ข่าว

ฝากขัง'อาเดม'ครั้งสุดท้าย

ฝากขัง'อาเดม'ครั้งสุดท้าย

12 พ.ย. 2558

อัยการทหารยังไม่ฟ้อง 'อาเดม - ยูซูฟู' ยื่นฝากขังอีก 12 วัน เป็นครั้งสุดท้าย

 
                      12 พ.ย. 58  เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ศาลทหารกรุงเทพ  เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้ควบคุมตัว นายอาเดม คาราดัก หรือ บิลาเติร์ก มูฮัมหมัด (BILAL TURK MUHAMMED) อายุ 24 ปี และนายไมไรลี ยูซูฟู (MEI RAI LI YU SU FU) อายุ 26 ปี สัญชาติอุยกูร์-จีน สองผู้ต้องหาคดีร่วมกันมีวัตถุระเบิดและยุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 38 , 74 และ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 มาตรา 15 , 42 จากกรณีเหตุระเบิด แยกราชประสงค์ ช่วงค่ำวันที่ 17 ส.ค. 58 ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก และเหตุปาระเบิด จากสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ที่พลาดตกลงไปยังแม่น้ำ บริเวณท่าเรือสาทร เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 58 จากเรือนจำชั่วคราว มณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร.มทบ.11) แขวง ถ.นครไชยศรี มายังศาลทหารฯ เนื่องจากผู้ต้องหาครบกำหนดฝากขัง และรอฟังผลว่าอัยการทหาร จะพิจารณาสั่งคดี
 
                      ขณะที่ผู้ต้องหาทั้งสองเดินทางมาถึงในชุดนักโทษขาสั้นสีน้ำตาล พร้อมติดโซ่ตรวน ด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยทั้งสองมีสุขภาพแข็งแรงดี โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร และราชทัณฑ์คุมเข้มนำตัวเข้าไปยังศาลทันที
 
                      ต่อมาเวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่หาร และราชทัณฑ์ ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองกลับไปยังเรือนจำชั่วคราว เนื่องจากในวันนี้ อัยการทหาร ยังไม่ได้ยื่นสำนวนฟ้อง
 
                      ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการ นายชูชาติ กันภัย ทนายความของนายอาเดม ผู้ต้องหาที่ 1 กล่าวว่า ในวันนี้อัยการทหาร ยังไม่ได้ยื่นสำนวนฟ้องผู้ต้องหาทั้งสอง เนื่องจากคดีมีความซับซ้อน และเอกสารในสำนวนมีจำนวนมาก ดังนั้นในวันนี้ จึงได้เพียงการนำตัวนายอาเดม และนายไมไรลี มาขออำนาจศาลทหารฝากขังครั้งสุดท้าย ซึ่งศาลได้อนุญาตให้ฝากขัง นายอาเดม ตั้งแต่วันที่ 13 - 24 พ.ย.นี้ ส่วนนายไมไรลีนั้นตนไม่ทราบวันแน่นอน เนื่องจากไม่ได้เป็นทนายความ จึงไม่ได้ดูเอกสาร แต่คาดว่าจะนายไมไรลี จะครบกำหนดฝากขังหลังจากนายอาเดม ประมาณ 3 - 4 วัน
 
                      เมื่อถามว่า อัยการทหารแจ้งหรือไม่ จะยื่นฟ้องทั้งสองเมื่อใด นายชูชาติ ทนายความของนายอาเดม กล่าวว่า ส่วนตัวคาดว่าอัยการทหาร จะสั่งฟ้องและยื่นสำนวนฟ้องต่อศาลภายในวันที่ 24 พ.ย.ที่จะครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้ายของนายอาเดม เนื่องจากศาลเร่งรัดให้ทำสำนวนให้เร็วขึ้น ส่วนจะฟ้องข้อหาใดบ้าง จะเป็นไปตามสำนวนการสอบสวน 7 - 8 ข้อหาหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะขณะนี้ยังไม่เห็นคำฟ้องอัยการ ก็ต้องให้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องก่อน จึงจะทราบรายละเอียดทั้งหมด แต่ส่วนตัวคาดว่าอัยการอาจไม่ได้ยื่นฟ้องหมดก็ได้ เพราะใน 7 - 8 ข้อหาชั้นสอบสวนก็มีทั้งการเข้าเมืองผิดกฎหมาย , การปลอมเอกสารราชการ เช่น หนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต , ความผิดเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธในกฎหมายยุทธภัณฑ์ และความผิดต่อชีวิต ซึ่งบางข้อหาไม่น่าจะอยู่เขตอำนาจศาลทหาร แต่เมื่อพฤติการณ์เป็นการทำกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท จึงอาจมีการฟ้องบทหนักสุด ฐานฆ่าผู้อื่นและการครอบครองยุทธภัณฑ์
 
                      เมื่อถามว่า ทนายความได้ต่อสู้เรื่องเขตอำนาจศาลระหว่างศาลทหารและศาลยุติธรรมสำหรับพลเรือนด้วยใช่หรือไม่ นายชูชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการยื่นคำร้อง เพราะต้องรอดูรายละเอียดคำฟ้องอัยการก่อน เพราะเดิมทีคดีนี้เริ่มจากศาลพลเรือน คือ ศาลจังหวัดมีนบุรีที่มีการกล่าวหาความผิดต่อการครอบครองยุทธภัณฑ์อยู่แล้ว แต่ภายหลังมีการดำเนินคดีความมั่นคงในศาลทหาร ดังนั้นจึงต้องรอดูรายละเอียดคำฟ้องอัยการทหารเสียก่อน
 
                      เมื่อถามถึงแนวทางการต่อสู้คดี นายชูชาติ ทนายความของนายอาเดม กล่าวว่า ที่ผ่านมานายอาเดม ก็รับสารภาพข้อหาร่วมกันทำระเบิดจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บฯ ข้อหาพยายามฆ่าและร่วมฆ่าผู้อื่นถึงแก่ตายอยู่แล้ว ส่วนข้อหาอื่นนั้น ตนยังไม่ได้สอบถามนายอาเดม เนื่องจากยังไม่ทราบด้วยว่าอัยการจะฟ้องข้อหาใดบ้าง
 
                      นายชูชาติ กล่าวด้วยว่า วันนี้ในส่วนของนายอาเดม ได้มีการแต่งตั้ง นายคมสันต์ บุญสวัสดิ์ เป็นทนายเพิ่มอีก 1 คนด้วย เพื่อมาช่วยตรวจสอบสำนวนคดีที่มีรายละเอียดมาก รวมถึงเตรียมประสานขอล่ามชาวอุซเบกิสถาน ที่สามารถพูดภาษาอุยกูร์ได้ เพื่อแปลภาษาในกระบวนพิจารณาหลังจากมีการฟ้องคดีให้กับนายอาเดมเพื่อให้ได้ความชัดเจนด้วย เนื่องจากนายอาเดมไม่ชำนาญภาษาอังกฤษ
 
                      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้งสองถูกตั้งข้อหา ดำเนินคดีฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันทำระเบิดจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย , ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ , ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันพกพาอาวุธระเบิดไปในเมือง หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร , ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต