ข่าว

'FBI'เตือนไทยเสี่ยงก่อการร้ายรุนแรง

'FBI'เตือนไทยเสี่ยงก่อการร้ายรุนแรง

03 เม.ย. 2556

'ธาริต' เผย 'เอฟบีไอ' เตือนไทยเสี่ยงเกิดเหตุก่อการร้ายรุนแรง หลังติดอันดับ 1 ในเอเชีย หรืออันดับ 5 ของโลก ขณะที่ 'ดีเอสไอ' สั่งตั้งศูนย์ปราบปราม

 

                    3 เม.ย.56 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ตนได้หารือร่วมกับนายแดเนียล พี พาวเวอร์ ผอ.สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐอเมริกา (เอฟบีไอ) ประจำประเทศไทย ซึ่งให้ข้อมูลว่าประเทศไทยถูกจัดให้เป็นประเทศเสี่ยงกับการเกิดเหตุก่อการร้ายในเร็วๆนี้ เป็นอันดับ 1 ในแถบเอเชีย และเป็นอันดับ 5 ของโลก ส่งผลให้ดีเอสไอต้องมีการตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมร้ายแรงและการก่อการร้ายสากลขึ้น เนื่องจากข้อมูลจากการวิจัยของประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา พบไทยอยู่ในระดับต้นๆที่จะมีการก่อการร้ายรุนแรง ถือเป็นอับดับ 5 ของโลก เอฟบีไอจึงขอให้ประเทศไทยระมัดระวัง โดยปัจจัยสำคัญที่ไทยถูกจับตาเพราะเป็นประเทศที่มีเสรีภาพในเอเชีย เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้าย

                    อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ล่าสุดมีการประสานความร่วมมือกับเอฟบีไอ เพื่อร่วมกันติดตามจับกุมตัวนายบราวน์ เจสัน ดีเลก ซึ่งมีเบาะแสว่าเข้ามาหลบซ่อนตัวในประเทศไทย โดยนายบราวน์ ถือเป็นอาชญากรรายสำคัญ 1 ใน 5 ที่เอฟบีไอต้องการมากที่สุด มีประวัติก่อเหตุปล้นรถขนเงินและฆ่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมลรัฐอริโซน่า และหอบเงินที่ปล้นได้หลบหนี โดยเอฟบีไอตั้งค่าหัว 5.8 ล้านบาท สำหรับผู้แจ้งเบาะแสหาจนนำไปสู่การจับกุม

                    อย่างไรก็ตามวันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักคดีกิจการต่างประเทศและอาชญากรรมระหว่างประเทศ ร่วมกับพล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าตรวจค้นและจับกุมแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่ใช้โทรศัพท์ผ่านระบบวีโอไอพี หลอกลวงชาวยุโรปให้ซื้อหุ้นโดยผลการตรวจค้นคอลเซ็นเตอร์ตั้งอยู่ที่ชั้น 16 ของอาคารยูไนเต็ด ทาวเวอร์ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสน.ทองหล่อ พบกลุ่มคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็นบริษัท ลัคกี้ เพิร์ล อิเวสเม้นท์ ภายในสำนักงานมีคอมพิวเตอร์ สคริปบทสนทนา รายชื่อผู้เสียหายในใบหุ้นซึ่งระบุว่าแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ได้เงินจากผู้เสียหายไปแล้วหลายร้อยล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมชาวต่างชาติ 13 คน แบ่งเป็นชาวแคนนาดา 4 คน ชาวอังกฤษ 2 คน ชาวรัสเวีย 1 คน และชาวอเมริกัน 2 คน ซึ่งจะส่งตัวให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศ

                    นอกจากนี้ดีเอสไอยังได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจไต้หวัน (MJIB) เข้าจับกุมแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่ชาวไทยที่ตั้งศูนย์หลอกลวงผ่านโปรแกรมโทรศัพท์วีโอไอพีอยู่ในไต้หวัน โดยแก็งค์ดังกล่าวจะหลอกลวงว่าเป็นหน่วยงานกระทรวงยุติธรรมโทรศัพท์ไปหาผู้เสียหายเพื่อข่มขู่ หลอกลวงให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม ไปยังบัญชีธนาคารที่เปิดไว้ในไต้หวัน

 

'ดีเอสไอ' แจงสอบ 'อภ.' อาจเข้าข่ายฮั้วประมูล

 

                    นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต กล่าวถึงกรณีการสอบสวนการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) ว่า ขณะนี้มี 3 ประเด็นสำคัญที่ดีเอสไอต้องเร่งสอบสวนให้ได้ข้อสรุปคือ

                    1.เหตุผลในการแก้ไขเพิ่มเติมจากการผลิตเชื้อตายเป็นเชื้อเป็น ซึ่งเกี่ยวข้องกับระยะเวลาในการก่อสร้างที่ต้องยืดออกไปเพราะมีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี 2. ระยะเวลาในการก่อสร้างเป็นไปตามระเบียบหรือไม่ และ3. การประกวดราคาผิดปกติหรือไม่ เนื่องจากพบว่าการประกวดราคาก่อสร้างอาคารในส่วนที่1 ซึ่งมีการประมูลแบบอีอ๊อคชั่นมีเพียงบริษัทเดียวที่เข้าเสนอราคาและที่สำคัญยังมีการต่อรองราคากลาง ทำให้ไม่มีการแข่งขันราคา อาจเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (ฮั้วประมูล) ซึ่งการก่อสร้างอาคารในส่วนนี้พบว่ามีการเข้ามาซื้อแบบ 10 ราย แต่ยื่นซองประกวดราคาจริงเพียง 1 ราย คือ ทั้งที่โดยหลักการหากมีการยื่นประมูลรายเดียวต้องยกเลิกและประกวดราคาใหม่ แต่อภ.กลับตัดสินใจจัดจ้างทันทีแล้วเรียกมาขอต่อรองราคาจาก 337,050,000 บาท เหลือ 321,000,000 บาท โดยอ้างว่าเกรงงบประมาณจะตก ซึ่งข้ออ้างดังกล่าวไม่สามารถยกมาอ้างได้และผอ.อภ.อาจต้องรับผิดชอบเพราะเป็นผู้เสนอบอร์ด อภ. ให้จัดจ้าง

                    นอกจากนี้ยังพบว่า ในการประมูลงานก่อสร้างอาคารส่วนที่ 2 กำหนดราคากลางไว้ 121 ล้านบาท มีเอกชนซื้อซองราคา 17 ราย ยื่นซองเอกสารด้านเทคนิค 6 ราย และยื่นซองราคา 6 ราย ทำให้ผลการประมูลได้ราคา 106 ล้านบาท

                    นายธานินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับการตรวจสอบเรื่องการปนเปื้อนยาพาราเซตามอลในวันที่ 5 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น. ดีเอสไอจะลงพื้นที่ตรวจสอบการจัดเก็บว่าเป็นไปตามหลักวิชาการหรือไม่ นอกจากนี้จะทำหนังสือถึงผอ.โรงงานเภสัชกรรมทหาร เพื่อขอทราบผลการปนเปื้อนว่าเกิดจากเหตุใด และมีจำนวนมากน้อยแค่ไหน หากการปนเปื้อนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ดีเอสไอจะสั่งยุติการตรวจสอบกรณีพาราฯปนเปื้อน