ข่าว

ไทย'ซูลคาต้า'ลดล่า..เต่ายักษ์ข้ามชาติ

14 พ.ค. 2557

ไทย 'ซูลคาต้า' ลดล่า..เต่ายักษ์ข้ามชาติ : โดย...ทีมข่าวรายงานพิเศษ

 
                          ทุกวันนี้ กลุ่มคนรักเต่าในเมืองไทยหลายกลุ่ม สามารถเพาะขยายพันธุ์เต่ายักษ์ที่พวกเขาครอบครองเลี้ยงดูมาหลายสิบปีได้แล้ว อาจช่วยลดปัญหาการลักลอบจับเต่ายักษ์มาจากธรรมชาติได้อีกทางหนึ่ง และปัจจุบันรายชื่อเต่าที่ตรวจยึดเป็นสัตว์ของกลาง แทบไม่ปรากฏชื่อ "ซูลคาต้า" อีกเลย
 
                          “การลักลอบนำเต่าเข้ามามีทั้งแง่ดีและแง่ไม่ดี ถ้ามาอยู่กับคนที่เขาอนุรักษ์จริงๆ มันก็จะได้ดำรงอยู่ต่อไป ถ้ามาอยู่กับคนที่เลี้ยงไม่เป็น หรือเอามาขายเป็นอาชีพ เต่าก็จะหมดไป ซึ่งเต่าพวกนี้ มาจากสภาพอากาศหนึ่ง แล้วมาอยู่ในสภาพอากาศหนึ่ง บางทีอาจปรับตัวไม่ทัน และตายในที่สุด” วรัศนันท์ ศิริโกเมนทร์ แม่บ้านวัย 27 ปี และแอดมินของแฟนเพจ “บ้านเต่ายักษ์” ซึ่งมีแฟนคลับกว่า 2 พันราย สะท้อนถึงปัญหาการลักลอบค้าเต่าสวยงาม
 
                          "วรัศนันท์" บอกอีก การเลี้ยงเต่าสักตัว ควรศึกษาก่อนให้แน่ชัดว่า ชอบเต่าจริงหรือไม่ แม้ว่าเต่านั้นเลี้ยงไม่ยาก ต้องมีพื้นที่ปลอดภัยให้อยู่ ต้องอาบน้ำให้เขา นำมาอาบแดด ให้อาหารวันละมื้อ ทั้งนี้ การเลี้ยงเต่า เสน่ห์ของมันอยู่ที่การได้เฝ้าดูการใช้ชีวิตของมันเท่านั้น
 
                          ปัจจุบัน เธอเป็นเจ้าของพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์เต่ายักษ์ซูลคาต้า 3 ตัว ชื่อ "ถุงทอง" "ถุงเงิน" และ "จัมโบ้" ซึ่งเธอเลี้ยงดูพวกมันมาอย่างดีกว่า 10 ปี และช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เต่ายักษ์ของเธอออกลูกนับร้อยๆ ตัวแล้ว และนำมาแบ่งปันขายผ่านเฟซบุ๊ก โดยได้รับความสนใจจากแฟนเพจจำนวนมาก และเธอจะคอยแนะนำให้คำปรึกษาถึงการเลี้ยงลูกเต่ายักษ์ผ่านเฟซบุ๊กอยู่เสมอ 
 
                          สำหรับการเลี้ยงลูกเต่ายักษ์นั้น เธอ แนะนำว่า ต้องนำเต่ามาแช่น้ำตื้นๆ เพื่อกระตุ้นการขับถ่าย การให้อาหารต้องหั่นผักเป็นชิ้นเล็ก เพราะปากลูกเต่ายังเล็กอยู่ และต้องนำเต่ามาตากแดดอ่อนๆ ตอนเช้าเพื่อรับวิตามินดี ที่สำคัญห้ามเลี้ยงในห้องแอร์เด็ดขาด เพราะเป็นเต่าทะเลทรายไม่ชอบอากาศเย็นๆ ชื้นๆ
 
                          ในฐานะคนเลี้ยงเต่าเมื่อเห็นภาพการจับกุมผู้ลักลอบนำเต่าสวยงามเข้ามาขายในเมืองไทย "วรัศนันท์" ยอมรับว่า รู้สึกสะเทือนใจทุกครั้ง ที่เห็นข่าวเต่าที่ถูกลักลอบเข้า มันทำให้รู้ถึงจุดจบของพวกเขาคงไม่มีชีวิตรอด
 
                          “เต่าที่ถูกลักลอบนำเข้ามา ถ้าปรับสภาพไม่ได้มันก็ต้องตาย ถ้าอยากเลี้ยงเต่าจริงๆ ควรหาซื้อในประเทศไทย เพราะถ้ามันมีชีวิตอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ คงปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศบ้านเราได้แล้ว ดีกว่าไปซื้อเต่าที่ลักลอบนำเข้ามาขาย และเต่าที่ลักลอบนำเข้ามาจากธรรมชาติก็จะสูญพันธุ์เร็วขึ้น" วรัศนันท์ บอกทิ้งท้าย
 
                          ด้าน รศ.สพญ.ดร.นันทริกา ชันซื่อ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยสัตว์น้ำ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการซื้อเต่าสวยงามว่า การซื้อสัตว์ที่เพาะในประเทศได้ ย่อมมีความเสี่ยงในการตายน้อยกว่า การซื้อสัตว์ลักลอบนำเข้า เนื่องจากขั้นตอนการเดินทาง ต้องอดอาหารและน้ำ ทำให้สัตว์อ่อนแอ และอาจติดเชื้อ โอกาสรอดจึงน้อย ถ้าใครอยากจะเลี้ยงเต่าสักตัว ถ้าหาเต่าที่เพาะเลี้ยงในประเทศได้ย่อมเป็นการดี
 
                          รศ.สพญ.ดร.นันทริกา แนะนำอีกว่า การเลี้ยง “ซูลคาต้า” ซึ่งเป็นเต่าขนาดใหญ่ มีพื้นที่หากินหลายร้อยตารางเมตร ต้องมีพื้นที่อย่างน้อยร้อยตารางเมตร หรือแค่สัก 50 ตารางเมตร พวกเขาก็มีความสุขได้ และต้องมีที่ซ่อนตัว เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย จะได้มีความเครียดลดลง แต่ถ้าจะเลี้ยง”ชูลคาต้า” ในคอนโดจะไม่แนะนำเลย ที่สำคัญไม่ควรให้กินผักที่มีโปรตีนสูง อย่าง คะน้า หรือบร็อกโคลี่ เพราะจะทำให้เป็นนิ่ว ร่างกายขาดน้ำ และเครียด ถ้าจะเลี้ยงซูลคาต้าให้มีสุขภาพดี ควรให้อาหารจากธรรมชาติ หรือหญ้าแห้ง ที่สำคัญไม่ควรให้กินอาหารสุนัข เพราะจะทำให้เกิดโรคไตได้ นอกจากนี้ หากมีการเลี้ยงเต่ายักษ์แบบปล่อยอิสระให้เดินอยู่บริเวณรอบๆ บ้าน ควรตรวจสอบด้วยว่าเต่าอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยหรือไม่ หรือบนพื้นมีสิ่งแปลกปลอมที่จะเป็นอันตรายต่อเต่าหรือไม่
 
                          “เต่าซูลคาต้าตัวนี้ สมัยมีชีวิตอยู่ เจ้าของพามารักษาอาการกระดองแตกจากการถูกรถทับ เมื่อรักษาจนหายแล้ว เขาก็ปล่อยให้เดินรอบๆ บ้าน มันกินตะปู เศษพลาสติก เข้าไป จึงเป็นสาเหตุการตายของเต่าตัวนี้ การเลี้ยงเต่าประเภทนี้ในบ้าน ถ้าอยากปล่อยให้เป็นอิสระ ต้องตรวจดูด้วยว่ามีอะไรเป็นโทษกับเขาหรือไม่ เพราะเมื่อสัตว์ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือมีอาการเครียด อาจกินสิ่งแปลกปลอมเข้าไปทำให้ตายได้” รศ.สพญ.ดร.นันทริกา แนะนำ พร้อมยกตัวอย่าง เต่าซูลคาต้าสตัฟฟ์ที่ตายจากการกินสิ่งแปลกปลอม
 
                          ทั้งนี้ “ซูลคาต้า” เป็นเต่าบกขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก และอยู่ในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือไซเตส (CITES) ในบัญชีหมายเลข 2 สถานะถูกคุกคาม แต่ไม่ถึงกับใกล้จะสูญพันธุ์ จึงยังอนุญาตให้ค้าระหว่างได้ แต่ต้องมีใบอนุญาตจากไซเตส เช่นเดียวกับเต่าดาวอินเดีย ส่วนการซื้อขายภายในประเทศไทย ไม่ต้องมีใบอนุญาต สนนราคาตามขนาดความยาวนิ้วละ 1,000 บาท ไซส์ลูกเต่าซูลคาต้าที่นิยมซื้อขายอยู่ที่ 2.5 นิ้ว หรือ 2,500 บาท
 
 
 
 
-----------------------
 
(ไทย 'ซูลคาต้า' ลดล่า..เต่ายักษ์ข้ามชาติ : โดย...ทีมข่าวรายงานพิเศษ)