
โลกแบน
โลกแบน : วันเว้นวัน จันทร์ พุธ ศุกร์ กับ ประภัสสร เสวิกุล
ทุกวันนี้จะเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า โลกของเรามีสัณฐานกลมคล้ายผลส้ม จากภาพถ่ายทางอวกาศ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยทฤษฎีที่เคยท่องจำในสมัยก่อน เช่น ถ้าออกเดินทางไปข้างหน้าเรื่อยๆ ในที่สุดเราก็จะกลับมาอยู่ที่เดิม ซึ่งก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ และจะมีโอกาสรอดชีวิตกลับมาหรือไม่ หรือถ้ายืนอยู่ริมทะเล เราจะมองเห็นเสากระโดงเรือก่อนและค่อยๆ เห็นส่วนอื่นๆ ของเรือ ซึ่งคนที่ยืนอยู่ในทุ่งหญ้าหรือในตัวเมือง ก็คงไม่มีโอกาสมองเห็นเรือเหมือนกัน
ความเชื่อเรื่องโลกกลมนั้น เป็นความเชื่อที่เกิดขึ้นใหม่ ในราวสัก 300 กว่าปีนี่เอง จากที่ก่อนหน้านั้นเรามีความเชื่อว่าโลกแบน เช่น คตินิยมทางตะวันออกกล่าวว่า โลกตั้งอยู่บนหลังปลาอานนท์ และคตินิยมทางตะวันตกก็เชื่อว่าโลกแบน หากใครมีความคิดเป็นอย่างอื่นก็จะถูกกล่าวหาว่านอกรีตนอกรอย หรือเป็นพวกต่อต้านศาสนา เผลอๆ ก็อาจจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง แต่ความเชื่อดังกล่าวเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในยุคที่สเปนและโปรตุเกสแข่งขันกันเรื่องการค้าทางทะเล และพยายามหาเส้นทางเดินเรือที่จะไปสู่อินเดีย แต่ถึงกระนั้นคนยุโรปส่วนใหญ่ก็ยังวิตกว่า หากแล่นเรือออกไปไกลเกินไปก็อาจจะตกโลกได้ จนกระทั่งโคลัมบัสทำลายความเชื่อนี้ ด้วยการแล่นเรือไปจนถึงทวีปอเมริกา ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก แม้ว่าการเดินทางครั้งนั้นจะเกิดขึ้นด้วยความเข้าใจผิดและคิดว่าทวีปอเมริกาเป็นประเทศอินเดียก็ตาม
หลังการค้นพบทวีปอเมริกาก็ทำให้คนยุโรปมีความมั่นใจว่า โลกไม่ได้แบนหรือมีขอบเขตจำกัด เหมือนที่เคยเชื่อมาตั้งแต่สมัยกรีก จากตำนานของยูเลซิส ผู้พิชิตกรุงทรอย หรือเจสัน ซึ่งตามหาค้นแกะทองคำ และความมั่นใจนั่นก็นำมาซึ่งการเดินทางทางทะเล การเสี่ยงโชคในดินแดนอันห่างไกล และเป็นบทเริ่มต้นของโลกาภิวัตน์ ซึ่งทำให้คนในโลกมีวิวัฒนาการและวิถีชีวิตที่คล้ายคลึงกันเช่นในปัจจุบัน
แม้ว่าจะเป็นที่ทราบกันดีโดยปราศจากข้อสงสัยว่าโลกกลม แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่ามีคนอีกจำนวนหนึ่งยังคงเชื่ออย่างฝังหัวว่าโลกแบน คนกลุ่มนี้ในปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 200-800 คน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาและรวมตัวกันเป็นสมาคมคนโลกแบน มีความคิดความเชื่อประการเดียวว่าโลกแบนราบ ดังนั้นจึงไม่ยอมเดินทางไกลหรือออกไปจากถิ่นที่อยู่และความคิดของตัวเอง ด้วยความกลัวว่าจะตกโลก
จริงอยู่ว่า ความเชื่อเช่นนี้ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ใคร แต่ก็เป็นความเชื่อที่ขัดกับความเป็นจริงอันพิสูจน์ได้ และเป็นความเชื่อที่ปราศจากเหตุผลมารองรับ เพราะเพียงแต่คนเหล่านี้กล้าพอที่จะเดินทางออกจากบ้าน จากความคิดและความเชื่อของตน พวกเขาก็จะได้พบกับความจริงอันยิ่งใหญ่ และความจริงที่ไม่สามารถบดบังได้ นั่นก็คือโลกใบนี้กลม ไม่ได้แบนราบ และมีขนาดใหญ่โตมโหฬารชนิดที่เดินยังไงก็ไม่มีวันที่จะตกโลกได้
ถ้าจะพูดไปแล้ว คนที่เชื่อว่าโลกแบนก็เหมือนกับคนที่ใช้ฝ่ามือปิดตาตัวเอง จนมองไม่เห็นสิ่งอื่น แล้วก็ตีโพยตีพายว่าโลกช่างมืดมิดและอยุติธรรมต่อตนเอง ทั้งๆ ที่แค่เอามือที่ปิดตาออกเขาก็ย่อมมองเห็นโลกและแสงสว่างอย่างชัดเจน
ครับ จริงแล้วๆ โลกย่อมจะกลมอยู่วันยังค่ำ เพียงแต่คนบางคนคิดไปเองว่าโลกแบนเท่านั้นแหละครับ