สไลต์บริหารธุรกิจรีสอร์ท'สุเทพ เดชอนันตชาติ' | คมชัดลึก

 

               การต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจรีสอร์ทในยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ดเช่นนี้ใช่ว่าจะง่าย หากไม่ได้นักบริหารจัดการที่กล้าสู้ กล้าลุย กล้าตัดสินใจ เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด ยิ่งสถานที่ตั้งไม่มีแหล่งท่องเที่ยวระดับอันซีน แล้วยังเต็มไปด้วยคู่แข่งทางธุรกิจมากมาย อย่าง "โยโกะ ริเวอร์แคว รีสอร์ท" ที่พักระดับหรูริมแม่น้ำแควใหญ่ในท้องที่ ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ภายใต้การกุมบังเหียนของคนหนุ่มรุ่นใหม่ "สุเทพ เดชอนันตชาติ" หรือที่บรรดาเหล่าพนักงานรู้จักกันดีในนาม "ผู้จัดการตุ๋ย" คงยากที่จะหลุดรอดมาได้ แต่เขาประสบผลสำเร็จอย่างสวยงาม แต่ละวันจะมีลูกค้าเข้าไปอุดหนุนไม่ขาดสาย ถึงช่วงเทศกาลและฤดูกาลท่องเที่ยว "ไฮซีซั่น" ต้องจองเป็นแรมเดือน

               “กาญจน์ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวที่เป็นอันซีน มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างสวนผึ้ง ราชบุรี ปาย แม่ฮ่องสอน หรือเชียงใหม่ หรือเขาค้อ เพชรบูรณ์ แต่เมืองกาญจน์เป็นเมืองที่สงบ มีธรรมชาติที่หลากหลาย เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนจริงๆ” สุเทพ สะท้อนถึงการทำธุรกิจรีสอร์ทที่ จ.กาญจนบุรี ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมากับอาชีพขายมาอย่างโชกโชน ในตำแหน่งเซลล์แมน ในบริษัทชั้นนำข้ามชาติ อย่างบริษัท ฮอนด้า คาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปลูกฝังพนักงานทุกคนว่า ความพึงพอใจของลูกค้าต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ลูกค้าคือพระเจ้า จะทำอย่างไรให้ลูกค้ามีความพึงพอใจมากที่สุด ผสมผสานกับประสบการณ์อันยาวนานถึง 10 ปี ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาด โรงงานผลิตเม็ดพลาสติก ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว ทำให้เขาเสริมความแข็งแกร่งได้ไม่น้อยที่มาประยุกต์ และวางกลยุทธ์ทางธุรกิจรีสอร์ทให้เหมาะกับพื้นที่ พร้อมๆ กับการนำของดีกาญจนบุรี ความเป็นธรรมชาติที่สวยงาม และเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์มาวางเป็นคอนเซ็ปต์ในการจัดสร้างรีสอร์ท ทำให้เขาพ้นวิกฤติได้อย่างทุกวันนี้

               “ผมจบวิชาเอกด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ คณะบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เมื่อปี 2533 ก็ไปเป็นเซลล์อยู่ที่บริษัทฮอนด้าได้ 1 ปี ก็ลาออกมาช่วยครอบครัวทำธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก มาช่วยดูแลด้านการตลาดทั้งหมดเป็นเวลา 10 ปี กระทั่งครอบครัวจำต้องล้มเลิกทำธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก ด้วยสภาวการณ์ตลาดไม่เอื้ออำนวย จึงหันมาประกอบธุรกิจผลิตเครื่องสำอางแทน พร้อมๆ กับการพัฒนาพื้นที่ว่างเปล่าที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ใน ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี บนเนื้อที่กว่า 50 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็นรีสอร์ท โดยทางครอบครัวมอบให้ผมรับผิดชอบในการบริหาร" เขาย้อนที่มาก่อนทำรีสอร์ท

               สุเทพ เริ่มจากรีสอร์ทเล็กๆ เสมือนหนึ่งเป็นการเริ่มต้นใหม่ เมื่อปี 2548 เขาต้องทำทุกอย่างตั้งแต่งานก่อสร้าง ดูแลห้องพัก บริการลูกค้า ทำบัญชี ถึงวันนี้ก็ 10 ปีแล้วยังสร้างอีกต่อไป ได้ไอเดียใหม่ๆ ก็นำมาทำ ได้รับคำแนะนำจากลูกค้าก็เอามาเพิ่ม จนวันนี้ธุรกิจรีสอร์ท ภายใต้การบริหารของเขาได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวผู้มาใช้บริการว่าเป็นรีสอร์ทอิงธรรมชาติที่น่าพักที่สุด เมื่อเทียบกับที่พักในละแวกเดียวกัน เพราะไม่ใช่แค่ทำเลที่ตั้งดีเท่านั้น แต่การจัดวางรูปแบบของที่พัก โดยดึงจุดเด่นทางธรรมชาติและเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญ มาเนรมิตห้องพักให้มีแบบฉบับเฉพาะตัว

               ขณะเดียวกัน สุเทพ นำกระแสคนรักสุขภาพ มาประยุกต์ ด้วยการรังสรรค์เมนูอาหารเพื่อสุขภาพเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคที่มาใช้บริการรีสอร์ท โดยลงทุนทำแปลงพืชผัก สมุนไพรและไม้ผลปลอดสารพิษในรีสอร์ทเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบให้แก่โรงครัว จึงไม่แปลกเลยว่า ภายในรีสอร์ทแห่งนี้เต็มไปด้วยแปลงพืชผัก สมุนไพร ไม้ผลปลอดสารเคมี  ซึ่งมาจากแนวคิดของผู้จัดการตุ๋ยที่นอกจากให้ลูกค้าที่มาใช้บริการมีความสุขกับการพักผ่อนแล้วยังได้รับประทานอาหารที่ปลอดภัยต่อสุขภาพด้วย โดยพืชผักที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการประกอบอาหารจะปลูกเองทั้งหมดที่ผ่านมากระบวนการผลิตในระบบอินทรีย์ 100%

               "เราใช้พื้นที่ประมาณ 4 ไร่อยู่ด้านล่างติดแม่น้ำแคว 2 ไร่ ส่วนนี้จะปลูกพืชผักสมุนไพร เช่น ผักกวางตุ้ง ผักบุ้ง ถั่วฝักยาว พริก ตะไคร้ ใบมะกรูด และด้านหน้ารีสอร์ทอีก 2 ไร่ ตรงนี้จะปลูกไม้ผล เช่นมะละกอ แก้วมังกร ผักหวาน พืชผักที่ปลูกทั้งหมดเราป้อนให้แก่โรงครัว ผลผลิตบางส่วนเราก็จะขายให้ลูกค้าที่มาพักด้วย” สุเทพ กล่าว

               สำหรับกระบวนการผลิตพืชผักและไม้ผลของรีสอร์ทนั้น สุเทพยืนยันว่า เป็นระบบเกษตรอินทรีย์ 100% จะไม่มีการใช้ปุ๋ยเคมีหรือสารเคมีใดๆ ในทุกขั้นตอนการผลิต เริ่มตั้งแต่การเตรียมดิน จะใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ใช้น้ำส้มควันไม้ไล่แมลง จะเห็นว่าลักษณะพืชผักจะไม่ค่อยสวยงาม แต่รับรองว่าปลอดภัยต่อสุขภาพอย่างแน่นอน

               "แปลงพืชผักและไม้ผลของเรา มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาวางระบบให้ โดยมีการให้น้ำด้วยสปริงเกลอร์และระบบน้ำหยด โดยใช้ระบบการปลูกสลับกันไปเพื่อไม่ให้ผลผลิตมีมากเกินความต้องการ เน้นพืชผักตามฤดูกาล โดยมีหัวหน้าโรงครัวเป็นผู้วางแผนและสั่งการมายังคนงานที่รับผิดชอบแปลงปลูก ทั้งสองฝ่ายนี้จะมีการกระชุมวางแผนกันตลอดทุกวัน”
 
               นอกจากจุดเด่นในเรื่องของธรรมชาติ และอาหารเพื่อสุขภาพ  และการนำของดีเมืองกาญจน์แล้ว สุเทพยังนำตำนานย้อนยุค รำลึกถึงอดีตเมืองประวัติศาสตร์ยุคสงครามโลกที่ผู้เป็นบิดาได้เก็บสะสมเอาไว้  โดยจัดห้องสำหรับนิทรรศการของเก่า ภายใต้ชื่อ กาญจน์ ครั้งหนึ่งอีกด้วย ตรงนี้ก็เป็นอีกไฮไลท์ในการดึงดูดใจผู้ใช้บริการได้ไม่น้อย

               "อันนี้แนววินเทจ เป็นยุคกลับคืนสูสามัญมั่ง (หัวเราะ) อะไรที่เป็นของเก่าควรอนุรักษ์ในสมัย 60-70 ปีที่แล้ว เราก็พยายามอยากให้คนรุ่นใหม่ได้เห็น ทีวีขาวดำสมัยก่อนเป็นยังไง เครื่องตัดผมเป็นยังไง เครื่องถ่ายหนังเป็นยังไง อย่างแผ่นโปสเตอร์หนังในยุคแรกมีเยอะมาก อันนี้ต้องยกเครดิตให้คุณพ่อ อย่างที่บ้านเต็มไปด้วยนาฬิกาปลุก พอถึงเวลาดังโป้งเป้งๆ มันไม่มีคนเห็น อย่างมากมีแต่คนในครอบครัว วันนี้เราทำธุรกิจตรงนี้ ท่านก็บอกให้ยกมาไว้ที่นี่เลย คนอื่นเขาจะได้เห็นของเก่าที่มีคุณค่า"
  
               ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเป็นตัวจักรสำคัญการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจรีสอร์ทและธุรกิจบริการให้ย่านนี้เข้าด้วยกัน  มีการเอื้อประโยชน์ต่อกัน โดยจะรับงานเฉพาะที่ถนัดเท่านั้นและกระจายงานที่ไม่ถนัดออกไปให้กลุ่มธุรกิจที่เขามีความชำนาญรับไปแทน เพราะเขามองว่า การทำธุรกิจเราจะไม่แข่งขันกัน แต่จะเอื้อต่อกัน อย่างล่องแพ  เขาไม่ถนัดก็ให้คนที่เขาถนัดทำไป ลูกค้าต้องการล่องแพเขาก็ส่งให้  ถ้าลูกค้าเขาอยากได้ที่พักดีๆ เขาก็ส่งมาให้ที่โยโกะ ริเวอร์แคว รีสอร์ทการทำธุรกิจจึงอยู่ด้วยกันได้
 
               จึงไม่แปลกที่วันนี้ "โยโกะ ริเวอร์แคว รีสอร์ท" เต็มไปด้วยลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ทั้งขาจร ขาประจำ ตลอดจนกรุ๊ปทัวร์ ทั้งชาวต่างชาติและคนไทย อันเป็นผลมาจากกลยุทธ์เชิงบริหารของผู้จัดการที่ชื่อ "สุเทพ เดชอนันตชาติ" 

กว่าจะมาเป็น"โยโกะ ริเวอร์แควฯ"

               โยโกะ ริเวอร์แคว รีสอร์ท ที่พักระดับหรู ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 50 ไร่ติดแม่น้ำแควใหญ่ ใกล้กับเส้นทางรถไฟสายมรณะ ในท้องที่ ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ปัจจุบันมีห้องพักจำนวนทั้งสิ้น 99 ห้อง แต่ละห้องมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป อาทิ เรือนแพ 20 ห้อง บ้านไทย 28 ห้อง บ้านโรมัน 6 ห้อง บ้านดิน 4 ห้อง บ้านชมจันทร์ 6 ห้องบ้านถ้ำ 2 ห้องและบ้านบอลติก 1 ห้อง นอกนั้นจะเป็นห้องรวม โดยแต่ละห้องจะมีทัศนียภาพที่แตกต่างกันไป และมีข้อดีที่ต่างกัน เพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสเลือกพักในสไตล์ที่ตัวเองชอบ 

               มีห้องพักหลากหลายสไตล์นั้นถือเป็นกลยุทธ์ในการดึงลูกค้าให้กลับมาใช้บริการอีกและมีส่วนสำคัญในการสร้างความประทับใจแก่ลูกค้ามากกว่ามาพักในห้องสี่เหลี่ยมเหมือนรีสอร์ททั่วไป ส่วนราคานั้นเริ่มต้นที่ 1,500 บาทต่อคืน จนถึง 5,000 บาท โดยห้องบอลติกมีราคาแพงที่สุด รองลงมาเป็นบ้านโรมัน เรือนแพและบ้านดิน

จากเซลล์แมนขายรถสู่ผจก.รีสอร์ทหรู
 
               สุเทพ เดชอนันตชาติ มีชื่อเล่น ตุ๋ย เป็นบุตรชายคนโตในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 6 คนของอนันต์ เดชอันนตชาติ ประธานกรรมการบริหารเครือสยามโยโกะ จบชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนกุหลาบวิทยา ย่านตลาดน้อย จากนั้นต่อในระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดไตรมิตรวิทยาราม ก่อนเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีด้านการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  หลังสำเร็จการศึกษาในปี 2533 เริ่มทำงานครั้งแรกในตำแหน่งพนักงานขาย บริษัท ฮอนด้า คาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ก่อนย้ายมาตั้งผู้จัดการฝ่ายการตลาดและการขาย โรงงานผลิตเม็ดพลาสติก ประมาณ 10 ปี จึงเข้ามารับผิดชอบธุรกิจรีสอร์ท ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวในตำแหน่งผู้จัดการเมื่อปี 2548 จนกระทั่งปัจจุบัน

"มองมุมบวก" สะท้อนมุมมองจากบิดา
 
               อนันต์ เดชอนันตชาติ ประธานกรรมการบริหารเครือสยามโยโกะกล่าวถึงแนวคิดการบริหารในเชิงธุรกิจของลูกชายคนโต ในฐานะผู้จัดการโยโกะ ริเวอร์แคว รีสอร์ท โดยมองว่าเหมาะสำหรับเขาในการบริหารธุรกิจบริการ เนื่องจากบุตรชายคนนี้มีประสบการณ์มาทางด้านนี้โดยตรง อีกทั้งเขาเป็นคนมองโลกในแง่ดี ทำให้การทำงานบางครั้งเมื่อเกิดการผิดพลาด ดูเหมือนเลวร้าย แต่ก็สามารถผ่านไปได้ด้วยดี ด้วยเหตุที่เขามองในมุมบวก
 
               "ตุ๋ยเขาเป็นคนมองโลกในแง่ดี มองแต่มุมบวก เขากล้าสู่กล้าลุย ทำให้ได้ใจลูกน้อง อีกมุมหนึ่งเขาเป็นคนง่ายๆ นิสัยเป็นคนอ่อนน้อม  เป็นกันเองกับลูกค้าดีมาก ผมไม่ได้ชมนะ แต่ลูกค้าที่รู้จักกับเขามาเล่าให้ฟัง ส่วนข้อเสียของเขาก็มีเหมือนกัน บางครั้งก็ขาดความใส่ใจในรายละเอียด มองข้ามในบางสิ่งที่ลูกค้าอาจมองเป็นเรื่องใหญ่" อนันต์ให้มุมมอง