ข่าว

‘จูน’สาวิตรี ชวนออกแรงจูนสมอง

‘จูน’สาวิตรี ชวนออกแรงจูนสมอง

25 ธ.ค. 2557

ขอเวลานอก : ‘จูน’สาวิตรี ชวนออกแรงจูนสมอง : เรื่อง ชาญยุทธ ปะวะขัง /ภาพ ฐานิส สุดโต

 
                "การออกกำลังกายถือเป็นการจัดระเบียบชีวิตตัวเอง ต้องคิดว่าทำให้ได้ เมื่อทำได้ถือว่าท้าทาย.."
 
                ออกตัวล้อฟรีดังเอี๊ยด!! ว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มคนไม่ชอบออกกกำลังกายเอง หากจะให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวจำเป็นต้องมีแรงกระตุ้น ด้วยเหตุนี้เอ็มซีสาวชื่อดัง "จูน" สาวิตรี โรจนพฤกษ์ จึงเลือกรูปแบบการสร้างความฟิต แอนด์ เฟิร์ม ที่เน้นการออกแรงหลากหลาย มันๆ และไม่น่าเบื่อ เข้ากับไลฟ์สไตล์ส่วนตัวที่เป็นคนแอ็คทีฟตลอดเวลา ที่สำคัญมีเทรนเนอร์คอยกระตุ้นให้ใช้แรงตามแผนที่ออกแบบไว้
 
                ช่วงสายก่อนจะแต่งหน้าทำผมเตรียมลุยงานเย็น มีเวลาว่างเพียง 1-2 ชม. สาวช่างพูดดีกรีรัฐศาสตร์บัณฑิต รั้วจามจุรี วัย 34 ปี มีนัดกับเทรนเนอร์หนุ่มหุ่นล่ำ "ใหญ่" ภูเขา หน่อสวรรค์ ประจำ พี 60 เออร์เบิน บูทแคมป์ (P60 URBAN BOOTCAMP) อาคารเมอร์คิวรี่ ชิดลม เพื่อเรียกเหงื่อด้วยท่าการออกกำลังกายที่กำลังได้รับความนิยม ขณะอยู่ในชุดพร้อมลุยเจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า ยึดอาชีพพิธีกรงานอีเว้นท์เลี้ยงตัวมา 12 ปีแล้ว แต่ละวันทำเต็มที่ สัปดาห์ละ 5-6 วันๆ ละ 4-5 ชม. ด้วยความที่ไม่ได้เข้างานเช้าเลิกเย็น จึงทำให้มีเวลาว่างพอที่จะสามารถเลือกออกกำลังกายช่วงไหนก็ได้ อีกทั้งการออกกำลังกายประเภทนี้ก็ขึ้นอยู่กับคนๆ เดียว ไม่ต้องเสียเวลารอใคร
 
                "ตอนอายุขึ้นเลข 3 รู้สึกว่าต้องออกกำลังกายละ ก็เริ่มตั้งแต่พิลาทิส โยคะ แต่ก็ยังไม่ชอบ จนกระทั่งมีเพื่อนแนะนำว่าลองไปเล่น "คอร์ ฟิต (Core Fit)" หรือการออกกำลังกายที่เน้นสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางร่างกายดูก็เลยตัดสินใจเล่นได้ 1 เดือน หลังจากนั้นก็ไปชวนลูกเกด (จิรดา โยฮารา) มาเล่นด้วย เขาก็ชอบมาก อินจัด จูนคิดจะเลิก เพื่อนก็ชวนเล่นตลอด เทรนเนอร์บอกว่าการจะเลือกเล่นกีฬาอะไรควรให้เหมาะกับบุคลิก และความต้องการของตัวเอง อย่างจูนชอบให้คนบังคับ คือไม่ชอบออกกำลังกาย เพราะฉะนั้นต้องให้คนมาคอยบอก อาทิตย์หนึ่งได้ออกกำลังกาย 3 ครั้ง จริงๆ อยากได้สัก 5 ครั้งแต่คงยาก ก็บอกเทรนเนอร์เลยว่าอยากได้วันละกี่นาที แต่จะไม่ให้น้อยกว่า 30 นาทีต่อครั้ง" เอ็มซีสาวระดับแถวหน้าของวงการอีเว้นท์ ลูกสาวคนเก่งของคุณแม่ ชุมศรี สิงวัฒนะ นักธุรกิจรุ่นลายคราม เล่าเป็นเหตุเป็นผล
 
                ระหว่างที่สาวจูน ยืดเส้นยืดสายอบอุ่นร่างกาย ด้วยท่าสไปเดอร์แมน  ยืดต้นขา หัวไหล่ และอก เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต เทรนเนอร์คู่กายก็หันมาให้ข้อมูลว่า การออกกำลังกายแบบ ไฮ อินเทนซิตี้ (High Intensity ) คือหนักสลับเบา มีความเข้มข้นสูง และเป็นรูปแบบฟังก์ชั่นนอล เทรนด์นิ่ง คือเน้นการพัฒนาความสามารถทั้ง 10 อย่างของคนที่ใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว สปีด ความทน ยืดหยุ่น สมดุล อาจเรียกได้ว่าทักษะทุกด้านได้รับการพัฒนา นอกจากจะทำให้ร่างกายฟิตแล้วยังได้รูปร่างที่ดีขึ้นด้วย พร้อมกันนี้ สาวแม่นสคริปต์ รีบเสริมว่า จริงๆ แล้วช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้เห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะซิกแพ็ค กล้ามเนื้อส่วนกลาง หรือส่วนข้างลำตัว เห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปร่างเร็ว ซึ่งพอเห็นผลเร็วก็ทำให้มีกำลังใจอยากเล่นอย่างต่อเนื่อง
 
                "เมื่ออายุมากขึ้นอาจมีปัญหาเรื่องไขมันส่วนเกินก็น่าจะช่วยให้ฟิต แอนด์ เฟิร์มมากขึ้น สมัยเรียนจูนเล่นกีฬาเยอะนะ แต่ก็เล่นได้ไม่ดีสักอย่างเพราะไม่ชอบ โชคดีที่ระบบเผาผลาญดี ก็เลยมีรูปร่างประมาณนี้ตลอด เรื่องไขมันส่วนเกิน ตอนเด็กๆ มีพุงออกมานิดหน่อย พอใส่ชุดที่จะไม่ให้เห็นพุงก็แค่อดข้าววันหนึ่งพุงก็หาย แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วอดข้าวก็ไม่หาย ระบบเผาผลาญของคนเราเปลี่ยนไปตามอายุ" พิธีกรมากประสบการณ์ เผย
 
                แม้ว่าจะถูกจริตกับรูปแบบการออกกำลังกายหนักสลับเบามาได้ปีกว่าๆ แต่ก็ยังมีโปรแกรมหนึ่งที่ไม่ชอบเอาเสียเลยนั่นคือ "คาดิโอ" ที่ให้กระโดดขึ้น-ลง กระโดดเชือก ตามด้วยวิดพื้นอย่างเร็วปานรถไฟชินคันเซ็น กระนั้นเทรนเนอร์ก็จำเป็นต้องให้เล่นเพื่อเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ บ่อยครั้งที่รู้สึกเหนื่อย (แทบสิ้นลม) และอึดอัด จึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าคนที่เหนื่อยแล้วล้มนอนแผ่เป็นอย่างไร
 
                นั่นจึงมีเหตุผลมากพอที่เวลามาเรียกเหงื่อ สาวร่างบางมักจะเน้นโปรแกรมโปรดอย่างการยกเวทเป็นหลัก อย่างวันนี้หลังจากอบอุ่นร่างกายเสร็จแล้ว ก็เริ่มท่าแรก สควอช (Squat) บริหารต้นขาด้านหน้าด้วยการย่อตัว ต่อด้วยซัสเปนชั่น เทรนด์เนอร์ หรือออกแรงดึงเชือก,เก็ตเทิล เบลล์ โยนลูกตุ้มขึ้นลง,โยนเมดิซินบอลขนาด 14 ปอนด์ และ บอดี้ เวท 47 กิโลกรัม บริหารกล้ามเนื้อช่วงล่าง ก้น หน้าขา หน้าท้อง และไหล่ เล่นแล้วได้กล้ามเนื้อแกนกลางชัดเจน ช่วยแก้ปัญหาหน้าท้องที่กลุ้มใจมาตลอด เธอบอกว่าพอกล้ามเนื้อแกนกลางแข็งแรงก็ช่วยเรื่องระบบเผาผลาญ เกิดความสมดุลในร่างกาย ที่แน่ๆ ตั้งแต่ออกกำลังกายมาไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ อาจเพราะเป็นคนขี้กลัว อะไรที่เสี่ยงก็จะไม่พยายามทำ เช่นเดียวกับการทำงานที่แม้จะมีเวลาเตรียมตัวพอสมควร แต่จะประเมินความสามารถตัวเองเสมอ
 
                "เคยรับงานมากสุด 3 งานต่อวัน แต่เฉลี่ยแล้วไม่เกิน 2 เพราะเอ็มซีต้องจำสคริปต์ งานหนึ่งไม่ใช่แป๊บเดียว ออแกไนเซอร์คิดธีมงาน แล้วต้องคุยกับเรา เราเป็นเอ็มซีต้องพร้อมที่จะสื่อสารว่างานเขาต้องการบอกอะไร เพราะแต่ละคนมีศักยภาพในการทำงานต่างกันก็เหมือนการออกกำลังกาย ศักยภาพของจูนในการที่จะทำงานให้ดูสดใหม่แล้วทำให้เต็มที่อยู่ที่ 2 งาน เรื่องการแบ่งเวลาทุกคนมี 24 ชม.เท่ากัน คุณบอกว่ายุ่งมากแต่ยังเช็คเฟซบุ๊คได้ คุณอยากไปหาแฟนก็ยังไปได้ แต่พอเบื่อแฟนคนนี้แล้วคุณไม่อยากไป แสดงว่าเป็นสิ่งที่คุณไม่อยากทำ ไม่ใช่ไม่มีเวลา ให้เปลี่ยนความคิดบอกตัวเองว่าไม่อยากทำใช่ไหม งั้นก็ไปหาสิ่งที่อยากทำ กีฬาในโลกนี้มีเยอะแล้วตัวช่วยก็เยอะมาก บางคนไม่ชอบอะไรเลย ชอบแค่วิ่งก็ทำเลย" เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า "hahaha : the happy girls" และคุ๊กบุ๊ค "homemade happyness" เน้นย้ำ
 
                ทั้งนี้ สาวแอ๊คทีฟ ยังฝากทิ้งท้ายว่า การออกกำลังกายถือเป็นการจัดระเบียบชีวิตตัวเอง ต้องคิดว่าทำให้ได้ เมื่อทำได้ถือว่าท้าทาย จริงๆ ทุกเรื่องเป็นสิ่งที่ดี ทั้งออกกำลังกาย กินอาหาร การพักผ่อน การดีต่อผู้คนรอบข้าง การสำนึกบุญคุณคน  เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ว่าคืออะไรและควรทำ เพราะฉะนั้นการทำพื้นฐานในชีวิตให้ได้ทีละอย่าง จึงเป็นการประสบความสำเร็จ ซึ่งไม่จำเป็นที่ต้องได้งานที่ดีที่สุด แต่มีพื้นฐานชีวิตที่ดีที่สุดแล้วทำให้ครบ แค่นี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว