'ปชป.'จี้'ปู'ทำตามข้อเสนอ'ปปช.'
'ปชป.' จี้ 'ปู' ทำตามข้อเสนอ 'ปปช.' ปมโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน ชี้มีจุดเสี่ยงหลายจุด ซัดกม.ปรองดอง ฉบับ 'เฉลิม' ล้างผิด 'แม้ว'
18 พ.ค.56 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเป็นเอกฉันท์ส่งรายงานมาตรการป้องกันการทุจริต ในการดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท แก่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื่องจาก ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าโครงการดังกล่าว มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก และมีจุดเสี่ยงหลายจุดว่า พรรคเห็นว่านายกรัฐมนตรีควรนำข้อเสนอแนะนี้ไปปฎิบัติ เพราะป.ป.ช.เป็นหน่วยงานอิสระ ในการทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจรติในประเทศไทย เมื่อมีข้อเสนอแนะเช่นนี้รัฐบาลไม่ควรนิ่งเฉย และควรเอาจริงเอาจังในเรื่องการปราบปรามคอรัปชั่น
นายองอาจ กล่าวว่า สำหรับพรรคประชาธิปัตย์นั้น เห็นว่าจุดสำคัญที่จะเป็นจุดเสียงในการจะคอรัปชั่นอยู่ 2 เรื่อง คือ 1. ในการดำเนินการโครงการนี้ไม่ใช้ระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัศดุ พ.ศ. 2535 ที่ว่าด้วยการดำเนินการของภาครัฐ ตลอดระยะเวลที่ผ่านมาตั้งแต่มีระเบียบพัศดุนี้ จะต้องใช้ระเบียบนี้ในการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อประมูลและดำเนินการทุกอย่าง
นายองอาจ กล่าวว่า แต่ในเรื่องของโครงการ 3.5 แสนล้านบาท รัฐบาลไม่ได้ใช้ระเบียบพัศดุนี้ กลับไปออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีขึ้นมาใหม่ ที่ทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งระบียบฉบับแรกที่บอกวันที่ 13 มี.ค. 2555 คือระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้ เพื่อการวางระบบการบริหารจัดการน้ำ และสร้างอนาคตประเทศ และฉบับที่ 2 ออกเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2555 โดยอ้างว่าเพื่อให้การวางระบบ ในการบริหารจัดการน้ำและการแก้ปัญหาอุทกภัยของประเทศ สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วซึ่งฉบับนี้อ้างความรวดเร็ว หลังจากนั้นก็มีประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี ในเรื่องของหลักเกณฑ์และวิธีการในวันที่ 19 พ.ย. 2555 และวันที่ 29 ม.ค.2556
นายองอาจ กล่าวว่า จุดเสี่ยงที่ ป.ป.ช.ออกมาแจ้งให้ทราบ ก็เพราะไม่ได้ใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัศดุ เพราะทุกโครงการภาครัฐและทุกโครงการต้องใช้ ซึ่งทำให้มีจุดเสี่ยงจำนวนมากในการทุจริตคอรัปชั่น และความรวดเร็วที่รัฐบาลนำมาอ้างนั้น จะนำมาสู่ความเหลวแหลกได้หากยังไม่นำข้อเสนอแนะของป.ป.ช.ไปแก้ไข
นายองอาจ กล่าวว่า 2. มีการหลอกและตบตาประชาชน ในการเลี่ยงว่ามีการเปิดราคากลาง แต่กลับทำอย่างลุกลี้ลุกลน ซึ่งข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ในวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีประกาศเรื่องการเปิดเผยราคากลางของทางราชการ โครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้าง ระบบการบริการทรัพยากรน้ำอย่างยืน และระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ ซึ่งคล้ายว่าเป็นการประกาศเปิดเผยราคากลาง ก่อนที่จะมีการยื่นข้อกำหนดราคากลางในวันที่ 3 พ.ค.56 ซึ่งตนมองว่าเป็นความรุกรี้รุกรนของรัฐบาล ที่ตนคิดว่าไม่มีหน่วยงานไหนมาศึกษาเรื่องราคากลาง ที่จะมายื่นข้อเสนอได้ในวันเดียว เพราะการประกาศดังกล่าวเป็นตัวเลขวงเงินงบประมาณที่ได้กำหนด ในข้อกำหนดและขอบเขตของงานทีโออาร์ของโครงการอยู่แล้ว เช่น ในประกาศระบุว่า MODO A 1 ใช้งบประมาณไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็เป็นตัวเลขเดียวที่อยู่ในทีโออาร์อยู่แล้ว มันไม่ใช่ราคากลาง ตนจึงบอกไม่ใช่ราคากลาง และเป็นจุดเสี่ยงที่จะนำไปสู่การทุจริตได้
ซัด 'พท.' เข็นกม.ปรองดองเข้าสภา เปรียบเหมือนหักด้ามพร้าด้วยเข่า
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และส.ส.พรรคเพื่อไทย ลงชื่อเตรียมเสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดอง เข้าสู่สภาวันที่ 23 พ.ค.นี้ว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยและส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ตนมองว่าอาจจะหวังดีและอยากให้ประเทศชาติสงบและไม่เกิดความขัดแย้ง แต่ในทางปฏิบัติทางกฎหมายยนั้นเป็นเรื่องยากที่กฎหมายดังกล่าว จะทำให้เกิดความปรองดองในประเทศได้ ด้วยเหตุผล 2 ประการ
นายองอาจ กล่าวว่า 1. เป็นการออกกฎหมายแบบหักด้ามพร้าด้วยเข่า เพราะกฎหมายที่ออกมาทำได้ยาก จะมีการต่อต้านทั้งในสภาและนอกสภาเหมือนปีที่แล้ว และการต่อต้านก็จะมีมากกว่าปีที่แล้วด้วย ดังนั้นกฎหมายดังกล่าวก็จะผ่านไปได้ยาก และคณะผู้เสนอกับหน่วยที่เกี่ยวข้องก็จะเกิดปัญหาและมีผลกระทบต่างๆตามมา ทั้งนี้เห็นว่ารัฐบาลเคยประกาศว่า ในเรื่องพ.ร.บ.ปรองดองนั้น จะต้องมีการสานเสวนาก่อน แต่จนมาถึงวันนี้รัฐบาลไม่ได้เริ่มสานเสวนาอย่างที่ประกาศไว้ กลับหักด้ามพร้าด้วยเข่านำกฎหมายนี้เข้าสภาเลย
2. กฎหมายดังกล่าวชัดเจนว่าออกเพื่อบุคคลและกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มากกว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ซึ่งพ.ร.บ.ปรองดองดังกล่าวเป็นการทำลายระบบนิติรัฐ และความยุติธรรมของประเทศ เพราะมีกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่งที่ได้รับประโยชน์จากกฎหมายนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้นกฎหมายดังกล่าวจึงไม่ใช่การปรองดองอย่างแท้จริง เป็นการใช้คำว่าปรองดองบังหน้าเพื่อนำไปสู่ประโยชน์ดังกล่าว
'ชวนนท์' ค้านกม.ปรองดองฉบับ 'เฉลิม' เชื่อหวังล้างผิด 'แม้ว'
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงจัดชุมนุมรำลึก 3 ปี เหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมือง บริเวณแยกราชประสงค์ ในวันที่ 19 พ.ค.ว่า อยากเรียกร้องคนเสื้อแดงให้ความเคารพผู้ที่ใช้ชีวิตบริเวณรอบพื้นที่ในแต่ละจุดที่คนเสื้อแดงจะเข้าไปแสดงสัญลักษณ์ เพราะนอกจากจะเป็นการรำลึกความสูญเสียของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และประชาชนแล้ว ยังถือเป็นการรำลึกถึงความเดือดร้อนของประชาชน ที่ทำมาหากินที่ได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงด้วย
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้คนเสื้อแดงตั้งคำถามกลับไปยังแกนนำถึงเรื่องความเห็นต่างต่อร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี สาระหลักคือ จะยกความผิดให้กับบุคคลทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นความผิดทางอาญา ประทุษร้ายต่อทรัพย์สิน และเหมารวมถึงบุคคลที่คนเสื้อแดงบอกว่า เป็นผู้สั่งฆ่าประชาชน เพราะขณะนี้ดูเหมือนว่านายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ,นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ต่างตอบรับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวแล้ว จึงอยากให้นายณัฐวุฒิตอบคนเสื้อแดงให้ได้ว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นเพียงละครที่แกนนำเสื้อแดงสร้างขึ้นเพื่อหวังให้เกิดการล้างผิด คืนทรัพย์สิน และให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับประเทศได้อย่างอิสระใช่หรือไม่
“ละครฉากนี้สมจริงเกินไปจนคนเสื้อแดงต้องตายฟรี จนไม่มีการค้นหาความผิดใดๆ นี่เป็นข้อเท็จจริงที่เจ็บปวดที่คนเสื้อแดงตกเป็นเหยื่อทางการเมือง คำพูดที่จะอ้างว่า หาคนผิดมาลงโทษก็เป็นเพียงแค่ลมปากของคนเสื้อแดง ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมคนที่ถูกกล่าวหาอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กลับต่อสู้และปฏิเสธกฎหมายล้างผิดอย่างเต็มที่ และไม่แน่ใจว่าคนอย่างนายณัฐวุฒิ นายจตุพร แกนนำเสื้อแดง , นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.อาจจะรู้ว่า ฆาตกรเป็นใคร จึงต้องรีบออกกฎหมายล้างผิด” นายชวนนท์ กล่าว
'เทพไท' เหน็บกม.ปรองดอง ฉบับ 'เฉลิม' ช่วย 'แม้ว'
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การเสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ถือเป็นการเสนอเพื่อเอาใจพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยไม่สนใจกลุ่มคนเสื้อแดง ตนเชื่อว่า หากมีการเสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดอง จะทำให้มีกลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนไม่เห็นด้วย เนื่องจากเป็นการเสนอนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง ทำให้คนที่คนเสื้อแดงกล่าวหาว่า เป็นฆาตกรสั่งฆ่าประชาชน ได้รับผลประโยชน์ไปด้วย และเมื่อดูสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ ทั้ง 6 มาตรา ของร.ต.อ.เฉลิม จะพบว่า เป็นการล้างผิดให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างชัดเจน ซึ่งสิ่งที่โต้เถียงกันมากที่สุดในพ.ร.บ.ฉบับนี้คือ จะมีผลบังคับในการคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาทให้พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ แต่ร.ต.อ.เฉลิม บอกว่า ไม่มีการบัญญัติไว้ในรายละเอียดของร่างพ.ร.บ.นี้ แต่ในมาตรา 4 ระบุชัดเจนว่า บรรดาการกระทำใดๆ ที่มาจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ไม่มีผล ซึ่งการยึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ มาจากการฟ้องของ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่ตั้งโดยคมช.
นายเทพไท กล่าวว่า จึงอยากให้ร.ต.อ.เฉลิม กลับไปดูมาตรา 3 วรรค 2 ว่า การกระทำใดๆ เกี่ยวกับความผิดที่เกิดขึ้นจากคมช.หากอยู่ระหว่างฟ้องร้อง ให้พนักงานอัยการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระงับการฟ้อง และหากอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ให้ศาลสั่งจำหน่ายคดี แต่ถ้าคดีถึงที่สุดแล้ว ให้ถือว่า ไม่เคยต้องคำพิพากษาว่า มีกระทำผิด แต่ถ้าได้รับโทษให้ถือว่า โทษนั้นสิ้นสุด แสดงให้เห็นว่า เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความผิด ตามมาตรา 4ก็จะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับเงินคืน ตามมาตรา 3 วรรค 2
“อยากบอกร.ต.อ.เฉลิม ว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นพ.ร.บ.ที่หมกเม็ด ช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหลัก ส่วนบุคคลอื่นที่ได้รับอานิสงค์ก็ถือว่า เป็นส่วนประกอบ ถ้าร.ต.อ.เฉลิม จะเอาใจพ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่อายประชาชน ผมอยากเสนอว่า ไม่ต้องเขียนถึง 6 มาตรา เขียนเอาใจพ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยการร่างกฎหมายเพียง 2 มาตราก็พอแล้ว คือ มาตรา 1 พ.ต.ท.ทักษิณ ทำอะไรก็ไม่มีความผิด และมาตรา 2 ถ้าอะไรที่เป็นความผิดก็ให้กลับไปดูมาตรา 1” นายเทพไท กล่าว
'เทพไท' แฉ 'พท.-ส.ว.บางส่วน' จับมือแลกผลประโยชน์
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาส.ว. แถลงว่า ตนตั้งข้อสังเกตถึงการพิจารณาว่าด้วยเรื่องที่มาส.ว.ว่า ขณะนี้มีการจับมือระหว่างส.ส.พรรคเพื่อไทย และส.ว.บางส่วน เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ และมีการต่อรองเงื่อนไขในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งๆที่มีการสรุป หรือหาข้อยุติในบางประเด็นไว้แล้ว แต่มีความพยายามให้นายใหญ่ลงมาสั่งการล็อบบี้ และบังคับ ให้เป็นไปตามความต้องการของส.ว. โดยมีความพยายามกลับมติ เหมือนกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ที่พรรคเพื่อไทย แพ้มติในวาระ 2
นายเทพไท กล่าวว่า จากนั้นเพียง 1 คืนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สไกป์มา ก็มีการกลับมติ ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ในการแก้ไขประเด็นวาระของส.ว.โดยที่ประชุมได้มีข้อยุติว่า ให้ส.ว.เลือกตั้ง มีวาระ 4ปี เพื่อให้สอดคล้องกับวาระการเมืองฝ่ายอื่นๆ แต่เมื่อมีการพิจารณาสรุปร่างเพื่อจะนำเสนอสภาฯ ใหญ่ก็มีส.ส.เพื่อไทย และส.ว.บางส่วนเสนอให้เปลี่ยนแปลงเป็นวาระ 6 ปีตามเดิม ซึ่งก็ได้รับเสียงคัดค้านจากกรรมาธิการซีกพรรคประชาธิปัตย์ โดยใช้วิธีการนับองค์ประชุม จนทำให้องค์ประชุมล่ม
“เชื่อว่า ในช่วงวันที่ 21 -22 พ.ค. น่าจะมีการโหวตเปลี่ยนวาระของส.ว.ให้เป็น 6 ปี ตามความต้องการของส.ว. โดยเร่งรีบแก้ไขให้กฎหมายฉบับนี้ทันการหมดวาระของส.ว.ในวันที่ 2 มี.ค. 2557 เพื่อสอดคล้องกับส.ส. บางส่วนที่ถูกปลดล็อค ในกรณีบ้านเลขที่109 เพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งส.ว.ได้โดยสะดวก และเงื่อนไขของการเข้าดำรงตำแหน่งของส.ว. ไม่มีการกำหนดคุณสมบัติว่า คนที่เคยเป็นส.ส. อดีตส.ว. คู่สมรส ลูกหรือใครก็ตาม จึงถือว่า นี่เป็นการปล่อยผีครั้งใหญ่ทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง” นายเทพไท กล่าว
'ชวนนท์' แฉ 'พท.' แจก 'ปาฐกถายิ่งลักษณ์'
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนได้รับข้อมูลจากประชาชนที่ส่งจดหมายมาให้ โดยเป็นจดหมายที่ออกจากสำนักปลัดเทศบาลแห่งหนึ่งของ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยหนังสือดังกล่าวใช้คำว่า ขอเชิญประชุม ด้วยสำนักงานเทศบาล ได้รับแจ้งจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ประจำจังหวัด จะดำเนินการให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง กับประชาชนในพื้นที่เขตเทศบาลดังกล่าว ในวันที่ 17 พ.ค.56 เวลา 08.30 น.โดยทางเทศบาลขอความอนุเคราะห์ท่านกรรมการชุมชน ชุมชุนละ 3 คนเข้าร่วมประชุมรับฟังความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง
“ซึ่งหากจดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายตามปกติ ก็ไม่แปลกประหลาด แต่เมื่อมีการประชุมดังกล่าวเกิดขึ้น ปรากฏว่า กลายเป็นที่ประชุมของพรรคเพื่อไทย เป็นการประชุมที่ใช้ชื่อว่า โครงการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ทางการเมือง วันที่ 17 พ.ค.2556 จึงไม่แน่ใจว่าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดงานรวมกับ พรรคเพื่อไทย หรือพรรคเพื่อไทยไปอ้างชื่อกกต.จัดงานดังกล่าว โดยเอาชุมชนมาชุมชนละ 3 คน โดยมีฉากหลังเป็นพรรคเพื่อไทย ทำให้ประชาชนที่เข้าร่วมรู้สึกไม่สบายใจ” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการนำปาฐกถาประชาธิปไตย ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ประเทศมองโกเลียมาแจกให้ผู้เข้าประชุม และยังมีการขยายความ โดยรศ. ดร.วรพล พรหมิกบุตร ซึ่งเป็นการเอากกต.มาเป็นเครื่องบังหน้า การกระทำเช่นนี้เป็นการล้างสมองประชาชน โดยข้อมูลเท็จ เพราะปาฐกถาเป็นเรื่องโกหกทั้งดุ้น และทราบดีว่า จะเป็นระเบิดเวลาและเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้รัฐบาลหมดความน่าเชื่อถือ จึงมีการจัดการประชุมดังกล่าวขึ้น
นายชวนนท์ กล่าวว่า ตรงนี้รัฐบาลต้องรับผิดชอบและอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น ใช้เงินของกกต.หรือพรรคเพื่อไทย และกกต.ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ และขอเรียกร้องไปยังประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อกับการต้องการล้างสมองประชาชน ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ ทั้งนี้พรรคจะสอบถามไปยังกกต.ด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกกต.รับทราบเรืองดังกล่าวหรือไม่ หรือมีการแอบอ้างโดยที่กกต.ไม่รู้
'วัชระ'อัด'รบ.'หนุน'แดง'ชุมนุม เมินกลุ่มผู้ค้าราชประสงค์
นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคระชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คนเสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่ครบรอบ 3 ปีรำลึกการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ว่า แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงต้องการเลี้ยงกระแสนี้ไว้ทุกปี เพื่อไม่ให้คนเสื้อแดงห่างเหินและเพื่อชี้นำอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าย่านแยกราชประสงค์ ที่เสียภาษีให้รัฐนั้นไม่สามารถห้ามการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ เพราะรัฐบาลคอยหนุนหลังคนเหล่านี้ทุกรูปแบบ แม้แต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีเอง ก็ประกาศยอมรับกลางสภาว่าเป็นพวกเดียวกัน ใครจะทำไม ซึ่งบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม แต่คนเสื้อแดงก็รู้สึกว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้รับผลกระทบมากกว่า จึงไม่แคร์ใครทั้งผู้ประกอบการและคนกทม.
ทั้งนี้รู้สึกเห็นใจมวลชนคนเสื้อแดงที่บริสุทธิ์ แต่สักวันเมื่อความจริงปรากฏพี่น้องคนเสื้อแดงจะเข้าใจ ไม่เคยเห็นชีวิตของพี่น้องประชาชนมีคุณค่า ตนขอให้กฎแห่งกรรมทำหน้าที่ให้เร็วที่สุด
'ส.ส.ปชป.' ตำหนิ 'แม้ว' แทรกแซง 'ธปท.'
นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มีกฎหมายที่มาจากรัฐบาล ช่วงรัฐประหารแยกตัวออกจนไม่ฟังรัฐบาล ว่า พ.ต.ท.ทักษิณพูดเช่นนี้เป็นการแทรกแซงการทำงานของธปท. ซึ่งข้อเท็จจริงเท่าที่ทราบกฎหมายการทำงานของธปท. มีมานานมากแล้วและยังไม่มีการออกกฎหมายใหม่ พูดเช่นนี้มีความชัดเจนว่าต้องการแทรกแซงการทำงาน เพราะเป็นที่รู้กันว่าต้องการให้ธปท. ลดดอกเบี้ย ทั้งที่นักวิชาการกว่า 90 เปอเซ็นต์ ออกมาให้ความเห็นว่าการลดดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยอะไร แต่กลับกันในระยะยาวจะทำให้แก้ไขปัญหาได้ยาก ซึ่งการลดดอกเบี้ยจะมีผลต่อการแก้ไขปัญหาน้อยมาก แต่จะมีผลกระทบจากภาระเงินเฟ้อ จนอาจทำให้เกิดปัญหาฟองสบู่ก็ได้
“ผมมีข้อสังเกตว่าเมื่อรู้ว่าจะเกิดปัญหาเงินเฟ้อ แล้วทำไมไม่คิดที่จะแก้ไขปัญหา และการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมากดดันแบบนี้มองได้ว่า จะช่วยแค่อสังหาริมทรัพย์ 5 กลุ่มเท่านั้น เนื่องจากเมื่อดอกเบี้ยต่ำจะสร้างกำลังซื้อให้มากขึ้น ทำแบบนี้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะได้ประโยชน์ และผมมีคำถามว่าทำไมพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่พูดถึงปัญหาของแพง ปัญหาน้ำมันแพงขณะนี้ รัฐบาลไม่เร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน หรือน้ำมันราคาแพงมีคนได้ประโยชน์” นายเกียรติ กล่าว
ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า รัฐบาลจำเป็นต้องใช้นโยบายอัดฉีดเม็ดเงินลงไปยังรากหญ้านั้น นายเกียรติ กล่าวว่า มีการอัดฉีดมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่มีปัญหาว่าจะอัดฉีดด้วยวิธีใด หากเป็นนโยบายจำนำข้าวที่เสียเงินมากกว่าแสนล้านบาท แต่ราคาข้าวในตลาดราคาสูงขึ้นแต่เกษตรได้เงินเท่าเดิมนั้น ก็ไม่รู้ว่าเงินไปอยู่ในกระเป๋าใคร สิ่งเหล่านี้เหตุใดพ.ต.ท.ทักษิณไม่พูดถึงทั้งที่เป็นผู้คิดนโยบายด้วยตัวเอง