ข่าว

โรงตึ๊งอ่วม!ปล่อยทองหลุด1,000ล.

โรงตึ๊งอ่วม!ปล่อยทองหลุด1,000ล.

23 เม.ย. 2556

โรงจำนำดิ้นกดราคาจำนำหลังทองคำผันผวนหนัก สถานธนานุเคราะห์ 34 แห่ง ชะลอขายทอดตลาด รอบอร์ดถก 24 เม.ย.คาดสูญกำไรกว่า 100 ล้านบาท

 

                         ราคาทองคำที่ปรับลดลงอย่างรุนแรงตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จนตลาดค้าทองเกิดความผันผวนอย่างหนัก ส่งผลกระทบไปถึงธุรกิจโรงรับจำนำต้องประสบภาวะขาดทุน ล่าสุดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ประชุมผู้บริหารของสถานธนานุเคราะห์ เป็นการด่วนเพื่อหามาตรการรับมือราคาทองคำที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

                         นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า จากข้อมูลโรงรับจำนำในความรับผิดชอบของ พม. 34 แห่ง อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ 29 แห่ง ปริมณฑล 4 แห่ง และ จ.ระยอง 1 แห่ง พบว่า โรงรับจำนำทั้งหมดได้รับจำนำทองคำมาก่อนหน้านี้เป็นจำนวนมาก และคาดว่าจะมีทองคำหลุดจำนำเฉพาะในช่วงนี้ มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนตัวเลขที่คาดว่าโรงรับจำนำอาจจะขาดทุนนั้นยังต้องประเมินสถานการณ์ราคาทองคำต่อไปอีกเพราะราคายังไม่นิ่ง แต่หากนำทองคำออกขายทอดตลาดในช่วงนี้น่าจะขาดทุนประมาณ 100 ล้านบาท

                         นายวิเชียร กล่าวว่า การทำธุรกิจรับจำนำของ พม.มีความเสี่ยง เพราะคิดดอกเบี้ยต่ำ ช่วงนี้อาจจะต้องยอมเข้าเนื้อ และเอาสินทรัพย์อื่นๆ ที่มีอยู่มาขายทอดตลาดเพื่อแก้ปัญหาไปก่อน ขณะเดียวกันจะต้องมีการปรับในเรื่องของราคาต้นทุน หรือราคารับจำนำทองคำใหม่ให้ต่ำลงกว่าราคาตลาด ซึ่งในส่วนนี้ พม.ได้มีการประเมินความเสี่ยงไว้แล้ว เพราะยังไม่สามารถตอบได้ว่าราคาทองจะตกลงไปอีกหรือไม่ ส่วนที่ผ่านมาโรงรับจำนำเองได้มีการประเมินความเสี่ยงอยู่แล้ว แต่เราประเมินความเสี่ยงไว้ต่ำเกินไป ดังนั้น การหารือบอร์ดธนานุเคราะห์ก็จะมีการกำหนดแผนรับมือในระยะยาวด้วย เพื่อไม่ให้ขาดทุน และประชาชนที่มาใช้บริการไม่กระทบมากนัก

                         “ช่วงนี้ใครเอาทองมาจำนำโรงรับจำนำของรัฐก็จะปรับลดลงจากราคาตลาด ส่วนที่ได้รับจำนำมากแล้วก็ผ่านมาแล้ว เราไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ส่วนทองคำที่หลุดจำนำในช่วงนี้ ก็ยังต้องดูความเหมาะสมก่อนว่าจะขายทอดตลาดในช่วงนี้เลยหรือไม่ แม้ว่าวันนี้ราคาทองจะเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย แต่การเทขายทองคำรวดเดียวยังไม่ใช่ทางออกและไม่น่าจะเหมาะสม ช่วงนี้น่าจะยังต้องให้โรงรับจำนำชะลอการขาดทอดตลาดไปก่อน” นายวิเชียร กล่าวและว่า แนวทางที่เป็นรูปธรรมในการรับมือของสถานธนานุเคราะห์จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนหลังจากที่คณะกรรมการอำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์มีการหารือกันแล้วในวันที่ 24 เมษายนนี้

                         ด้าน นายธัชทรง พฤกษ์ไพรผดุง ผู้ช่วยผู้จัดการโรงรับจำนำหลังสอง ย่านบางแค กรุงเทพฯ กล่าวว่า มีความกังวลกับภาวะขาดทุน เพราะตอนที่รับจำนำทองคำล่าสุดอยู่ที่บาทละ 2.3 หมื่นบาท  แต่จะขาดทุนมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าในช่วงที่ราคาทองคำตกลง มีทองคำหลุดจำนำมากน้อยแค่ไหน เพราะการรับจำนำมีระยะเวลานานถึง 5 เดือน ซึ่งบางคนพอเห็นราคาทองลดลง ก็อาจจะปล่อยให้หลุดจำนำ เพราะซื้อใหม่น่าจะถูกว่า

                         “ขณะนี้โรงรับจำนำของผมยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ขึ้นอยู่กับว่าทองคำที่มาจำนำจะหลุดจำนำในช่วงใด แต่ในช่วงนี้มีทองคำหลุดจำนำไม่มากก็ถือว่ายังไม่กระทบมากนัก แต่ถ้านำทองคำที่หลุดออกมาไปขายต่อช่วงนี้ ขาดทุนแน่ๆ และหากราคาทองคำยังตกลงมากๆ ก็คิดว่าน่าจะแย่กว่านี้ เพราะราคาทองคำที่รับจำนำมาเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว เมื่อเทียบกับราคาทองคำขณะนี้ถูกลงมาก คนอาจปล่อยให้หลุดจำนำ จะได้ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย แล้วไปซื้อใหม่ดีกว่า” นายธัชทรง กล่าว

                         นายสิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตั้งธนสิน จำกัด เจ้าของธุรกิจโรงรับจำนำ Easy Money กล่าวว่า ทองคำในเดือนกันยายน 2554 ราคาบาทละ  2.7 หมื่นบาท และในเดือนพฤษภาคม 2555 อยู่ที่บาทละ  22,900 บาท นับว่าขณะนี้ยังเป็นช่วงขาลงในระยะปานกลาง แต่ในช่วงปัญหาน้ำท่วมหนักปลายปี 2554 จะมีปัญหาทองคำหลุดจำนำประมาณ 9% นับว่าสูงมาก เพราะปกติทั่วไปเฉลี่ยทองหลุดจำนำประมาณ 4-5% ของการจำนำ

                         "เมื่อราคามีแนวโน้มลดลง คนที่นำทองมาจำนำก็ปล่อยให้หลุดจำนำ แล้วกลับไปซื้อทองเส้นใหม่ เพราะราคาถูกกว่า แต่ก็ต้องติดตามดูว่าอัตราหลุดจำนำจะสูงเหมือนกับช่วงปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่หรือไม่ เพราะรายได้ของโรงรับจำนำมาจากดอกเบี้ยและการขายทรัพย์สินหลุดจำนำ แต่หากมีทรัพย์สินหลุดจำนำมามาก ย่อมกระทบต่อผลดำเนินการของโรงรับจำนำทั้งภาครัฐและเอกชนด้วยเช่นกัน" นายสิทธิวิชญ์  กล่าว

                         ขณะที่  นายนิธิศ มนุญพร ผู้อำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) โรงรับจำนำของรัฐบาล กล่าวว่า ช่วงโรงเรียนใกล้เปิดเทอม ได้เตรียมเงินไว้ประมาณ 1,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินทุนหมุนเวียน 500 ล้านบาท และเปิดประมูลเงินกู้จากสถาบันการเงินอีก 700 ล้านบาท เพื่อสำรองการให้บริการรับจำนำ เพื่อแบ่งเบาภาระผู้ปกครองที่ต้องการเงินไว้ใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม โดยปกติจะมีผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้นจากปกติ 20% ขณะเดียวกันจะเสนอคณะกรรมการโรงรับจำนำของรัฐบาลให้พิจารณาอนุมัติการลดดอกเบี้ยในการรับจำนำลงมา 0.25% ในช่วงเปิดเทอมในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยวงเงินรับจำนำ 5,000-20,000 บาท จะปรับลดดอกเบี้ยลงจาก 1% เหลือ 0.75% ต่อเดือน

                         ด้าน น.ส.ณัฐฑี จุฑาวรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ไม่เกิน 1,500 ดอลลาร์ โดยกรอบการเคลื่อนไหวน่าจะอยู่ที่ 1,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถึง 1,550 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือบาทละ 15,700-21,100 บาท และทั้งปีคาดว่าราคาทองคำจะสูงสุดที่ 1,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 22,500 บาท และต่ำสุดน่าจะอยู่ที่ 1,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 15,700 บาท

                         น.ส.ณัฐฑี กล่าวว่า ประเด็นเรื่องประเทศในยุโรปเตรียมขายพอร์ตสำรองทองคำออกมา มองว่าเป็นข่าวที่มีผลทำให้เกิดการตื่นตระหนกในระยะสั้นเท่านั้น เพราะเมื่อพิจารณาถึงการขายทองคำของธนาคารกลางต่างๆ ยังติดเงื่อนไขบางอย่างในเรื่องธนาคารกลางของแต่ละประเทศในยุโรป, ไอเอ็มเอฟ และอีซีบี มีข้อตกลงว่าจะขายทองคำรวมกันไม่เกิน 400 ตันต่อปี ซึ่งการขายทั้งหมดถือว่า ยังน้อยเมื่อเทียบกับกองทุนใหญ่ๆ ในต่างประเทศจึงถือว่าข่าวดังกล่าวเป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น

                         "นักลงทุนหากต้องการลงทุนระยะยาว ยังไม่ใช่จังหวะที่ดีในการซื้อ เพราะราคามีโอกาสลดลงไปถึง 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง จากนั้นก็มีโอกาสปรับขึ้นได้มาอยู่ที่ 1,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมองว่าราคาทองคำจะกลับขึ้นมายืนที่ระดับ 1,700-1,900 ดอลลาร์ได้อีกคงต้องใช้เวลาอีก 1-2 ปี" น.ส.ณัฐฑีกล่าว

                         น.ส.ณัฐฑี กล่าวว่า ทิศทางราคาทองคำในประเทศ ยังมีปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทที่มีผลกระทบโดยตรง ซึ่งมองว่า หากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมา 0.10 บาทจะมีผลกระทบต่อราคาทองคำในประเทศ 80 บาท หรือถ้าค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมา 1 บาท จะมีผลต่อราคาทองในประเทศถึง 800 บาท