‘โต้ง’ปั่น2ล้อทางไกลใช้หัวใจก่อนออกกำลัง | คมชัดลึก

 

                 "โลกหลังรถยนต์ก็อีกแบบหนึ่ง หลังมอเตอร์ไซค์ก็โลกอีกแบบหนึ่ง จักรยานก็เป็นโลกที่เราต้องเคลื่อนที่ด้วยกำลังของตัวเอง"

 

                 แม้การใช้ชีวิตของมนุษย์ในสังคมเมืองจะดูจำเจอยู่บ้าง เช้าทำงาน เย็นกลับบ้าน หรือสังสรรค์ต่อ แต่ทุกคนย่อมมีโลกใบใหม่ของตัวเองผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่ให้ความรู้สึกหลุดจากกรอบเดิมๆ ตามที่หลายๆ ครั้งเราพาไปดูกิจกรรมสุดโต่งของคนรุ่นใหม่ ที่ทุกคนยินดีสละแรงกายเพื่อความสำเร็จอาจดูเล็กน้อยสำหรับบางคนแต่เป็นชัยชนะ (ตัวเอง) ครั้งใหญ่ของคนที่ลงมือทำ วันนี้ก็เช่นกันเมื่อให้พูดถึงกิจกรรมท้าทายอย่างการปั่นจักรยานทางไกล "โต้ง" สุพิชยะ ฉายเหมือนวงศ์ หนุ่มลูกนายทหาร พล.อ.สุนทร และคุณแม่ ชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ นั้นสามารถบอกเล่าประสบการณ์ได้ชวนตื่นเต้นไปด้วย เพราะเป็นเรื่องที่ทุ่มเทสละเวลาให้เป็นประจำมาต่อเนื่องหลายปีแล้ว

 

                 เรามีโอกาสได้พบปะหนุ่มนักปั่นจักรยานคนนี้บนบนเกาะเสม็ด ภายในลิม่า โคโค่ รีสอร์ท ที่เจ้าตัวเป็นหุ้นส่วนใหญ่และเป็นสถานที่ทำงานหลักในปัจจุบัน โดยต้องแวะเวียนจากกรุงเทพ-เกาะเสม็ด เพื่อมาดูแลกิจการและนักท่องเที่ยวในฐานะไดเรกเตอร์อยู่เสมอ  คุยไปมาจึงรู้ว่าในวันว่างของหนุ่มคนนี้ส่วนมากไม่ได้อยู่แต่ในเมืองใหญ่ทั้งวัน เพราะต้องแบกจักรยานคู่ใจคันแรกและคันเดียวไปปั่นทางไกลต่างจังหวัดเสมอ  ตามวิถีคนชอบออกกำลังกาย ที่เจ้าตัวเองยืนยันว่าถ้าติดใจกีฬาชนิดไหนก็จะทุ่มเทให้เต็มที่ชนิดที่ไม่เจ็บตัวจริงๆ ก็ไม่ยอมเลิกเล่นกลางคันแน่นอน

 

                 "ผมปั่นจักรยานอาทิตย์ละ 3-4 วัน ครั้งหนึ่งประมาณ 40 กิโลเมตร จะมีถนนเส้น 347 จ.ปทุมธานี มุ่งหน้าบางปะหัน ปั่นเข้าบางไทร - บางปะอิน ที่ใช้ปั่นเป็นประจำ เหมือนเป็นการซ้อมเพื่อไปแข่งทางไกลอีกทีหนึ่ง ผมชอบปั่นเป็นกลุ่ม ในกลุ่มจักรยานที่อยู่จะมีประมาณ 30 คน  ชื่อกลุ่ม 347 ส่วนมากเราจะนัดกันวันอังคาร- พฤหัสบดี- เสาร์  บางทีก็มีจัดแข่งขันบ้าง แต่จริงๆ ผมตั้งใจปั่นจักรยานเพื่อความสนุกเลยครับ จากเมื่อก่อนก็เคยปั่นเสือภูเขาอยู่ 5 ปี แต่มีช่วงที่เรามีหน้าที่การงานมากขึ้น ไม่มีเวลาเตรียมตัวและออกไปสถานที่ท้าทายบ่อยๆ ก็เปลี่ยนมาทางเรียบปั่นไปเจอผู้คน มองวิว คุณกันไปเรื่อยๆ  ก็สนุกเหมือนกัน ความจริงกลุ่ม 347 นี่ เพื่อนเป็นคนชักชวนเข้ามาเพราะเห็นเราชอบปั่นจักรยานอยู่แล้ว เลยรู้ว่าถ้ามาเข้ากลุ่มก็จะได้เก่งขึ้น ได้เรียนรู้การปั่นเร็ว  มีเทคนิคปั่นเพื่อกล้ามเนื้อ บริหารหัวใจ แม้กระทั่งลดความอ้วนยังไง เมื่อก่อนผมหนักกว่านี้เป็นสิบๆโล ประมาณ 90 กว่า ใช้การปั่นจักรยานอย่างสม่ำเสมอ ไม่กี่เดือนก็ลงลดได้" หนุ่มโต้งบอกเล่าถึงกิจกรรม

 

                 นอกจากจักรยานการดำน้ำยังเป็นกิจกรรมสำคัญที่เจ้าของรีสอร์ทสุดแอ็กทีฟคนนี้ทุ่มเทให้ และตั้งเป้าว่าต้องออกทริปดำน้ำไกลๆ และปั่นจักรยานทางไกลในที่แปลกใหม่ทุกปีเป็นการชาร์ตพลังใจ สร้างสังคมใหม่ๆ ให้กับตัวเองด้วย

 

                 "ล่าสุดไปปั่นงานหนึ่งเขาให้วัดใจปั่น 300 กิโล จากกบินทร์บุรี ขึ้นเขาทราย วังน้ำเขียว เลี้ยวซ้ายเข้าเขาแผงม้า ผ่านอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มาที่ด่านธนะรัตน์ เลี้ยวเข้าเดลี่โฮม เลี้ยวซ้ายเข้าถนนมิตรภาพ ลงมวกเหล็ก ผ่านแก่งคอย เข้านครนายก กลับไปกบินทร์อีก ครบ 300 กิโลเมตร ผมไปกับเพื่อน 2 คนเอง คือเราอยากวัดใจดูว่าปั่นไปแบบวันเดียวไม่พักที่ไหนนานๆ เลยจะไหวไหม ระหว่างทางก็มีพักในระยะสั้นๆ แล้วปั่นต่อไปเรื่อยๆ ทั้งวัน ถามว่ามีจุดมุ่งหมายหรือแรงบันดาลใจอะไรให้ฮึดสู้ต่อก็พูดยากนะ แต่ทุกครั้งที่ปั่นไปถึงจุดหนึ่งที่เหนื่อยแล้วเหงื่อออกมากๆ ผมไม่ได้คิดว่าจะกลับดีไหม หรือพอแล้วนะ แต่กลับรู้สึกสบาย มีความสุข สลับกับบางเวลาก็คิดว่าทรมานตัวเองทำไมนะ แต่สุดท้ายก็พยายามจนถึงเส้นชัย สรุปคือเราเหนื่อยแต่ก็สนุกครับ  แล้วก็มีอีกที่ผมเคยปั่นเร็วสุดๆ ในชีวิต คือความเร็วลงเขา 88 กิโล ต่อชั่วโมง จำได้ว่าตรง อ.ปากช่อง จะมีเนินยาวมากมองดูแล้วไม่มีรถยนต์ผมเลยปล่อยลงมาไม่เบรคเลย รู้สึกสบายมากประทับใจ ลงมาได้ก็นั่งคิดว่าถ้ามีอะไรมาตัดหน้านี่ โอ้ย...ไม่รอดแน่ แต่ตอนนี้ผมมีครอบครัว มีเรื่องต้องรับผิดชอบเยอะไม่กล้าทำแล้วครับ (หัวเราะ)" นักปั่นหนุ่มยิ้มเล่าถึงการแข่งขันล่าสุด และทริปที่ประทับใจ

 

                 นอกจากนี้หนุ่มโต้งยังมีสถานที่ชอบไปมากๆ คือเขาใหญ่ ย้ำว่าต้องไปเดือนละครั้ง ยิ่งช่วงกุมภาพันธ์ที่แล้ว อากาศยังหนาวแม้ตอนเที่ยงอุณหภูมิก็ยังอยู่แค่ประมาณ 17 องศาเซลเชียล สองข้างทางวิวสวยและอากาศดี รับรองนักปั่นไม่ว่ามือใหม่หรือชำนาญแล้วได้ปั่นขึ้นไปต้องมีความสุขและไม่เหนื่อยมาก และเดือนตุลาคมปีหน้านี้เจ้าตัวมีแพลนไปปั่นที่ประเทศสเปน เพื่อตะลุยเส้นทางที่นักปั่นใช้แข่งขันกัน นับเป็นการปั่นนอกประเทศครั้งแรกที่แต่คิดก็ตื่นเต้นท้าทาย

 

                 "ข้อดีของจักรยานที่ผมเห็นชัดๆ คือสุขภาพดี มีกลุ่มเพื่อนดี ได้เห็นวิวใหม่ โลกใหม่ ลองสังเกตว่าโลกหลังรถยนต์ก็อีกแบบหนึ่ง หลังมอเตอร์ไซค์ก็โลกอีกแบบหนึ่ง จักรยานก็เป็นโลกที่เราต้องเคลื่อนที่ด้วยกำลังของตัวเอง สนุกดี วิวก็เปลี่ยนไปเรื่อย เป็นกิจกรรมแก้เบื่อที่ดี ผมเห็นปัจจุบันผู้คนอยู่คอนโดในห้องสี่เหลี่ยมเยอะขึ้น ลองซื้อจักรยานพับมาสักคันครับ ปั่นออกไปหาอะไรทาน ไปเที่ยวที่ใกล้ๆ ผมว่าดีเราจะได้เห็นอะไรมากขึ้น การเข้ากลุ่มก็ไม่ใช่เรื่องยากครับถ้ารู้ว่าใกล้บ้านเรามีชมรมนักปั่นอะไรก็ขอไปกับเขาได้เลย ตอนผมเข้าไปใหม่จะมีพี่ๆ มาช่วยสอนให้รู้เส้นทาง จากนั้นเราก็ปั่นเองได้สบาย ระหว่างทางก็จะมีคอยบอกเทคนิคกันเสมอ ที่สำคัญหลายคนในกลุ่มเรารู้จักแต่ชื่อครับ เรื่องการงานชีวิตส่วนตัวจะไม่ค่อยพูดไม่ค่อยถามกันเท่าไหร่ พบกันเราคุยแต่เรื่องจักรยานอย่างเดียวเลย เช่นเรื่องอะไหล่ใหม่ อุปกรณ์ใหม่ๆ สถานที่ใหม่ สถานที่แข่ง วิธีการซ้อม มีเรื่องคุยอยู่ประมาณนี้ก็เพลินแล้วครับ ไม่มีใครรู้ตัวตนใคร เพราะจริงๆ เรามาเล่นกีฬาก็อยากหลุดออกจากโลกเดิมๆ สักพักหนึ่งอยู่แล้ว เลยรู้แค่ว่าคนๆ นี้มีจุดหมายเดียวกันก็พอ" มุมมองจากโลกใหม่ที่หนุ่มโต้งได้สัมผัสถึง

 

                 เสริมท้ายด้วยความเห็นของเจ้าตัวว่าปัจจุบันมีคนปั่นจักรยานมากขึ้น รถยนต์เห็นจักรยานและระวังมากขึ้น น่าจะเป็นสัญญาณดีว่าอีกหน่อยเราสามารถเอาจักรยานมาใช้ในชีวิตคนเมืองได้จริง สำหรับคนที่กำลังเริ่มต้น จักรยานมีหลายแบบมาก ทั้งแบบพับไว้ปั่นในเมือง เสือภูเขาสำหรับปั่นนอกเมือง เสือหมอบ, ฟิกเกียร์ปั่นทางเรียบ อยู่ที่จะเลือกให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ความชอบ  อาจเริ่มที่แบบทางเรียบก่อน ถ้าไม่ชอบค่อยลองแนวใหม่ๆ แต่สุดท้ายต้องรู้ตัวว่าอยากจะใช้จักรยานแบบไหน เราถนัดแนวไหน แล้วค่อยลงทุนแต่งรถใช้อะไหล่ดีๆ เพื่อหนุนกับไลฟ์สไตล์เราดีกว่า จะได้ใช้คุ้มไม่สูญเงินเปล่า