ข่าว

'ม็อบนกหวีด'นับหนึ่ง..ล้มนิรโทษสุดซอย

'ม็อบนกหวีด'นับหนึ่ง..ล้มนิรโทษสุดซอย

05 พ.ย. 2556

'ม็อบนกหวีด'นับหนึ่ง..ล้มนิรโทษสุดซอย : รายงาน

              “ถนนสีลม” กลายเป็นสัญลักษณ์ของแหล่งระดมมวลชนต่อต้านรัฐบาลมาเกือบ 30 ปีแล้ว ตั้งแต่ “ม็อบมือถือ” ในปี 2540 พัฒนามาเป็น “ม็อบมือตบ” ปี 2553 ล่าสุดคือ “ม็อบนกหวีด” ปี 2556 !!

              หลังจากสังคมโซเชียลมีเดีย ช่วยกันกระจายข่าวโพสต์เชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมเป่านกหวีดต่อต้าน “พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย” เวลา 12.34 น. วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน ณ สถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง

              เช้าตรู่ของวันนัดหมาย ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางมาถึงถนนสีลม จนกระทั่งประมาณ 10.30 น. บันไดทางขึ้นลงรถไฟฟ้ากลายเป็นแหล่งโพสท่าถ่ายรูปของบรรดาแก๊งนกหวีด หลายคนแค่พ้นประตูรถไฟฟ้าก็ควักนกหวีดจากกระเป๋าออกมาเป่าทันที เพื่อประกาศว่า “ฉันมาถึงแล้ว” ...เสียงเฮ! ต้อนรับจากผู้มาถึงก่อนยิ่งทำให้บรรยากาศคึกคักทวีคูณ

              กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มขยายพื้นที่ปิดถนนออกไปเรื่อยๆ ระหว่างสีลมซอย 1 ถึงซอยคอนแวนต์หรือสีลมซอย 3 ไม่ใช่เฉพาะชาวกรุงเทพฯ เท่านั้น กลุ่มมวลชนจากภาคอื่นๆ ก็เข้าร่วมด้วย พอใกล้เที่ยง เจ้าถิ่นหนุ่มสาวออฟฟิศที่ทำงานบนตึกต่างๆ ทยอยลงมาร่วม ส่วนใหญ่ของดอาหารเที่ยงไว้ก่อน เพราะกลัวว่าจะมาไม่ทันเวลานัดหมายเป่านกหวีดที่กำหนดไว้ หนึ่งสอง.สามสี่ หรือ 12.34 น.

              “ปิ๊ด ปี้ ปิ๊ดๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงนกหวีดหลากสีกระหึ่มถนนสีลม จากนั้นเสียงร้องเพลงชาติไทย และ เพลงสรรเสริญบารมี สะกดให้ผู้คนที่เข้าร่วมยืนนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะพร้อมใจกันส่งเสียงเฮและโบกธงอำลา เมื่อแกนนำประกาศยุติการชุมนุมสำหรับวันนี้เมื่อเวลาประมาณบ่ายโมง

              “พรรณทิพย์ โอฬารกุล” วัย 63 ปี หนึ่งในแก๊งป้านกหวีด เล่าว่า พวกตนเป็นนักศึกษายุค 16 ตุลาคม แม้อายุมากแล้วแต่อดเป็นห่วงบ้านเมืองไม่ได้ ที่นัดหมายเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันมาเจอวันนี้ เพราะต้องการบอกรัฐบาลไทยว่า คนผิดต้องถูกทำโทษ การออกกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ใครทำผิดต้องรับผิด ประชาชนควรออกมาสู้ร่วมกัน 

              ป้าพรรณทิพย์ ยังเสนอแนะกลยุทธ์การทำม็อบไว้ว่า ม็อบตอนนี้อ่อนแอสุดๆ ต่างคนต่างเดิน ต่างคนต่างทำ ไม่รวมตัวกันให้เป็นหนึ่งเดียว ไม่เหมือนสมัย 16 ตุลาคม พี่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยังนัดกับเพื่อนๆ มาที่ธรรมศาสตร์และถนนราชดำเนิน เรารวมกันสู้ เป็นไงเป็นกัน แต่วันนี้ไม่รู้ม็อบไหน เป็นใคร? อะไร? ยังไง? ร่วมด้วยไม่ค่อยจะถูก ทำให้ประชาชนสับสนไปหมด

              เมื่อถามถึงจุดมุ่งหมายในการต่อสู้ครั้งนี้ ป้าพรรณทิพย์ เสนอว่า อยากให้ทุกมวลชนมีจุดยืนต่อสู้ร่วมกันสู้เพื่อให้รัฐบาลยุบสภา จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แล้วประกาศไปเลยว่า ใครเห็นด้วยกับนิรโทษกรรมสุดซอยให้เลือกพรรคเพื่อไทยกลับมา แต่ถ้าไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องเลือก วิธีนี้น่าจะดีที่สุด เพราะเป็นการคืนอำนาจให้ประชาชนได้ตัดสินใจใหม่ด้วยตัวเองจริงๆ

              ส่วน “อัชนา พนานิธิ” อายุ 53 ปี ยอมรับว่า เกิดมาไม่เคยไปร่วมม็อบไหนมาก่อนเลยในชีวิต ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เข้าร่วมกับม็อบนกหวีด เพราะรู้สึกทนไม่ไหวกับกฎหมายฉบับนี้จริงๆ ถึงกับนอนไม่หลับ ออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดไปสำเพ็งหาซื้อนกหวีดหลายร้อยอันมาแจกผู้มาร่วมชุมนุม แล้วไปร่วมกับม็อบที่สามเสน แล้วนั่งซ้อนท้ายวินมอเตอร์ไซค์มาร่วมเป่านกหวีดที่สีลม

              “ขนาดพี่เป็นคนไม่ค่อยชอบพวกเรื่องม็อบเท่าไร ยังทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้เลย ตอนนี้ไม่เห็นทางออกแล้ว กลุ้มใจ ไม่รู้วิธีไหนจะหยุดได้ ถ้าใครไม่เห็นด้วยขอให้ช่วยกันออกมานะ อยากให้รัฐบาลเห็นคนเยอะๆ จะได้ไม่กล้าฝืนมติประชาชน” อัชนา กล่าว  

              นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มคนดังในแวดวงสังคมและดารานักแสดงมาร่วม "เป่านกหวีด" ต้านนิรโทษกรรมเหมาเข่งในครั้งนี้ด้วย หนึ่งในนั้นเมคอัพอาร์ติสต์อันดับต้นๆ ของเมืองไทย "เป็ด" อภิชาติ นรเศรษฐาภรณ์ ยอมรับว่า สุขภาพไม่ค่อยดี จึงไม่สามารถออกไปร่วมคัดค้านตามสถานที่ต่างๆ ได้ ทั้งๆ ที่อยากไปใจแทบขาด จึงบอกกล่าวให้เพื่อนไฮโซลุกขึ้นมาเพื่อคัดค้านครั้งนี้อย่างเต็มที่ แล้วก็ลุกขึ้นมาและไปร่วมคัดค้านกันเป็นสิบๆ คน เหตุผลไม่ต้องถามทุกคนรู้อยู่แก่ใจ เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือที่คนที่ถูกตัดสินถึงขั้นสูงสุดแล้วว่าผิด มาแก้กฎหมายด้วยตัวเองให้ถูก เห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า ทำอย่างนี้แล้วมาตรฐานของบ้านเมืองจะอยู่ตรงไหน อย่าคิดว่ามีอำนาจในรัฐสภาแล้วใหญ่โต เห็นพลังประชาชนหรือไม่ คิดว่าจะใช้อำนาจรัฐสภาแล้วจัดการทุกอย่างหรือ ไม่ใช่แน่ ต้องฟังเสียงประชาชน ประเทศถึงวิกฤติแล้ว คนไทยทุกคนต้องช่วยกัน ถ้าทำครั้งนี้ได้ ครั้งหน้าก็มีอีกแล้วก็อ้างว่าครั้งที่ผ่านมายังทำได้ ไม่ใช่แน่นอน

              อีกหนึ่งคน "ฟอร์ด" กุลวิทย์ เลาสุขศรี บรรณาธิการนิตยสารโว้ค ประเทศไทย หนึ่งในผู้ร่วมไปเป่านกหวีดคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม บอกว่า เมื่อมีโอกาสต้องออกมาเรียกร้อง เมื่อคุณเงียบแปลว่ายอมแพ้ อย่างวันนี้ที่ถนนสีลมไปแล้วน้ำตาไหล เพราะเป็นการรวมตัวกันของทำงาน คนออฟฟิศ ที่มีอุดมการณ์และมีความคิดเป็นของตนเอง มาด้วยอุดมการณ์เดียวกัน

              ปิดท้ายที่ "บัว" ปัทมน อดิเรกสาร สุริยะ สาวไฮโซคนดังที่ไปร่วมเป่านกหวีดที่ถนนสีลมด้วย บอกว่า แค่กฎหมายนิรโทษกรรมจะมาฟอกความผิดให้คนที่ทำร้ายประเทศมันไม่ได้ กฎหมายนิรโทษมีได้แต่ต้องไม่ใช่กรณีแบบนี้ ตนเองทำผิดเอง สั่งเองทุกอย่าง แล้วมาแก้กฎหมายให้ถูก ไม่ได้ไม่โอเคแน่ๆ  

              ด้าน "นก" สินจัย เปล่งพานิช แสดงความคิดเห็นเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นการแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ตนยอมรับผิดชอบต่อความคิดเห็น แต่อย่าตีความเป็นอย่างอื่น เพราะกำลังพูดถึงบ้านเมือง และหน้าที่ของประชาชน เชื่อไม่มีผลกระทบตามมา

              "มันเป็นเรื่องของประชาชนโดยตรง เป็นเรื่องของสังคม เป็นเรื่องของประเทศของเราโดยตรง ไม่เกี่ยวกับคนใดคนหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับสี นี่คือความคิดเห็นของนกในฐานะของประชาชน ถ้าเรามีสังคมที่ไม่ดี ชีวิตมันจะอยู่ยาก มันไม่ใช่แค่ตัวเรา แต่เป็นตัวประชาชนทั้งหมด เราต้องอยู่ภายใต้กฎและกติกา สังคมมันแย่มาก ไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้แล้ว อย่าให้มันเลยเถิดมากไปกว่านี้ เอะอะก็นิรโทษกรรม โอเคถ้าในชีวิตประจำวัน เราอาจจะยกโทษให้กับคนที่ทำผิดได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมีผลต่อประเทศ เราต้องพิจารณาให้ดี เราอยากอยู่ในประเทศที่ดี และมีคนที่ดี ดูแลประเทศของเรา ประชาชนต้องเคารพกฎและกติกา นกอยากแสดงความคิดเห็น และนกก็รับผิดชอบต่อความคิดเห็น นกไม่ได้ทำอะไร หรือทำสิ่งที่ผิด เพราะสิ่งที่ทำ คือการแสดงความคิดเห็น" นักแสดงชื่อดังตอบ

              เมื่อถามต่อว่า กลัวถูกมองว่าการกระทำครั้งนี้จะถูกตีความเป็นอย่างอื่นหรือไม่นั้น นกเผยว่า เธอเข้าใจว่า ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ คนมักเอาไปพูดรวมกับเรื่องอื่นๆ คนจะมองว่าเป็นดาราอย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ แต่ต้องบอกว่ามันไม่ใช่ ต้องแยกออกมา เรากำลังพูดถึงบ้านเมือง ไม่ใช่การเมือง มันเป็นเรื่องของประชาชน เราทำหน้าที่ของประชาชน !!


.......................................

(หมายเหตุ : 'ม็อบนกหวีด' นับหนึ่ง..ล้มนิรโทษสุดซอย : รายงาน)