จะพาลูกไปวัดไทยในอเมริกา เพื่อให้เขาคุ้นเคยกับวัฒนธรรมไทย ส่วนแฟนเขาก็สนับสนุนให้พาลูกกลับเมืองไทยทุกปี เพราะต้องการให้เขารู้จักญาติพี่น้องคนไทย ส่วนลูกๆ เองเขาจะปรับตัวแบบอัตโมมัติพูดฝรั่งกับพ่อ พูดไทยกับแม่ รู้สึกภูมิใจมาก ตลอดเวลาที่เสียเงินซื้อตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทยเพราะต้องการให้เขาพูดไทยได้ ตอนนี้พูดไทยคล่องแล้วเพิ่งพูดได้ปีนี้ กลับเมืองไทยก็พูดไทยจ้อเลย”
เมื่อเรื่องครอบครัวลงตัวศราดาเริ่มมองหากิจกรรมทำในวันว่าง จนมาลงตัวที่งานศิลปะ งานทำมือถักเชือก เครื่องประดับจิวเวลรี่ เป็นงานศิลป์ที่ชื่นชอบมาตั้งแต่สมัยยังเด็กแล้ว และยังช่วยฝึกสมาธิ ที่สำคัญยังได้อยู่ใกล้ลูกอยู่ใกล้ครอบครัวด้วย ส่วนชิ้นงานก็จะนำไปวางขายมีรายได้เป็นของตัวเอง
“เริ่มเรียนงานถักเชือกที่เมืองไทย แต่ก็ยังไม่ชำนาญมากนัก พอกลับอเมริกาก็หมั่นฝึกฝนวันละเล็กละน้อย พอทำเสร็จสักชิ้นก็รู้สึกดีใจแล้ว จนเห็นว่าชำนาญมากขึ้น จึงถักแล้วนำไปวางขาย ปรากฏว่ามีลูกค้าชอบมาสั่งซื้อกันเรื่อยๆ ส่วนวัตถุดิบก็ให้พี่สาวส่งมาให้เพราะที่นี่พวกวัตถุดิบแพงมาก ถือเป็นงานอดิเรกที่สร้างรายได้ มีอาชีพไม่เหงา ได้อยู่ใกล้ลูก และที่สำคัญมีเงินใช้ของตัวเองด้วย”
.......................................
ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว....
สำหรับสาวๆ ที่กำลังจะมีแฟนเป็นคนต่างชาติ ภาษาอังกฤษจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เมื่อ "คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ" เปิดหลักสูตร "ภาษาอังกฤษจีบฝรั่ง" เพื่อพัฒนาทักษะการพูดวลีเอาใจ ร้องขอ ขอบคุณ ขอโทษ ขออภัย พร้อมเสริมด้วยการอ่านและการเขียน ให้คุณเป็น “คุณแม่บ้านมือโปร” ของคุณสามีฝรั่งได้อย่างสบายๆ
เปิดสอนระหว่างวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 24-25 พฤศจิกายน 1-2ธันวาคม 15-16 และ 22 ธันวาคม เวลา 13.00-17.00 น.
ณ ห้างสรรพสินค้าพาราไดซ์ พาร์ค รับจำนวนจำกัด 20 คนเท่านั้น
สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งโทร.0-2338-3356-7 หรือ www.komchadluek.net/course <http://www.komchadluek.net/course Facebook : komchadluek workshop
.......................................
(หมายเหตุ เรารู้เขา-เขารู้เรา-หลักครองคู่สาวขอนแก่น-หนุ่มอเมริกัน : คอลัมน์ เขยฝรั่งสะใภ้อินเตอร์ โดย... เสาวลักษ์ คงภัคพูน - กวินทรา ใจซื่อ)