เจคิว ปูม้านึ่งฯจับเทรนด์ใหม่ขายผ่านสังคมออนไลน์
เจคิว ปูม้านึ่งฯจับเทรนด์ใหม่ เสิร์ฟร้อนส่งถึงที่-ขายผ่านสังคมออนไลน์ : คมคิดธุรกิจนิวเจน
เวลานี้ถ้าอยากจะกินปูม้านึ่งสัก 1-2 กิโลกรัม คงไม่ต้องไปไหนไกล เพียงแค่เปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือ หาเบอร์ "เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery" โทรสั่งก็มีส่งตรงถึงบ้านในเวลาไม่นานนัก พร้อมน้ำจิ้มรสแซบ แถมเดี๋ยวนี้ยังมีเมนูอื่นๆ พ่วงเข้ามาอีก ไม่ว่าจะเป็นกุ้งเผา หอยเผา หรือหมูทอดเจ๊จง ไส้กรอกแม่ไก่ มะม่วงเบา พร้อมกะปิโหว่ปูเปรี้ยว และพุดดิ้ง มะพร้าว เรียกว่าสะดวกสบายและอิ่มอร่อยแบบครบเครื่องกันเลยทีเดียว
กิจการ เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery เพิ่งเริ่มต้นเมื่อราว 4 ปีก่อนในรูปแบบส่งทุกที่ ไม่มีหน้าร้าน จนปัจจุบันสามารถขยายลูกค้าได้ครอบคลุมเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งยังรับคำสั่งซื้อและส่งทั่วประเทศ ด้วยความคิดนอกกรอบของเจ้าของกิจการในการทำตลาดผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ (โซเชียลเน็ตเวิร์ก) จนยอดขายปีล่าสุด (2557) พุ่งไปถึง 200 ล้านบาท เร็วๆ นี้ยังเตรียมขยายกิจการไปสู่การผลิตน้ำจิ้มอาหารทะเลจำหน่ายภายใต้แบรนด์เดียวกันนี้คือ "เจคิว" อีกด้วย
จากความน่าสนใจของธุรกิจที่แม้จะเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานนัก แต่ก็สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด "คม ชัด ลึก" ได้พูดคุยกับ "สุรีรัตน์ ศรีพรหมคำ" หรือ คุณโอ๋ เจ้าของธุรกิจ ถึงไอเดียการสร้างธุรกิจ การจัดการที่นำไปสู่กระแสตอบรับที่ล้นหลามในปัจจุบัน
"ตั้งแต่เริ่มต้นมาจนตอนนี้เข้าปีที่ 4 แล้ว ผลตอบรับดีมาก คือช่วงแรกๆ เราคิดลองทำก่อน เพราะต้องการระบายวัตถุดิบคงเหลือจากที่เราเคยเป็นตัวกลางในการจัดส่งอาหารทะเลสดไปยังร้านอาหาร ภัตตาคารและโรงแรม แต่เมื่อมีลูกค้าสั่งซื้อเยอะขึ้นก็ไม่ได้ส่งตามร้านอาหารแล้ว แต่มาขายของเราเองเป็นหลัก ซึ่งผลตอบรับดีมาก อีกทั้งการที่ได้ใช้โซเชียลมีเดียทำตลาดด้วย เลยทำให้ลูกค้าขยายไปเร็วและกว้าง นั่นอาจจะเป็นเพราะธุรกิจเราแปลก คือขายปูม้านึ่งผ่านเฟซบุ๊ก เลยเกิดการแชร์ไปในสื่อต่างๆ จนคนรู้จักเรามากขึ้น" คุณโอ๋ กล่าว
ปัจจุบัน เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery มีสาขาครอบคลุมกรุงเทพฯ และปริมณฑลแล้วรวม 16 สาขา และสามารถจัดส่งได้ตามคำสั่งซื้อทั่วประเทศ ทั้งมีลูกค้าหิ้วไปกินไกลถึงนอร์เวย์ อังกฤษ ฝรั่งเศส และญี่ปุ่นแล้วด้วย
ทั้งนี้ การที่ เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery เติบโตอย่างรวดเร็วนั้น คุณโอ๋ มองว่า เป็นเพราะการขายอาหารเหมือนกับร้านอาหารทั่วไป เพียงแต่ไม่มีหน้าร้านเท่านั้น ซึ่งมีแต่ครัว ทำให้ทางร้านสามารถขายของได้ถูกกว่าร้านอาหารทั่วไปได้ แถมลูกค้าก็สะดวกสบายไม่ต้องหิ้วของหนัก ไม่ต้องเข้าคิว หรือต่อแถวนานๆ เพื่อจะได้กินของอร่อยๆ นอกจากนี้ มองว่าการที่เติบโตได้เร็วก็เพราะ "ความสด" ของอาหารและ "ความแซบ" ของน้ำจิ้มด้วย ซึ่งนั่นคือจุดแข็งของอาหารทะเล จึงทำให้คนจดจำเราได้ ที่สำคัญคือเราใช้โซเชียลมีเดียในการทำตลาด
"มองว่าในธุรกิจอาหารนั้น คีย์ ซักเซส มีอย่างเดียวเลยคือเรื่องของคุณภาพ คืออย่างอาหารทะเล ถ้าของสด อร่อย ลูกค้าก็จะกลับมากินอีก และบอกต่อ สังเกตได้ง่ายๆ คือร้านอาหารที่มีคนรอคิวนานๆ ถ้าอร่อยจริง นานแค่ไหนก็รอได้ ขณะที่อีกร้านไม่ต้องรอนาน คนก็ไม่เข้าถ้าอาหารเขาไม่สด และไม่อร่อย ส่วนการที่เราไม่มีหน้าร้าน ทำให้เราสามารถบริหารจัดการต้นทุนไม่ให้กระโดดไปมาก ราคาของเราก็จะถูกกว่าร้านอาหารทั่วไป 30-40%"
อย่างไรก็ตาม ราคาปูม้านึ่งจะขึ้นลงตามต้นทุน จากแหล่งที่จับมาได้ อย่างที่ขายแรกๆ กิโลกรัมละ 380 บาท ก็ขึ้นมาเรื่อยๆ จนปีที่แล้วราคาต่ำสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 520 บาท มาปีนี้ราคาขยับขึ้นมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 620 บาท แต่ลูกค้าก็ยังสั่งซื้อตามปกติ ยอดขายไม่ตก นั่นเป็นเพราะคุณภาพที่สดจริง อย่างช่วงมีปัญหาการเมืองที่ผ่านมา คนไม่ออกจากบ้าน หรือแม้แต่ช่วงอากาศร้อนจัด ฝนตกหนัก ที่คนจะไม่ค่อยอยากจะออกจากบ้าน ก็ทำให้จะขายดีมาก ส่วนเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง หากเป็นช่วงก่อนปีใหม่และปีใหม่ที่ผ่านมา ยอดขายก็ยังดีมากๆ อยู่ มาลดลงช่วงไตรมาส 3 ของเดือนมกราคมที่ผ่านมานี่เอง แต่พอเงินเดือนออกจนถึงตอนนี้ก็เข้าสู่ระดับปกติแล้ว
ส่วนอุปสรรคก็มีบ้างในเรื่องวัตถุดิบที่อาจจะไม่เพียงพอในบางช่วง เช่นช่วงมรสุม หรือฤดูร้อน ซึ่งจะได้วัตถุดิบน้อยมาก แต่ปัญหาเรื่องการจัดส่งก็จะค่อยๆ แก้และพัฒนาขึ้นมา
ทั้งนี้ อีกหนึ่งวิธีคิดที่น่าสนใจในการดำเนินกิจการของ เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery คือการใช้พันธมิตร "วินมอเตอร์ไซค์" ในการส่งสินค้าให้ ซึ่งคุณโอ๋ เล่าว่า ตั้งแต่เริ่มต้นส่งสินค้ามาจนปัจจุบันก็ยังใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์อยู่ โดยไม่มีการจ้างลูกจ้างพนักงานส่งสินค้า โดยแต่ละสาขาที่มีในปัจจุบัน 16 สาขาก็จะใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์ในพื้นที่ของแต่ละสาขาเอง
"เรามองว่าการจ้างพนักงานส่งของจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และสินค้าเราจะขายดีมากๆ เป็นบางช่วงเท่านั้น โดยเฉพาะช่วงเทศกาล ซึ่งถ้าเราจ้างพนักงานส่งสินค้า ต้นทุนเราก็จะสูงขึ้น ซึ่งก็จะทำให้ต้องไปบวกกับตัวสินค้า ขณะที่การใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ของแต่ละสาขาในพื้นที่เอง ก็ทำให้ตอนนี้ค่าส่งลดลงมากกว่าช่วงแรกๆ โดยตอนนี้อยู่ระหว่าง 30-100 บาทเท่านั้น อีกทั้งวินมอเตอร์ไซค์ก็จะรู้จักพื้นที่ของตัวเองดี จะทำให้สามารถส่งของได้เร็วขึ้น ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เขามีรายได้จาก 2 ทางคือการรับส่งลูกค้าในช่วงเช้าก่อนเข้างานและหลังเลิกงาน ส่วนระหว่างมื้ออาหารเที่ยงและเย็น ก็จะมาส่งของให้กับเรา" สุรีรัตน์ กล่าวและว่า นอกจากนี้ ยังดูแลวินมอเตอร์ไซค์กันแบบเพื่อน พี่ น้อง เหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เช่น การจัดไปเที่ยวด้วยกัน จัดอบรมการบริการจัดส่ง และการจัดงานเลี้ยงกัน
คุณโอ๋ เล่าด้วยว่า สาขาที่มียอดขายสูงสุดตอนนี้คือที่รัชดาฯ ซึ่งเป็นสาขาแรกและอยู่ในละแวกที่มีสำนักงาน คอนโดมิเนียมจำนวนมาก แต่ยอดการสั่งซื้อในแต่ละครั้งจะไม่สูงมากนัก ต่างจากสาขารามอินทรา ที่มีหมู่บ้านจำนวนมาก การสั่งซื้อก็จะสั่งทีละมากๆ ยอดซื้อก็สูงกว่า ส่วนช่วงเทศกาลที่มียอดขายมากที่สุดคือวันแม่ รองลงมาคือวันปีใหม่ วันสงกรานต์ และวันพ่อ ตามลำดับ โดยเฉพาะช่วงที่เป็นวันเทศกาลยอดขายก็จะสูงมากถึงหลักมากกว่าพันกิโลกรัม
สำหรับแผนงานหลังจากนี้ ผู้ก่อตั้ง เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery กล่าวว่า คือการรักษามาตรฐาน พัฒนาระบบคุณภาพของสินค้าและพัฒนาบริการให้มีความชัดเจนมากขึ้น การเพิ่มเมนูอาหารจากร้านค้าอื่นๆ ที่ไม่มีธุรกิจเดลิเวอรี่มาร่วมงานให้มากขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ 10-15 เมนู เพื่อให้สินค้ามีความหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีแผนจะเพิ่มสาขาด้วย
โดยสินค้าที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์คือ น้ำจิ้ม จากเดิมจะเป็นถ้วยพลาสติกและมีฝาปิดแบบง่ายๆ ในเร็วๆ นี้ก็จะทำเป็นถ้วยและปิดฝาด้วยการซีล เพื่อป้องกันสิ่งปนเปื้อนเข้าไปในถ้วย โดยจะจัดทำจากที่เดียวและส่งไปตามสาขาต่างๆ ยังมีแพคเกจจิ้งสำหรับกุ้งเผา ที่ตอนนี้ยังใช้โฟมซึ่งเป็นสินค้าตัวเดียวที่ยังใช้วัสดุชนิดนี้อยู่ เพราะยังไม่สามารถหาแพ็คเกจที่ลงตัวสำหรับกุ้งเผาได้ แต่ตอนนี้กำลังดำเนินการ รวมทั้งจะปรับปรุงในเรื่องคุณภาพของอาหาร เช่น ปู จะต้องได้ขนาดมาตรฐาน เช่นเดียวกับรสชาติของน้ำจิ้ม ขณะที่การจัดส่งก็จะต้องสะดวก รวดเร็ว ทันใจลูกค้า ซึ่งจะต้องอบรมพี่วินมอเตอร์ไซค์ให้มีความสุภาพมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ส่วนอนาคตธุรกิจด้านนี้นั้น สุรีรัตน์ มองว่า อาหารเป็นสิ่งที่คนต้องบริโภคจึงคงไม่มีจุดอิ่มตัว แต่ส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ชอบเรื่องความท้าทาย ซึ่งก็อาจจะมีอะไรแปลกใหม่ให้เห็น หรือมีการพัฒนาในรูปแบบอื่นๆ ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน
การบริการก็ต้องพัฒนาในเรื่องความถูกต้อง แม่นยำ ซึ่ง สุรีรัตน์บอกว่า ในตอนนี้เรามีคอลเซ็นเตอร์ทั้ง 16 สาขาแล้ว จากนี้ก็จะเพิ่มมาตรฐานของระบบฐานข้อมูล เพื่อให้การบริหารจัดการง่ายขึ้น ทำเป็นระบบมากขึ้น ขณะที่การขยายสาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีเป้าหมายจะเปิดอีก 4 แห่ง เพื่อให้ครบ 20 แห่ง โดยการเปิดสาขาของเราทั้งหมดจะไม่ทำเป็นแฟรนไชส์ แต่จะเป็นของญาติพี่น้องทั้งหมดที่มาช่วยกันดูแล และส่วนเฉพาะตัวเองจะดูแล 5 สาขา
"การที่ไม่ขายแฟรนไชส์ เพราะมองว่า ธุรกิจอาหารที่เปิดเป็นแฟรนไชส์ยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะอาหารไทยมีความละเอียดอ่อน เหมือนอย่างไข่เจียว แค่ที่เราทำ กับที่แม่เราทำก็ยังอร่อยไม่เท่ากันเลย นั่นเป็นเพราะเกี่ยวกับเรื่องของอารมณ์ และศิลปะ ซึ่งสอนกันยาก ส่วนการขายปูม้านึ่งก็ไม่ได้ใช้ทักษะมากนัก วัดได้ด้วยสเกล และการวัดทางสายตา การชั่งกิโล จึงทำให้เติบโตเร็ว แต่หากขยายสาขาไปเป็นของคนอื่นคิดว่าจะต้องใช้การควบคุมมาตรฐานที่สูงมาก เพราะบางครั้งในเรื่องวัตถุดิบหากไม่พอ เราก็ไม่รู้จะสามารถไปตอบสาขาได้อย่างไร แต่ถ้าเป็นสาขาของพี่น้องกันเองเราก็แบ่งๆ กันไปเท่าที่มี รวมถึงการเช็กสต็อกที่ต้องทำทุกวัน ถ้าเหลือเราก็จะมาแกะเนื้อปูออก ทำเป็นอาหาร เช่นทำเป็นขนมจีนน้ำยาปู แต่ถ้าเป็นแฟรนไชส์เราไม่รู้ว่าเขาจะทำได้เหมือนเราหรือไม่ เราจะตรวจสอบได้ชัดเจนไหม หรือเขาจะซื่อสัตย์เหมือนกับเราไหม ซึ่งถือว่าควบคุมได้ยากมาก"
เมื่อพูดถึงเรื่องเงินลงทุน เธอบอกว่าใช้ทุนของตัวเองทั้งหมดโดยไม่ได้กู้หรือขอสินเชื่อจากธนาคารเพราะใช้เงินลงทุนไม่มากนัก คุณโอ๋ ย้ำว่า อย่างที่บอก คือเราเริ่้มต้นด้วยการใช้ความคิดก่อนใช้เงินเสมอ โดยเรามองหาอะไรใกล้ตัวก่อน ใช้ระบบคอลเซ็นเตอร์ที่ราคาไม่สูงมากนัก หรือเครื่องจักร สำหรับซีลถ้วยน้ำจิ้ม ก็ราคาไม่สูงนักเช่นกัน อีกทั้งยังมองว่าธุรกิจเจคิว ปูม้านึ่ง Delivery เป็นธุรกิจเงินสด ส่วนเวลาเราจ่ายแพปู แพกุ้ง ก็ใช้เครดิตแค่ 2-3 วันเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หากมองยอดขายและผลประกอบการในปัจจุบัน สร้างความพอใจให้แก่สุรีรัตน์ในระดับหนึ่ง หากแต่เธอบอกว่า ถึงอย่างไรก็ยังไม่พอใจในเรื่องมาตรฐานที่เราจะต้องพัฒนาต่อไป เพราะเป้าหมาย คืออยากเห็น เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery มีมาตรฐานเทียบเท่ากับร้านอาหารสากลอื่นๆ ได้ และอยากเห็น เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery มีน้ำจิ้มวางขาย ซึ่งตอนนี้เรามีโรงงาน และมีความพร้อมในการผลิตอยู่แล้ว แต่อยู่ระหว่างการขอ อย. ซึ่งหากได้มาก็พร้อมที่จะผลิตและวางจำหน่ายทั่วประเทศ ภายใต้แบรนด์ "เจคิว"
ส่วนเป้าหมายที่สูงกว่านั้น สุรีรัตน์ บอกว่า "อยากเห็นเจคิว ปูม้านึ่ง Delivery มียอดขายถึง 1,000 ล้านบาทต่อปี และอยากให้ธุรกิจของครอบครัวเรา เป็นธุรกิจอาหารที่มีมาตรฐานเทียบเท่าร้านอาหารที่เป็นแบรนด์ชั้นนำ เพื่อที่เราจะสามารถทำอะไรเพื่อตอบแทนสังคมและคืนกำไรให้แก่สังคมได้มากขึ้นกว่าปัจจุบันที่เราก็ทำอยู่ ซึ่งก็ยอมรับว่าตัวเลขที่ว่านี้ค่อนข้างท้าทายอยู่ และเป็นเป้าหมายที่สูง"
สุดท้าย เจ้าของ "เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery" ให้ข้อคิดดีๆ เอาไว้ว่า "คนสอนเราว่าเป้าหมายมันต้องใหญ่พอ ถึงจะทำให้เรากล้าเดินออกไปต่อสู้ คือจะทำให้เกิดแรงฮึด และเป็นแรงกดดันในเวลาเดียวกัน ที่จะทำให้เราอยากลองทำอะไรใหม่ๆ มากขึ้น"