ข่าว

ดันอีก 6 เส้นทางเพิ่มคุณภาพชีวิต-หนุนลงทุน

ดันอีก 6 เส้นทางเพิ่มคุณภาพชีวิต-หนุนลงทุน

30 ก.ย. 2558

ตรวจแถวโครงข่ายรถไฟฟ้าในเมือง ดันอีก 6 เส้นทางเพิ่มคุณภาพชีวิต-หนุนลงทุน

 
                      จากการเร่งผลักดันโครงการรถไฟฟ้าในเมือง 10 เส้นทางให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ตามนโยบายการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ปัจจุบันโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายเส้นทางมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ ที่ขณะนี้การก่อสร้างงานด้านโยธาสำเร็จแล้ว 100% เหลือเพียงแค่ขั้นตอนนำขบวนรถทดสอบระบบ และกำหนดเปิดให้บริการได้เดือนสิงหาคม 2559  ซึ่งล่าสุดมีการส่งมอบขบวนรถไฟฟ้าที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว จำนวน 3 ขบวน
 
                      รวมทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ก็มีแผนทยอยเปิดให้บริการบางสถานีได้ในปีหน้าเช่นกัน และยังมีโครงการรถไฟฟ้าอีกหลายเส้นทางที่อยู่ระหว่างลงมือก่อสร้าง ได้แก่ สายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายบางซื่อ-ท่าพระ ที่มีความคืบหน้าก่อสร้างงานโยธาไปแล้ว 60% โครงการสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต สายสีเขียวหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่อยู่ระหว่างเริ่มลงมือก่อสร้างและน่าจะใช้เวลาประมาณ 3 ปี จึงจะแล้วเสร็จ  รวมแล้วมี 4 เส้นทางที่เกิดขึ้นแล้ว
 
                      ขณะเดียวกันเพื่อให้การขับเคลื่อนการลงทุนได้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็วและมีความต่อเนื่อง รัฐบาลยังมีการจัดทำเป็นแผนโครงการลงทุนระยะเร่งด่วนในปี 2558-2559 อีกถึง 18 โครงการ มูลค่ากว่า 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งภายในเดือนกันยายนนี้ จะมีการนำโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเมือง 6 โครงการ วงเงิน 425,612 ล้านบาท เสนอเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ส่วนต่อขยายช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ วงเงิน 131,004 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี 110,116 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้า สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี วงเงิน 56,691 ล้านบาท, โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง วงเงิน 54,644 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ส่วนเชื่อม บางซื่อ-หัวลำโพง และบางซื่อ-หัวหมาก วงเงิน 44,157 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ ส่วนต่อขยายพญาไท-บางซื่อ-ดอนเมือง วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาท
 
                      การผลักดันโครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ครั้งนี้ รัฐบาลมีความคาดหวังว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาจราจรในเมืองหลวงและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่คนไทยให้ดีขึ้น ซึ่งในด้านของประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจกับการที่จะมีรถไฟฟ้าใช้ในอนาคตอันใกล้นี้
 
                      น.ส.กัลยภรณ์ พิบูลกนกธำรง  พนักงานบริษัทเอกชน พักอาศัยย่านดอนเมือง กล่าวว่า รู้สึกดีใจและอยากให้โครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงที่กำลังสร้างอยู่เสร็จเร็วๆ เพราะการจราจรบนถนนในกรุงเทพฯ รถติดมาก หากมีรถไฟฟ้ามาให้บริการก็จะช่วยบรรเทาปัญหาจราจรได้ นอกจากจะทำให้ประชาชนเดินทางได้รวดเร็วสะดวกสบายขึ้นแล้ว ยังช่วยให้มีเวลากลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวได้เพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันหลายคนก็มีที่ทำงานอยู่ไกลบ้าน เดินทางลำบาก รถติดเป็น 2-3 ชั่วโมง ก็เลือกไปเช่าห้องพักใกล้ที่ทำงานแทน ทำให้ไม่มีเวลาเจอคนในครอบครัว
 
                      ขณะที่ รุจิรัตน์ ยิ่งเพิ่มมงคล เจ้าของร้านค้าขายวัสดุก่อสร้าง ย่านถนนลาดพร้าว ระบุว่า รู้สึกดีใจที่รัฐบาลสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) เพราะตอนนี้ถนนลาดพร้าวมีปัญหาการจราจรหนักมาก บางครั้งใช้เวลานานเป็น 2-3 ชั่วโมง และพอรถติดนานลูกค้าก็เลี่ยงไม่อยากเข้ามาซื้อของ ทำให้ขายของได้ไม่ค่อยดี แต่ต่อไปหวังว่าถ้ารถไฟฟ้าสายสีเหลืองสร้างเสร็จก็น่าจะช่วยบรรเทาปัญหารถติดถนนลาดพร้าวได้มาก และหวังว่าจะส่งผลดีทางอ้อมต่อธุรกิจ ช่วยให้ทำมาค้าขายดีขึ้นกว่าเดิม
 
                      นอกจากประโยชน์ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนแล้ว การพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าของรัฐบาลยังมีส่วนสำคัญให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนตามมาอีกมหาศาล โดยนายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มองว่า การลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเมืองมีความจำเป็นและสำคัญมากต่อประเทศไทย เพราะที่ผ่านมาไทยขาดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเร่งรัดให้เกิดการลงทุน ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาจราจรภายในเมืองหลวง ช่วยกระจายความเจริญจากเมืองสู่ชานเมือง รวมถึงยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และห้างสรรพสินค้าตามมา
 
                      “การลงทุนโครงการรถไฟฟ้ายังมีประโยชน์ในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าไปได้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เมื่อภาครัฐลงทุนใส่เม็ดเงินสู่ระบบแล้ว ภาคเอกชนก็จะเกิดความเชื่อมั่นและเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับการลงทุนจากภาครัฐ ตลอดจนมีการจ้างแรงงาน ขึ้นค่าจ้าง ส่งผลให้ประชาชนมีรายได้ไปจับจ่ายใช้สอยได้ดีกว่าเดิม ยิ่งกว่านั้นการที่รัฐบาลให้ความสำคัญและประกาศแผนการสร้างรถไฟฟ้าอย่างชัดเจน ยังมีส่วนช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนจากต่างประเทศอีกด้วย" 
 
                      ด้าน นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ให้ความเห็นในงานสัมมนา ศศิน ซีอีโอ รีวิว 2015 โค้งสุดท้ายไตรมาส 4 ปีแพะ ว่า การที่รัฐยังคงเดินหน้าพัฒนารถไฟฟ้าสายต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีผลทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่โดยรอบรถไฟฟ้า ที่ทำให้มีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมากมาย และยังขายได้ดีอยู่ ขณะเดียวกันก็มีผลทำให้ราคาที่ดินในย่านเหล่านั้นสูงขึ้นด้วย เมื่อประกอบกับค่าก่อสร้างที่สูงขึ้นก็ทำให้ราคาคอนโดเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าปีละ 10% และแม้จะมีการเก็งกำไรบ้าง แต่ก็ไม่มากแค่ 10-20% จึงไม่น่ากังวลเพราะผู้ซื้ออีก 80% นั้น เป็นกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง  
 
                      “จากการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตอย่างมั่นคง โดยปี 2558 ประเมินว่า ตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยจะเติบโต 13-15% และปีหน้าจะโตได้อีก 5-7% โดยมีมูลค่าตลาดรวม 6 แสนล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นตลาดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 3.3 แสนล้านบาท" 
 
                      ทั้งหมดล้วนเป็นเสียงสะท้อนทั้งจากประชาชนและนักลงทุนที่ชี้ชัดว่า การลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเมืองของรัฐบาลเป็นโครงการแห่งความหวังที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการคนไทย ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีการเดินทางที่สะดวกสบายรวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นตัวนำพาขับเคลื่อนการลงทุนให้ภาคธุรกิจเอกชนเข้ามาลงทุนได้อย่างแท้จริง