ข่าว

'มาร์ค'อยากเห็นไทย-BRNร่วมแก้ปัญหาใต้

'มาร์ค'อยากเห็นไทย-BRNร่วมแก้ปัญหาใต้

12 ก.ค. 2556

"อภิสิทธิ์" อยากเห็นไทย-BRN แถลงจุดยืนแก้ปัญหาใต้ร่วมกัน ชี้หากเหตุการณ์รุนแรงต่อเนื่อง ฟ้องเจรจาล้มเหลว รัฐต้องทบทวน แนะ "นายก""วางบทบาทแก้ไขปัญหาใต้ด้วยตนเอง


          วันที่ 12ก.ค.56  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( สมช.) ระบุว่าจะมีการแถลงจากกลุ่มบีอาร์เอ็นที่มาเลเซียเกี่ยวกับการหยุดความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ช่วงเดือนรอมฎอนว่า ตนขอรอฟังก่อนว่าจะมีการแถลงว่าอะไร ใครแถลง และแถลงในฐานะอะไร เพราะมาเลเซียเป็นแค่ผู้อำนวยความสะดวก ตนจึงอยากเห็นการแถลงร่วมกันมากกว่า โดยมีเป้าหมายคือ การลดความรุนแรงในพื้นที่ ถ้าสามารถทำได้ก็จะช่วยให้กระบวนการพูดคุยมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น แต่หากทำไม่ได้ก็ย้อนกลับมาสู่จุดเดิม ซึ่งตนอยากเห็นไทยและบีอาร์เอ็นแสดงจุดยืนร่วมกันว่า จะลดความรุนแรงอย่างไร เพราะหากการเจรจาไม่สอดรับกับเหตุการณ์ในพื้นที่ก็คงไม่มีประโยชน์ ส่วนการอ้างว่าเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นเกิดจากกลุ่มอื่นนั้น ไม่ช่วยอะไร เพราะหากยังเกิดเหตุรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นตัวฟ้องว่าการพูดคุยไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ซึ่งรัฐบาลก็ต้องทบทวนแนวทางว่าทำไมการพูดคุยที่ผ่านมาจึงไม่สามารถลดความรุนแรงได้
 
          นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเป็นห่วงทัศนคติของพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯที่ดูแลปัญหาภาคใต้ ที่ระบุว่า การขึ้นป้ายโจมตีรัฐบาลไทยในพื้นที่และเกิดเหตุที่จ.ยะลาในช่วงเดือนรอมฎอนเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เพราะหากใช้ทัศนคติเช่นนี้ก็จะแก้ปัญหาไม่ได้ และการที่รัฐบาลเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบบ่อยมาก ทำให้ไม่มีความต่อเนื่องที่จะเห็นภาพรวมในการแก้ปัญหาจึงต้องแก้ไขตรงนี้ก่อน เพราะทิศทางของรัฐบาลไทยไม่ชัดเจน
 
          เมื่อถามว่า นายกฯเป็นรมว.กลาโหมแล้วควรดูงานด้านความมั่นคงอย่างจริงจังมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นายกฯเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต. ) แต่ถ้านายกฯไม่ทำหน้าที่ในบทบาทเหล่านี้  ตนก็มองไม่เห็นว่าระบบจะแก้ปัญหาให้ดีขึ้นได้อย่างไร เพราะนอกเหนือความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ยังกระทบเรื่องเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นด้วย แต่ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังวางบทบาทเหมือนเดิมแม้จะมานั่งในตำแหน่งรมว.กลาโหม และไม่แก้ปัญหาอย่าบูรณาการ โดยใช้กลไกของ กอ.รมน.และศอ.บต. ก็ไม่เห็นว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น
 
          เมื่อถามอีกว่า พล.ท.ภราดร ระบุว่า มีการปรับลดกำลังพลในพื้นที่ลง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ากองทัพคิดอย่างไร เพราะการปรับกำลังพลโดยเอาหน่วยอื่นไปทดแทนนั้นควรเป็นแผนระยะยาวไม่ควรนำมาปะปนกับการเจรจา อีกทั้งกำลังพลและกลไกต่างๆมีหน้าที่ป้องกันไมให้เกิดเหตุรุนแรง ทั้งนี้เห็นว่าบทบาทของกองทัพก็ต้องยึดถือตามนโยบายของรัฐบาลแต่ภารกิจดูแลรักษาความมั่นคง ความปลอดภัยของประชาชนต้องมาเป็นอันดับแรก





 

แนะผบ.เหล่าทัพ ประกาศจุดยืนให้ชัดไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง

 
          หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคลิปเสียงที่มีการพาดพิงถึงกองทัพว่า กองทัพต้องปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจที่ควรจะทำและต้องยืนยันหนักแน่นให้ประชาชนมีความมั่นใจว่า ภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการรักษาอธิปไตย การดูแลความปลอดภัยของประชาชน ยังทำเต็มที่ จะไม่ยอมเป็นเครื่องมือทางการเมือง  เพราะในคลิปเสียงที่ออกมามีการพาดพิงถึงกองทัพในหลายเรื่อง ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กินความแค่ไหน ที่ระบุว่า กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย หากหมายถึงว่าเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องเป็นไปตามกฎหมายก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแต่อยากให้ยืนยันให้ชัดเจน แต่มีการไปใช้คำว่า “เคลียร์กับศาล” ก็เลยฟังดูแปลก ๆ ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไร แต่ถ้าหมายถึงว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามศาลตนก็เห็นด้วย แต่ไปใช้คำว่า “เคลียร์กับศาล”
 
          “กองทัพผบ.เหล่าทัพ ควรพูดให้ชัดในเรื่องของการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายความมั่นคง ทั้งนี้เพื่อลดความตึงเครียดในสังคม ส่วนการที่ ผบ.ทบ.บอกว่า จะต้องเป็นสุภาพบุรุษให้เกียรตินายกฯที่เป็นผู้หญิงนั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องของมารยาท แต่สิ่งที่จะสร้างความมั่นใจให้ประชาชนคือ การแสดงจุดยืนของกองทัพว่าจะไม่เป็นเครื่องมือในทางการเมือง จะปฏิบัติหน้าที่บนจุดยืนที่เป็นภาระหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
 
          ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.ทบ.ระบุว่าจะไม่มีการพูดคุยกับโจร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การคุยจะต้องมีกติกา ขอบเขตที่ชัดเจน และผู้นำเหล่าทัพไม่มีหน้าที่ไปต่อรองกับคนที่ทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ตนเสนอมาตลอดว่ารัฐบาลควรทำหน้าที่ของตนเอง ดูแลปัญหาประชาชน ไม่ใช่ดูแลปัญหาของพ.ต.ท.ทักษิณไม่ควรมายุ่งกับเรื่องพวกนี้ ปัญหาหลายเรื่องก็จะไม่มี แต่พอหยิบเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา ยิ่งมีคลิปเสียงซึ่งน่าจะยืนยันได้ว่ามีความพยายามผลักดันในเรื่องเหล่านี้บ้านเมืองก็จะมีปัญหา ตนเห็นว่า ต้องทำให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวเสียงในคลิป เพราะเนื้อหาในคลิปกระทบกระเทือนหลายเรื่อง ซึ่งนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายพ.ต.ท.ทักษิณ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ยอมรับว่าเป็นเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อ้างว่าเป็นการตัดต่อนั้น ตนก็อยากรู้ว่าของจริงคืออะไร เพราะโดยเนื้อหาที่ออกมานั้นมีข้อเท็จจริงที่สอดรับกับเรื่องในอดีต ข้อถกเถียงในปัจจุบัน รวมถึงความหวาดระแวงต่อสิ่งที่จะเกิดในอนาคต ตนไม่เห็นว่าเป็นการตัดต่อ
 
          เมื่อถามว่า นายกฯระบุว่าจะให้โอกาส พล.อ.ยุทธศักดิ์  ศศิประภา รมช.กลาโหมทำงาน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงพยายามเลี่ยงปัญหาและคิดว่า ไม่เป็นปัญหา แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคือ ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความสนิทใจในการทำงาน แม้บุคคลที่เกี่ยวข้องคงไม่พูดตรง ๆ เพราะก็ต้องมีวินัยทางทหาร แต่ฝ่ายการเมืองต้องพิจารณาตัวเองว่า จะทำให้เกิดความลำบากใจหรือไม่อย่างไร ซึ่งตนเชื่อว่าการอยู่ในตำแหน่งรมช.กลาโหมของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ต่อไปจะมีข้อจำกัดมากในการบริหาร เพราะไม่สามารถทำความกระจ่างได้ ส่งผลให้เกิดความหวาดระแวงว่า จะนำพาเหล่าทัพไปทำภารกิจอะไร