
ฆ่าโหดเผา!'พริตตี้'เปลือยคาห้องพัก
ฆ่าโหดเผาอำพรางสาวพริตตี้เปลื่อยคาห้องพักหรู สภาพศพถูกปาดคอ ตัดหู เขียนข้อความตามตัว ตำรวจเร่งล่าแฟนหนุ่มผู้ตายที่มีหมายจับอยู่ 6 คดี คาดปมหึงหวง
เหตุการณ์พิษแรงหึงเกิดการฆ่าโหดครั้งนี้ถูกเปิดเผยเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 3 มกราคม เมื่อ ร.ต.ต.วิชิต ผังดี พนักงานสอบสวนสภ.ปากเกร็ดรับแจ้งเหตุพบศพหญิงสาวถูกฆาตกรรมและจุดไฟเผาอำพรางศพเสียชีวิตภายในห้องพักเลขที่ 200/166 ชั้น 6 คอนโดฯ ย่าน หมู่ 6 ถนนแจ้งวัฒนะ ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงรายงานพล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.กิตติ สุขสมภักดิ์ ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.นฤนาท พุทไทสง ผกก.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.โสวัชร์ ไชยสงคราม รอง.ผกก.สส พ.ต.ท.ประสงค์ ศิริทิพย์วานิช รอง.ผกก.ปป รุดไปตรวจสอบที่เกิดพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุภายในห้องดังกล่าวบริเวณห้องนอน เจ้าหน้าที่พบร่องรอยการถูกไฟไหม้เสียหายทั้งห้อง บนเตียงนอนพบศพ น.ส.อัจฉราณี รักเชื้อ อายุ 22 ปี บ้านเลขที่3/421 ซอยแจ้งวัฒนะ14 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. อาชีพเซลล์ขายรถและยังหารายได้พิเศษด้วยการเป็นพริตตี้ตามงานต่างๆ สภาพศพนอนหงายหน้าไม่สวมเสื้อผ้ามีบาดแผลถูกของมีคมปาดที่ลำคอเป็นแผลลึกจนเห็นหลอดลม หูซ้ายถูกตัดจนขาด แขนซ้ายถูกฟันอีกนับสิบแผล และที่อวัยวะเพศถูกของมีคมเฉือนจนเป็นแผลลึก และมีข้อความเขียนตามร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะถึงลำตัวมีร่องรอยถูกไฟไหม้คาดว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 1-2 วัน ใกล้กันพบศพแมวที่ผู้ตายเลี้ยงไว้ถูกปาดคอนอนตายอยู่ข้างเตียง
จากการสอบถามเจ้าของห้องเล่าว่า ผู้ตายและแฟนหนุ่มได้มาขอเช่าห้องของตนอยู่ในราคาเดือนละ 7 พันบาท โดยผู้ตายเป็นคนทำสัญญาไว้และเพิ่งเข้าอยู่ได้ประมาณเดือนกว่าๆ โดยผู้ตายได้บอกกับตนว่ามีอาชีพเป็นเซลล์ขายรถยนต์และต้องออกไปทำงานตามต่างจังหวัดนานๆที่ถึงจะกลับเข้ามาพักที่ห้อง ซึ่งผู้ตายเองก็มีบ้านอยู่ในละแวกนี้อยู่แล้ว แต่ที่มาเช่าเพราะต้องการความเป็นส่วนตัวอยู่กับแฟนหนุ่ม จนกระทั่งวันที่ 3 ม.ค.ตนมาทราบจากเจ้าหน้าที่นิติบุคคลว่าห้องของตนมีกลิ่นควันไฟลอยออกมาจากห้องให้รีบมาดู ตนจึงพยายามโทรศัพท์ติดต่อให้ผู้ตายทราบแต่ไม่มีคนรับสายตนจึงอนุญาตให้เจ้าหน้าที่นิติบุคคลนำกุญแจสำรองมาเปิดดูก็พบว่าผู้ตายถูกฆาตกรรมเสียชีวิตแล้ว
ด้านช่างไฟฟ้าประจำคอนโดดังกล่าว เล่าว่า เมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีผู้พักอาศัยที่อยู่ติดกับห้องที่เกิดเหตุลงมาแจงกับรปภ.ว่าได้กลิ่นควันไฟออกมาจากห้องดังกล่าวให้ขึ้นมาตรวจสอบที่ตนเองกับรปภ.จึงขึ้นมาเคาะเรียกที่ห้องดังกล่าวแต่ไม่มีใครตอบรับ ซึ่งในตอนนั้นตนคิดว่าเจ้าของห้องคงออกไปฉลองปีใหม่กันข้างนอกเลยไม่มีใครอยู่ จึงตัดสินใจตัดไฟที่ห้องดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย รอจนเจ้าของห้องกลับมาค่อยมาเปิดไฟให้ใหม่ กระทั่งวันที่ 3 ม.ค.นี้ เเปิดห้องเข้าไปดูได้ก็พบว่าผู้ตายถูกฆาตกรรมเสียแล้วจึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที
ต่อมานายชัชรินทร์ รักเชื้อ อายุ 21 ปี น้องชายผู้ตาย ได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุด้วยน้ำตานองหน้า กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2555ที่ผ่านมา ตนเองกับแฟนได้นัดผู้ตายชวนกันไปฉลองเคานท์ดาวน์ที่ร้านแห่งหนึ่งย่านรังสิต โดยผู้ตายได้พานายไพโรจน์ นันทตันติ อายุ 22 ปี หรือแบงค์ แฟนหนุ่มของพี่สาวมาด้วย แต่ขณะที่นั่งกินกันอยู่นั้นนายไพโรจน์ได้มีปากเสียงกับผู้ตายเรื่องหึงหวง จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น. ตนกับแฟนและผู้ตายได้ออกจากร้านเพื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยผู้ตายได้นั่งแท๊กซี่กลับไปที่คอนโดดังกล่าวกับนายไพโรจน์ ส่วนตนกับแฟนก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านที่ซอยแจ้งวัฒนะ 14 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. ซึ่งเป็นบ้านพ่อแม่ของตนเองกับผู้ตาย
กระทั่งเวลา 03.00 น. ของวันที่ 1 ม.ค.2556 ตนเองได้ยินเสียงคนเดินอยู่บริเวณชั้นล่างของบ้านจึงได้หยิบมีดดาบลงมาดู เพราะนึกว่าเป็นขโมย ปรากฎว่าเป็นนายไพโรจน์กำลังจะจุดไฟเผาบ้านของตน "จึงตะโกนถามว่ามึงจะทำอะไร" แต่นายไพโรจน์เมื่อเห็นตนถือมีดอยู่ในมือก็รีบวิ่งหนีออกไปจากบ้านทันที ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งมาทราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพี่สาวถูกฆ่าเสียชีวิต
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอดูภาพวงจรปิดภายในคอนโดดังกล่าว ร่วมถึงพยายามโทรศัพท์ติดต่อนายไพโรจน์ตามที่น้องชายผู้ตายให้มาเพื่อสอบปากคำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ปรากฎว่าหมายเลขดังกล่าวปิดเครื่องตลอดเวลา จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่านายไพโรจน์มีหมายจับอยู่ 6 หมาย ซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับการฉ้อโกง ซึ่งเบื้องต้นตำรวจปักใจว่านายไพโรจน์น่าจะเป็นคนลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากความหึงห่วงเพราะผู้ตายเป็นคนหน้าตาดีมีชายหนุ่มมาติดพันมาก
ฆ่าบีบคอสาวบัญชีอืดคาห้องเช่าคืนเคานท์ดาวน์
ขณะที่เหตุการณ์ลักษณ์เช่นเดียวกันเมื่อเวลา 15.00 น. ร.ต.ต.พิทักษ์ จันทร์ตา ร้อยเวร สภ.เมืองบึงกาฬ อ.เมือง จ.บึงกาฬ ได้รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิตอยู่ในห้องเช่า หมู่ 8 บ้านบึงสวรรค์ ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบรุดตรวจที่เกิดเหตุ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเช่าชั้นเดียวพึ่งสร้างเสร็จใหม่ มีประชาชนละแวกใกล้เคียงต่างมามุ่งดูเหตุการณ์จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานา ที่ห้องเช่าห้องแรก พบศพ น.ส.ชลดา หรือใบเตย พลภักดี อายุ 19 ปี บ้านเลขที่ 40 บ้านใหม่พัฒนา ต.โนนสว่าง อ.เมืองบึงกาฬ เป็นนักศึกษาแผนกบัญชีชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยเทคนิคบึงกาฬ สภาพศพนอนหงายใส่กางเกงขาสั้นสีดำ มีผ้าห่ม ผ้าปูที่นอนและที่นอนทับโผล่เพียงครึ่งลำตัว ใบหน้าเขียวคล้ำที่ลำคอมีร่องรอยถูกบีบ แต่ไม่มีร่องรอยการถูกข่มขืน ศพเริ่มขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ ภายในห้องพักมีข้าวของกระจัดกระจายไปทั่ว
จากการสอบสวนเจ้าของห้องเช่า ทราบว่า ผู้ตายพึ่งเข้ามาเช่าห้องพักได้ 2 เดือนในคืนวันที่ 31 ธ.ค.2555 ซึ่งเป็นคืนเคานท์ดาวน์ มีผู้ชายวัยรุ่นผมเกรียนมาหาผู้ตาย ซึ่งน่าจะเป็นคนที่รู้จักกันดี จนสว่างก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะห้องนอนก็ล็อกกุญแจเข้าใจว่าผู้ตายคงจะกลับบ้านในช่วงปีใหม่
ด้าน พล.ต.ต.มนธน ทิพย์จันทร์ ผบก.บึงกาฬ กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า ผู้ตายพึ่งกลับจากการไปแข่งขันทักษะรักภาษาไทยระดับภาคที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2555 เป็นนักศึกษาที่เรียนดีมีความประพฤติดีด้วย ส่วนชายวัยรุ่นมีผมเกรียนที่ต้องสงสัยน่าจะเป็นคนที่รู้จักกันดีกับผู้ตาย ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสืบสวนสอบสวนหาตัวว่าเป็นใครมีความสัมพันธ์อย่างไร คาดว่าเร็วๆ นี้คงรู้ตัว
จับหนุ่มหื่นลวงผู้ช่วยพยาบาลสาวผ่านเฟซบุ๊กหวังขืนใจ
ส่วนเหตุการณ์หนึ่งตามที่หญิงสาวชาวไทยหรือ น.ส.นุช(นามสมมุติ) อายุ 24 ปี อาชีพผู้ช่วยพยาบาล โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯว่า ถูกผู้ต้องหาหลอกลวงไปพยายามข่มขืนกระทำชำเราที่ กระท่อมกลางทุ่งนา หลังโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ โดยทำทีว่าจะพาดูที่นา เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงทำตีสนิท ก่อนใช้กำลัง ขู่บังคับหวังจะข่มขืนแต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากผู้เสียหายฉวยโอกาสขณะ ผู้ต้องหาเผลอไปหยิบโทรศัพท์เพื่อหวังจะนำมาถ่ายคลิปไว้แบล็กเมล์หลบหนีได้ทัน
ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ม.ค.นี้ ตำรวจสถานีตำรวจภูธรสมเด็จ สามารถคุมตัวนายสิทธิชัย เจริญเขต อายุ 34 ปี ชาว อ.สมเด็จ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังสามารถจับกุมตัวมาได้
นายสิทธิชัย ให้การว่า ตนได้รู้จักกับ น.ส.นุช ทางเฟซบุ๊กพูดคุยกันจนสนิทสนมกระทั่งทราบว่าน.ส.นุช จะกลับมาเยี่ยมบ้านช่วงปีใหม่จึงได้นัดพบ น.ส.นุช ที่หน้าธนาคารแห่งหนึ่งในเขตอำเภอสมเด็จ โดยขี่รถจักรยานยนต์ไปรับโดยอ้างว่าจะพาไปนั่งเล่นที่บ้านญาติ ระหว่างทางได้ออกอุบายลวงเหยื่อหวังจะฉวยโอกาสหาความสุขทางเพศว่าจะไปดูที่นาของตนเองที่มีอยู่นับร้อยไร่ซึ่งอยู่บริเวณหลังโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม ซึ่งน.ส.นุช ก็หลงเชื่อจากนั้นเมื่อไปถึงยังกระท่อมนาจุดเกิดเหตุ จึงใช้กำลังบังคับขมขู่ อีกทั้งยังขู่จะฆ่าน.ส.นุชทิ้งหากน.ส.นุชคิดขัดขืน โดยได้ใช้กำลังบังคับถอดเสื้อผ้าของน.ส.นุช ออกจนเหลือเพียงชุดชั้นในเพียงตัวเดียว
ระหว่างนั้นคิดว่า น.ส.นุช คงจะไม่คิดขัดขืนแล้วจึงหยามใจ เดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือ เพื่อนำมาถ่ายคลิปไว้แบล็กเมล์ในภายหลัง โดย น.ส.นุช เองจึงได้ใช้ช่วงจังหวะดังกล่าววิ่งหลบหนีออกมาได้ กระทั่งไปพบพลเมืองดีพาไปแจ้งความดังกล่าว
ด้านพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเปิดเผยว่า คดีนี้ทั้งผู้ก่อเหตุกระทำการค่อนข้างอุกอาจ อีกทั้งจากการสอบประวัติยังทราบว่า ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันมาแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งคดียังอยู่ในระหว่างชั้นศาล เบื้องต้นได้ดำเนินการ ตามกระบวนการทางกฎหมาย โดยแจ้งข้อกล่าวหากับนายสิทธิชัย คือกระทำอนาจาร บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย และทำร้ายร่างกาย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป