ข่าว

คสช.สั่งย้ายผู้ว่าฯปฐมบทเเห่งการปฏิรูป

30 พ.ค. 2557

คสช.สั่งย้ายผู้ว่าฯปฐมบทเเห่งการปฏิรูป : โต๊ะข่าวการเมือง สำนักข่าวเนชั่นรายงาน

              กระแสการจัดแถวข้าราชการกระทรวงมหาดไทยมีมาตลอด ควบคู่การปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือเป็นการปฏิรูปตามที่มีการออกมาเรียกร้องกันในยุคที่การชุมนุมเบ่งบานในช่วงที่ผ่านมา

               แต่นั่นเป็นเพียงแนวคิดข้อเรียกร้องที่ไม่อาจผลักดันสานต่อ เหมือนความฝันที่ตื่นมาก็หายไป ในความเป็นจริงการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่มีมานานย่อมไม่ง่าย..!

               ความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันหลังทหารกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ คงไม่มีใครขว้างต้านได้ ทำให้แสงสว่างเริ่มผุดขึ้นที่ปลายอุโมงค์ ชาวคลองหลอดต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ช้าก็เร็วต้องมีการสลับจัดแถวแนวรบให้สอดคล้องกับยุคสมัย

               สายข่าวจากกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า คำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายที่จะประกาศในนามคสช.นั้น มีมาตั้งแต่การยึดอำนาจเสร็จสิ้นลง โดยจะเริ่มจัดการจากตำแหน่งพ่อเมืองก่อน ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้แม่ทัพภาคต่างๆ จะส่งรวบรวมรายงานความประพฤติและรายชื่อของผู้ว่าฯ เหล่านี้มายัง คสช. จากนั้นก็เสนอต่อหัวหน้า คสช.ในการพิจารณาลงนาม

               คสช.มีคำสั่งรอบแรกหลังการยึดอำนาจ เพราะกระบวนการจัดแถวบิ๊กข้าราชการแจ็กพอตแตกลงที่ผู้ว่าฯ 9 ราย ถือเป็นการย้ายสลับลดชั้น แต่ที่ชัดเจนหนักหน่อยก็เข้ากรุ (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) แต่ทราบเป็นนัยๆ แบบลับๆ ว่า พ่อเมืองเหล่านี้โดนข้อหาหลักนิยมชมชอบขั้วอำนาจเก่า

               เมื่อพลิกบัญชีรอบแรกฤกษ์งามยามเย็นของวันอังคารที่ 27 พฤษภาคม กระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งให้ข้าราชการสังกัดกระทรวงในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย จำนวน 9 ราย ไปรักษาการในตำแหน่งผู้ว่าฯ และผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย โดยเป็นการโยกแต่งตั้งจากจังหวัดใหญ่เกรดเอ ไปอยู่เกรดที่ด้อยลงกว่าเดิม

               หากชัดเจนหนักหนาสาหัสก็จะให้เข้ากรุนั่งผู้ตรวจฯ แทน อาทิ สมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองระดับสูง) จังหวัดขอนแก่น ให้รักษาราชการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย แล้วแต่งตั้ง กำธร ถาวรสถิตย์ ตำแหน่งผู้ว่าฯ ชัยนาท ให้รักษาราชการในตำแหน่ง ผู้ว่าฯ ขอนแก่นแทน แล้วโยก สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ สระบุรี ให้รักษาราชการในตำแหน่ง ผู้ว่าฯ ชัยนาท ถือเป็นการลดชั้นแบบเบาๆ

               ขณะที่พื้นที่สีแดงจังหวัดใหญ่ถิ่นพรรคเพื่อไทย ที่มี วิเชียร พุฒิวิญญู ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ก็ให้รักษาราชการในตำแหน่ง ผู้ว่าฯ สระบุรี โดยเป็นจังหวัดที่เล็กกว่าเดิม   แต่โยกเอา สุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ ตาก แล้วให้ไปรักษาราชการในตำแหน่ง ผู้ว่าฯ เชียงใหม่แทนนั้น หลายฝ่ายแปลกใจ เพราะผู้ว่าฯ จะเกษียณในช่วงตุลาคมปีนี้ แต่เป็นด้วยเหตุผลยังหาตัวบุคคลที่เหมาะสมไม่พอ จึงต้องเอาไปขัดตาทัพ รอเจอคนที่มีฝีไม้ลายมือตัวจริงค่อยแต่งตั้งไปนั่งแทนคราวหน้า

               ส่วน สมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ที่ก่อนนี้ผ่านการเป็นผู้ว่าฯ พิจิตรและเชียงราย แล้วย้ายเข้าเป็นผู้ตรวจฯ ได้รับการแต่งตั้งให้รักษาราชการในตำแหน่ง ผู้ว่าฯ ตาก เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมาเคยจับงานด้านการข่าวความมั่นคง มีสายสัมพันธ์อันดีกับบิ๊กสีเขียว จึงได้รับการพิจารณาให้มานั่งรักษาการ

               สำหรับ วินัย บัวประดิษฐ์ ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ นครราชสีมา ที่ให้รักษาราชการในตำแหน่ง ผู้ว่าฯ พัทลุง ในอดีตนายใหญ่คนแดนไกลเคยเอ่ยปากชมในครั้งเกิดเหตุการณ์สึนามิเป็นคนที่เก่งทำงานดี ในที่สุดยุคเขียวเข้มกุมบังเหียนจึงแต่งตั้งให้ ธงชัย ลืออดุลย์ ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ รักษาราชการในตำแหน่ง ผู้ว่าฯ นครราชสีมาแทน หากเปิดโปรไฟล์ดูย่อมชัดเจน ถือเป็นบุคคลหนึ่งที่ผ่านงานด้านการข่าวคลุกคลีฝ่ายบิ๊กสีเขียวตลอดเวลาที่ผ่านมาในการรับราชการ จึงได้รับความไว้วางใจไปคุมพื้นที่ใหญ่กว่าเกรดเอ   ในส่วนของ เสรี ศรีหะไตร ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ พัทลุง ก็ให้รักษาราชการในตำแหน่ง ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์

               ผ่านไปคืนเดียว วันรุ่งขึ้นคือวันพุธที่ 28 พฤษภาคม คำสั่งรอบ 2 คลอดออกมาเป็นการโยกย้ายที่ชัดเจน คสช.สั่งย้ายผู้ว่าฯ 5 ราย ในข้อหาไม่สามารถสยบความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยให้เข้ามาทำงานที่กระทรวง แล้วแต่งตั้งผู้ตรวจฯ และที่ปรึกษาออกไปรักษาการนั่งทำงานแทน กรณีนี้ไม่พลิกโผเกินที่คาดหมายเอาไว้ กระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย โดยตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด สลับกับผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย (ผต.) ในคำสั่งให้รักษาการในตำแหน่ง จำนวน 10 ราย คือ 1.สุวิทย์ สุบงกฎ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองระดับสูง) จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้รักษาราชการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง 2.เกรียงเดช เข็มทอง ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ จันทบุรี ให้รักษาราชการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง 3.สมศักดิ์ ขำทวีพรหม ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด ให้รักษาราชการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง 4.วิชิต ชาตไพสิฐ ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ ระยอง ให้รักษาราชการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง 5.วันชัย สุทธิวรชัย ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี ให้รักษาราชการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง

               6.ภุชงค์ โพธิกุฎสัย ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการปกครอง (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) ให้รักษาราชการในตำแหน่ง ผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ 7.สามารถ ลอยฟ้า ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง ให้รักษาราชการในตำแหน่ง ผู้ว่าฯ จันทบุรี 8.ธานี สามารถกิจ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง ให้รักษาราชการในตำแหน่ง ผู้ว่าฯระยอง 9.สมศักดิ์ จังตระกูล ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ให้รักษาราชการในตำแหน่ง ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด และ 10.เสริม ไชยณรงค์ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง ให้รักษาราชการในตำแหน่ง ผู้ว่าฯอุบลราชธานี

               โดย 2 คำสั่งเป็นคนละวัน คนละเวลา แต่มีผลให้ทุกคนต้องไปทำงานปฏิบัติหน้าที่ในวันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน ในทันที...!

               อย่างไรก็ตาม ถ้าพิจารณาจากรายชื่อจังหวัด ขนาดพื้นที่แบ่งเป็นขนาดใหญ่ไปหาเล็ก จะเห็นที่มาที่ไปสายสัมพันธ์ที่มาของการแต่งโยกย้ายได้เป็นอย่างดี คงไม่ใช่ศึกระหว่างค่ายสิงห์แต่อย่างใด ถ้าจะมีก็เพียงเล็กน้อย สรุปได้ว่า สิงห์ดำ สิงห์แดง สิงห์ขาว สิงห์ทอง สิงห์เขียว และสิงห์น้ำเงิน จะร่วมตัวกันต่อกรเอาตำแหน่งแบ่งปันเก้าอี้ให้พรรคพวก ให้พี่น้องคงลำบาก

               เนื่องเพราะในความเป็นจริง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้ประกาศออกมาแล้วว่า จะสลายสีเสื้อของทุกกลุ่ม เหลือแต่เพียงชาติ เพื่อสร้างความปรองดองให้แก่ประชาชนทุกคน...??

               ฉะนั้นผ่านไปแล้ว 2 รอบกับคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายของชาวคลองหลอด ซึ่งยังไม่ใช่การย้ายแบบเปลี่ยนขั้วทันทีทันควัน เพราะเป็นเพียงการตัดกิ่งก้าน หนังเรื่องนี้ก็ยังไม่จบม้วน แว่วว่า ยังมีอีกหลายรายที่ยังไม่ได้รับการชำระล้างสีเสื้อ เช่น ผู้ว่าฯภาคเหนือ และภาคอื่นๆ ที่ตกค้างบัญชี รวมถึงอธิบดีอีก 3-4 กรม

               ส่วนเบอร์หนึ่งฝ่ายข้าราชประจำอย่างปลัดกระทรวงมหาดไทย หลังจัดทัพใหญ่ในกระทรวงคราวนี้ เพื่อสนองกับโจทย์ที่ คสช.มอบให้นั้น วิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จะได้รับผลเช่นไร สายข่าวให้ข้อมูลว่า เปอร์เซ็นต์ของปลัดวิบูลย์ในโอกาสรอดอยู่เพียง 50/50

               แต่ถ้าสุดท้ายหาก วิบูลย์ต้องหลุดจากตำแหน่งปลัดคลองหลอด ปฏิบัติการครั้งนี้คงไม่ใช่แค่ตัดกิ่งก้าน แต่เป็นการขุดรากถอนโค่น แล้วเสริมพันธุ์ใหม่เข้าไปแทนที่ของเดิมที่เรียกว่า "ปฏิรูป" อย่างถึงแก่น...!!!
-------------------------
(หมายเหตุ : คสช.สั่งย้ายผู้ว่าฯปฐมบทเเห่งการปฏิรูป : ต๊ะข่าวการเมือง สำนักข่าวเนชั่นรายงาน)