ข่าว

ในหลวงเสด็จฯสวนสมเด็จย่า

ในหลวงเสด็จฯสวนสมเด็จย่า

07 ธ.ค. 2555

ในหลวงเสด็จฯอุทยานสมเด็จย่า ทอดพระเนตรอาคารเก่าและที่ประทับของสมเด็จย่าสมัยทรงพระเยาว์ ด้วยพระพักตร์แจ่มใส และยังทรงถ่ายภาพประชาชนระหว่างรอรับเสด็จเนืองแน่น

 

ในหลวงเสด็จฯสวนสมเด็จย่า

 

ในหลวงเสด็จฯสวนสมเด็จย่า

 

ในหลวงเสด็จฯสวนสมเด็จย่า

  

              เมื่อเวลา 15.05 น. วันที่ 7 ธันวาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ลงจากที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยมี ศ.คลินิก นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผอ.โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ เป็นผู้ถวายการเข็นรถเข็นพระที่นั่ง โดยมีท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม พร้อมด้วย ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และทีมแพทย์ พยาบาล ตามเสด็จด้วย จากนั้นประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ ไปยังอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ท่ามกลางพสกนิกรที่มาเฝ้ารับเสด็จอย่างเนืองแน่น
 
              ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์สูทสีฟ้า ทับเสื้อเชิ้ตลายทางหลากสี พระสนับเพลาสีเทาเข้ม พระหัตถ์ซ้ายจูงสายคล้องคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง ส่วนพระหัตถ์ขวาทรงถือแผ่นพับรายละเอียดอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยตลอดเส้นทางเสด็จฯ ทรงแย้มพระสรวลและทอดพระเนตรประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จ ขณะที่ประชาชนพร้อมใจกันเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ

              ต่อมาในเวลา 15.20 น. เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ถึงอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ประชาชนซึ่งทราบข่าวต่างพากันมาเฝ้ารับเสด็จ และรอชื่นชมพระบารมีกันอย่างเนืองแน่น ครั้นเมื่อเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ มาด้วยพระพักตร์แจ่มใส ประชาชนต่างพากันเปล่งเสียงถวายพระพร "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้อง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงฉายรูปประชาชน ที่มารอรับเสด็จด้วยพระอิริยาบถที่ผ่อนคลาย
 
              ในการนี้ทรงวางพวงมาลัยถวายราชสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งหล่อด้วยโลหะในพระอิริยาบถทรงพระสำราญ ประดิษฐานบนเนินดินที่นำมาจากสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เคยประทับหรือเสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ โดยท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ เลขาธิการคณะกรรมการบริหารงานอุทยาน ทูลเกล้าฯ ถวายพระราชานุสาวรีย์จำลอง
 
              โอกาสนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรการขับร้องเพลงใต้ร่มพระบารมีจากนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการประกวดขับร้องเพลงลูกทุ่งไทยในอุทยานครั้งที่ 9 และได้ทอดพระเนตรอาคารพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นส่วนบริเวณอนุรักษ์เป็นอาคารเก่าแก่ที่เคยเป็นเรือนบริวารในบ้านของเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดี (แพ บุนนาค) อธิบดีกรมพระคลังสินค้า ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยจัดแบ่งเป็นส่วนอาคารพิพิธภัณฑ์ 2 หลัง
 
              ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงวางพวงมาลัยถวายราชสักการะสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่อาคารพิพิธภัณฑ์หลังที่ 1 ซึ่งจัดแสดงเกี่ยวกับพระราชประวัติและที่ประทับครั้งทรงพระเยาว์ ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี รวมทั้งภาพประมวลเหตุการณ์ในการพระราชพิธีพระบรมศพ ตลอดจนประวัติชุมชนย่านวัดอนงคาราม ซึ่งเป็นชุมชนประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นที่อาศัยอยู่ร่วมกันของชนหลายเชื้อชาติศาสนา ทั้งไทย จีน อิสลาม และลาว ที่อยู่ร่วมกันอย่างสมัครสมานสามัคคีมาโดยตลอด

              จากนั้นเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรอาคารพิพิธภัณฑ์หลังที่ 2 ซึ่งจัดแสดงพระราชกรณียกิจ พระราชจริยวัตร และผลงานฝีพระหัตถ์ที่ทรงประดิษฐ์ขึ้นหลังจากทรงว่างเว้นพระราชกรณียกิจ อาทิ การเพ้นท์ถ้วยกาแฟ งานปั้นพระพุทธรูป แล้วได้ทอดพระเนตรบ้านจำลองพระนิวาสสถานเดิมที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เคยประทับเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ ซึ่งอยู่ห่างจากวัดอนงคารามไปไม่เกิน 200 เมตร ตามคำบอกเล่าจากหนังสือ "แม่เล่าให้ฟัง" พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งจัดตกแต่งภายในเรียบง่ายแบบไทย
 
              ใกล้กับบ้านจำลองนี้เป็นที่ตั้งของแผ่นแกะสลักเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี  เป็นงานประติมากรรมแกะสลักแผ่นหินขนาดใหญ่แบบนูนต่ำ เป็นหินทรายสีเขียวนำมาจากโคราช มีความยาว 8 เมตร สูง 80 เซนติเมตร หนา 90 เซนติเมตร หนักประมาณ 32 ตัน โดยเป็นการจัดวางภาพพระราชกรณียกิจ และภาพริ้วกระบวนไหว้สาแม่ฟ้าหลวง

              นอกจากนี้ ยังมีศาลาแปดเหลี่ยม ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ ครบ 8 รอบ ซึ่งเคยใช้เป็นที่ประทับเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดอุทยานเฉลิมพระเกียรติแห่งนี้ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2540 หลังมีพระราชดำริให้จัดสร้างขึ้นเมื่อปี 2536 ตามที่นายเล็ก นานา ได้น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินแปลงนี้ เพื่อสนองพระราชประสงค์ในการอนุรักษ์พระนิวาสสถานเดิมของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
 
              อุทยานเฉลิมพระเกียรติแห่งนี้จึงเปรียบประดุจพระราชอนุสรณ์สถานที่รำลึกถึงความรัก ความผูกพัน และความกตัญญู ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีต่อสมเด็จพระบรมราชชนนี และยังเป็นสถานที่ศึกษาความเป็นมาของชุมชนเก่าแก่ในฝั่งธนบุรี รวมทั้งเป็นสถานที่พักผ่อนของชุมชนใกล้เคียง ตลอดจนเป็นสถานที่ศึกษาพระราชประวัติ ซึ่งได้อนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ที่มีมาแต่เดิมอายุกว่า 100 ปี อาทิ ต้นโพธิ์ ต้นชงโค ต้นไทร ท่ามกลางหมู่อาคารโบราณและศิลปะร่วมสมัย ทั้งยังเป็นสถานที่จัดงานรำลึกถึงสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย ในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นเดือนพระราชสมภพทุกปี
 
              จากนั้นเวลา 16.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ กลับโรงพยาบาลศิริราช


ส.ส.-ส.ว.สหรัฐฯถวายพระพร


                       นายมนัสวี ศรีโสดาพล อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า วุฒิสมาชิกและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ออกถ้อยแถลงถวายพระพรและเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันเฉลิม พระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคม 2555 โดย Richard G. Lugar ร่วมกับนาย James Inhofe ได้กล่าวถวายพระพรว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ได้รับการยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศโดยทรงอุทิศพระองค์เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของพสกนิกรชาวไทย และทรงริเริ่มโครงการพัฒนาทั่วประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น การสาธารณสุข การศึกษา การพัฒนาการเกษตร และการฟื้นฟูป่าไม้ ซึ่งหนึ่งในรางวัลที่ได้ทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระองค์ คือ รางวัลสหประชาชาติด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (United Nations Development Program First Human Development Life Time Achievement Award) โดยทรงเป็นพระองค์แรกที่ได้รางวัลดังกล่าว นอกจากนี้ พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดของไทยและของโลกด้วย 

                        ​ด้าน นาย Jim Webb  ส.ว.สหรัฐฯ ได้กล่าวถวายพระพรว่าไทยกับสหรัฐฯ   มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมาเป็นเวลาเกือบ 200 ปี นับตั้งแต่การลงนามสนธิสัญญาไมตรีและการพาณิชย์ (ค.ศ. 1833) และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับค่านิยมด้านประชาธิปไตยและหลักนิติรัฐ นอกจากนี้ พระองค์ทรงสนับสนุนสังคมที่เปิดกว้างและมีเสรีภาพในประเทศไทย และในฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก พระองค์ได้ทรงทุ่มเทเพื่อการพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทยเหนือสิ่งอื่นใด

                        ​ขณะที่ นาย Ed Royce ส.ว.สหรัฐอเมริกาได้กล่าวถวายพระพรว่าพระองค์ทรงเป็น ส่วนสนับสนุนที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาประเทศ โดยทรงริเริ่มโครงการพัฒนากว่า 4,000 โครงการทั่วประเทศทั้งในด้านสาธารณสุข  ด้านการเกษตร  ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการศึกษา  ด้านการสร้างงาน รวมถึงการพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะในชนบทและพื้นที่ห่างไกล นอกจากนี้ พระราชกรณียกิจของพระองค์ยังเป็นที่ชื่นชมทั่วโลก ทั้งนี้ ในปี ค.ศ. 2006 โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แด่พระองค์ท่านด้วย 

...........

(หมายเหตุ : ภาพจากช่างภาพส่วนพระองค์ สำนักพระราชวังผ่านเฟซบุ๊กInformation Division of OHM)