
บิ๊กโด่งแจงส่งทหารบุกพีซทีวี
30 เม.ย. 2558
"บิ๊กโด่ง" แจง ส่งทหารบุก"พีซทีวี" ขณะ "บิ๊กจิ๋ว"อัดรายการ เพราะไม่เหมาะสม ยันทำตามกรอบกฎหมาย ลั่นไม่ยอมให้เสนอข่าวสร้างแตกแยก
วันที่ 30 เม.ย.58 เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ฝูงเครื่องบินกองการบิน กรมการขนส่งทหารบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ทหารติดตาม พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ในระหว่างออกรายการช่องพีซทีวี ว่า ตนเข้าใจว่าเราดำเนินการตามกรอบกฎหมาย เป็นเรื่องที่พิจารณากันแล้วว่าไม่เหมาะสมเจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการตามพื้นฐานของข้อมูล หลักฐานก็ดำเนินการไปตามนั้น แต่จะไม่ไปละเมิดก้าวก่ายใดๆ หากไม่มีความผิด และไม่พบการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ทางเจ้าหน้าที่ทหารจะไม่ไปเอาโทษใดๆ
ในทางตรงกันข้ามถ้าเราพบข้อมูลก็จำเป็นมีต้องการตรวจสอบ โดยสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ต้องให้ความร่วมมือ เพราะว่ากรอบการดำเนินการต่างๆ ก็เคยตกลงกันแล้ว อย่างชัดเจน ประกอบกับทาง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ก็เป็นผู้รับผิดชอบควบคุมอยู่ด้วย ดังนั้นสิ่งต่างๆ ที่ไม่ถูกต้อง ผิดกติกา ผิดกฎหมาย รวมทั้งการนำเสนอข่าวที่ทำให้เกิดความแตกแยกมีการโจมตีกัน และอะไรต่างๆ เจ้าหน้าที่รัฐคงยอมไม่ได้ ก็ต้องดำเนินการเป็นไปตามนั้น อย่างไรก็ตามตนก็ขอให้ร่วมมือและขอให้ระมัดระวังในการนำเสนอข้อมูล ให้ถูกต้องทำตามกติกาได้ ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทุกอย่างจะเดินไปตามปกติ แต่ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรเราจำเป็นจะเข้าไปดูแล
เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารจะทำความเข้าใจกับ พล.อ.ชวลิต หรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า “ก็คงเข้าใจกันอยู่แล้ว ผมฟังการสัมภาษณ์ดังกล่าว คิดว่าตัวท่านเองคงไม่ไปทำอะไร อีกทั้งท่านก็เคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกองทัพด้วย ทุกคนก็ให้ความเคารพ และให้เกียรติ ดังนั้น คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
"ทีมผู้ประกาศพีซทีวี" ยื่นร้องนายกฯขอความเป็นธรรม
เมื่อเวลา 11.40 น. ที่ศูนย์บริการประชาชน ภายในสำนักงานก.พ. ทีมผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์พีช ทีวี นำโดย นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ เข้ายื่นหนังสือผ่านนายพีระ ทองโพธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน เพื่อขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีเพิกถอนใบอนุญาตออกอากาศช่องรายการพีซทีวี โดยนายธนาวุฒิ กล่าวว่า ที่มายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีวันนี้เพราะเห็นว่านายกฯ เป็นนายกฯของพี่น้องประชาชน จึงอยากฝากถึงนายกฯและคสช.เพราะคำสั่งที่ กสทช.สั่งปิดพีซทีวี โดยอ้างว่าในการจัดรายการมองไกลในวันที่ 18 เม.ย.58 นั้นฝ่าฝืนคำสั่งคสช. จึงมาขอความเป็นธรรม
"เราจำเป็นต้องยื่นหนังสือให้กับนายกรัฐมนตรีไปบอกกับหัวหน้าคสช.ว่าอย่างไรเสีย ไปพูดคุยกับ กสทช.ด้วยว่าการที่ปิดพีซทีวีเป็นไปด้วยความเป็นธรรมหรือมีใครสั่งหรือไม่การปิดพีซทีวีนอกจากพนักงานร้อยกว่าชีวิตแล้วมันอาจกระทบเป็นลูกโซ่กับญาติพี่น้อง ลูกเมียเป็นร้อยเป็นหมื่นชีวิตก็เป็นไปได้" นายธนาวุฒิกล่าว
นายธนาวุฒิ กล่าวว่า ถ้ายังมีการปิดพีซทีวีต่อไปเราจำเป็นจะต้องยื่นหนังสือต่อไปเรื่อยๆ ว่าถึงแม้นายกรัฐมนตรีต้องการให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไตยแต่ยังปิดหูปิดตาประชาชนอยู่นั้นโลกก็ต้องทราบว่าประเทศนี้ต่อไปจะต้องปิดประเทศแช่แข็งประเทศแน่นอน
ขณะที่ น.ส.อรุโณทัย ศิริบุตร หัวหน้าผู้ประกาศพีซทีวี กล่าวว่าอยากขอความเป็นธรรมนายกฯ และให้ใช้อำนาจที่มีสั่งการ กสทช.ให้ใช้กระบวนการในการตรวจสอบเรื่องที่มีการสั่งปิดไม่เฉพาะช่องพีซทีวี ให้เป็นไปตามมาตรา 37 ของกสทช.ที่มีอำนาจสั่งปิดหากมองว่าเราทำผิดจริง แต่ควรให้เป็นไปตามกระบวนการไต่ระดับความผิด ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนการปรับขั้นต้น ปรับขั้นสูงหรือการสั่งปิดชั่วคราวก่อนจะมีการสั่งปิดถาวร ซึ่งการปิดครั้งนี้กสทช.ก็ไม่ได้ทำหนังสือแจ้งเพื่อให้ไปชี้แจงซึ่งกระบวนการที่ผ่านมาก่อนกสทช.จะออกคำสั่งใดก็ตามทุกอย่างจะเป็นไปตามขั้นตอน แต่ครั้งนี้เราไม่ได้รับการปฏิบัติตามขั้นตอน