อาฟเตอร์ยูคาเฟ่ขนมหวานปั้นธุรกิจด้วยสมอง-เติมสุขด้วยรอยยิ้ม
'อาฟเตอร์ยู'คาเฟ่ขนมหวานปั้นธุรกิจด้วยสมอง-เติมสุขด้วยรอยยิ้ม : คมคิดธุรกิจนิวเจน
บนเส้นทางการทำธุรกิจทุกรูปแบบทุกประเภท หากขาดความมุ่งมั่นตั้งใจจริง หรือยอมแพ้ตั้งแต่ยกแรกของการก้าวเดินก็ยากที่จะประสบผลสำเร็จได้ อย่างเช่น “ธุรกิจขนมหวาน” ที่ต้องใส่ใจพิถีพิถัน สร้างสรรค์เมนูที่สวยงามน่ารับประทาน ทำสด ใหม่ และที่สำคัญต้องอร่อยถูกใจจนลูกค้าต้องหวนกลับมาลิ้มลองซ้ำหรือบอกต่อจนเป็นกระแส
ร้านอาฟเตอร์ยู (After You) เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เกิดจากความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจของ 2 หนุ่ม-สาวไฟแรง นั่นคือ “เมย์" กุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ และ แม่ทัพ ต.สุวรรณ ซึ่งทั้งสองคนมีความสัมพันธ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และเคยผ่านประสบการณ์การทำธุรกิจร้านอาหารทะเลมาด้วยกันในก่อนหน้านี้ โดยได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวที่ทำธุรกิจส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง แต่การทำธุรกิจในครั้งนั้นไม่ได้ประสบความสำเร็จดังที่หวังไว้ อย่างไรก็ตาม ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง อีกทั้งไม่เคยยอมแพ้ในการทำธุรกิจของทั้ง 2 พี่น้อง ที่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากความล้มเหลว และใช้ความถนัดในด้านที่ตนเองมีอยู่ หันมาเริ่มต้นเปิดธุรกิจคาเฟ่ขนมหวาน (Dessert Café) ดังกล่าว นับเป็นเจ้าแรกในตลาดที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียม แมส
แม่ทัพ ต.สุวรรณ กรรมการ บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการก่อร่างสร้างธุรกิจคาเฟ่ขนมหวานนี้ เกิดจากความสนใจอยากจะทำธุรกิจเดลิเวอรี่อาหาร จึงได้ไปนำเสนอแผนการทำธุรกิจกับญาติผู้ใหญ่ แต่ได้ข้อเสนออีกแบบกลับมาว่าให้ไปช่วยทำธุรกิจร้านอาหารทะเลกับน้อง (“เมย์” กุลพัชร์) ซึ่งในตอนนั้นก็เริ่มต้นทำธุรกิจอย่างจริงจัง แต่ถนนสายนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ การดำเนินธุรกิจไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง โดยใช้เวลาทำธุรกิจอยู่ตรงนั้นหลายปีก่อนจะหยุดไป เพราะไม่ประสบความสำเร็จจริงๆ หลังจากนั้นต่างแยกย้ายกันไปแล้วกลับมาช่วยกันทำธุรกิจร่วมกันอีก
ด้วยความหลงใหลและคลั่งไคล้ในการทำขนมมาตั้งแต่เด็กของ "เมย์” กุลพัชร์ และจากประสบการณ์ที่ลิ้มลองอาหารมาแล้วทั่วโลก จึงทำให้เธอเกิดแรงบันดาลใจในการทำขนมใหม่ๆ เพื่อให้ถูกปากคนไทย ทำให้ในทุกเมนูขนมหวานของ "อาฟเตอร์ ยู" จึงมาจากมันสมองของเธอแทบทั้งสิ้น ขณะที่แม่ทัพบอกว่า เขาเองจะเชี่ยวชาญในเรื่องการบริหารธุรกิจมากกว่า จึงรับทำหน้าที่คุมทัพในแง่ของการบริหารจัดการให้น้อง โดยดูแลงานด้านองค์กรทั้งหมด ทั้งด้านการบริหารและพัฒนาบุคลากร การบัญชี การบริหารสต็อก รวมถึงการตรวจสอบคุณภาพ เรียกได้ว่า มีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนในการทำสิ่งที่ต่างคนต่างมีความถนัด
“เมย์เขามีไอเดียที่จะทำร้านขนม ซึ่งตอนนั้นตัวผมไม่เข้าใจเท่าไร แต่ได้เซตอัพให้ พอเริ่มต้นทำธุรกิจไปก็ได้รับการตอบรับที่ดี มีคิวลูกค้าแน่นเอี้ยดก่อนร้านเปิดมาตลอด แต่ตอนนั้นก็ไม่ค่อยแน่ใจในสิ่งที่ทำอยู่ว่าคืออะไร จนกระทั่งผ่านไป 1 ปี ผมถึงเชื่อสิ่งที่เราทำอยู่คืออะไร ร้านเปิด 11.00 น. แต่ 10.00 น. เริ่มมีคิว หลังจากนั้นก็เลยตัดสินใจเปิดสาขาที่สอง เปิดบริการ 10.00 น. แต่พอ 09.00 น.คิวแน่นเต็มแล้ว จนกระทั่งมาเปิดสาขาที่สาม หันมาลองตลาดที่ใหญ่ขึ้น คือ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ครั้งนั้นเป็นครั้งที่สร้างความมั่นใจให้ทีมงานว่า ธุรกิจเราไปได้จริง ไม่ใช่เกิดจากกระแส มีคนรู้จักอาฟเตอร์ ยู จริงๆ ตอนนั้นเปิดปุ๊บ 20 นาทีมีคิวเต็มร้าน อธิบายไม่ถูกว่ามันคืออะไร ก็เริ่มมั่นใจจากจุดนั้นเป็นต้นมา และหันมาลองตลาดที่ใหญ่ขึ้นจนถึงใหญ่สุด และเห็นว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สามารถต่อยอดได้จริง หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็เริ่มจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่าง มีการขยายกิจการตั้งแต่จุดนั้นเป็นต้นมา ตอนนี้ก็ทำธุรกิจมาจนครบ 8 ปีแล้ว”
แม่ทัพบอกว่า การเริ่มต้นทำธุรกิจจริงๆ มาจากไอเดียที่คิดค้นจากมันสมองล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเมนู ซึ่งมาจากไอเดียของน้องสาว โดยหน้าที่หลักของอาฟเตอร์ยู คือ การเสาะแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดทำให้ลูกค้าพึงพอใจสุดๆ เพราะถ้าอร่อยกินแล้วไม่สนุก ดูแล้วไม่สวยก็ไม่น่าทาน จึงเป็นหน้าที่ที่จะต้องคิดค้นเมนูออกมา เพื่อตอบโจทย์รายได้ของธุรกิจ และสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่ร้านด้วยปัจจุบันพฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มลูกค้าเริ่มเปลี่ยนไป ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของอาฟเตอร์ยู จึงมาจากทุกเพศทุกวัย ทุกกลุ่มอาชีพ เรียกได้ว่า เป็นตลาดที่มีส่วนผสมของลูกค้าที่มีทั้งนักเรียนบ้าง นักศึกษา คนทำงาน ซึ่งเข้ามาใช้บริการที่ร้าน ในขณะที่บางรายหรือบางกลุ่มอาจจะมาใช้บริการ 3 เดือนครั้งหรือมาเดือนละครั้ง ก็ถือว่าเป็นลูกค้าสุดพิเศษสำหรับอาฟเตอร์ยูแล้ว
สำหรับจุดเด่นของร้านอยู่ที่ขนมที่ทำขึ้นสดใหม่ทุกจาน มีเมนูใหม่ทุกเดือน และทุกเมนู 80% จะทำมาจากระบบครัวกลาง และอีก 20% จะทำที่หน้าร้านแบบวันต่อวันเพื่อควบคุมมาตรฐานการผลิต นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับทำเลที่ตั้งที่เข้าถึงลูกค้า โดยสาขาแรกตั้งอยู่ที่เจ อเวนิว ทองหล่อ หลังจากได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างมากมายก็ได้ทยอยเปิดสาขาอื่นๆ ตามมา
“ขนมที่นี่จะมีความโดดเด่นของรสชาติไม่เหมือนใคร ส่วนการให้บริการให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เมื่อลูกค้าเข้ามาแล้วต้องประทับใจ หรือต้องให้ความสำคัญให้ความสุขแก่ลูกค้าได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝากของ การดูแลจัดหาที่นั่งเพิ่ม ซึ่งผมจะชอบมากเวลาเห็นลูกค้าเดินออกจากร้านไปแล้วยิ้มแย้มเฮฮากับเพื่อน และท้ายสุดเป็นเรื่องของบรรยากาศโดยรวม เช่น ความสะอาด ความพิถีพิถัน มาตรฐานในแต่ละสาขาต่างๆ ซึ่งจะต้องมีรสชาติและมาตรฐานเดียวกัน”
ปัจจุบัน “อาฟเตอร์ยู” มีการนำระบบคิวมาช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าเพื่อไม่ต้องรอนานจนเกินไป มีบริการน้ำชาฟรี และล่าสุดบริษัทยังได้รับรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 11 ในด้านมิติการบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า (Customer-Focused Product and Service) การบริหารจัดการด้านการปฏิบัติการ (Operational Best Practice) การบริหารจัดการด้านการปฏิบัติการ (Operational Best Practice) และการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ ในการลงทุนทำธุรกิจดังกล่าว แม่ทัพบอกว่า เงินทุนที่ทุ่มลงไปส่วนใหญ่จะหมดไปกับการลงทุนกับการตกแต่งร้าน สร้างร้าน ประมาณ 3 ล้านบาท และค่ามัดจำต่างๆ ในการทำธุรกิจที่จ่ายให้ห้างสรรพสินค้าที่เข้าในราวหลักล้านบาท ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะเวลาของสัญญาเช่า ส่วนการลงทุนในส่วนครัวใช้งบไม่มาก ซึ่งครั้งแรกของการเริ่มต้นดำเนินธุรกิจใช้เงินลงทุนไปประมาณ 4.5 ล้านบาท แม้ร้านอาฟเตอร์ยู จะเปิดดำเนินการผ่านมาจนครบ 8 ปีแล้ว จนธุรกิจประสบความสำเร็จแล้ว ณ วันนี้ และเริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มทุกเพศทุกวัยมากขึ้น
แต่สองพี่น้องบอกว่า ยังต้องพัฒนาการทำงานให้หนักยิ่งขึ้นเพราะความคาดหวังจากลูกค้าเริ่มทวีมากขึ้น ซึ่งอาจมีความคาดหวังในทุกๆ สาขาที่เข้าไปใช้บริการว่าจะได้มาตรฐานเหมือนกับที่ลูกค้าเคยได้หรือไม่ ทำให้ต้องใส่ใจกับทีมงานหรือพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 500 คน
“พนักงานตอนนี้มีอยู่ประมาณ 500 คน ทุกคนต้องทำงานอยู่ในขอบเขตที่พอดี มีความสุขกับชีวิต บาลานซ์ชีวิตเขาให้ได้เพราะเรามีโรงงานทำขนมด้วย ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่กรุงเทพฯ และเตรียมจะย้ายไปที่จ.สมุทรสาคร ภายในเดือนธันวาคมนี้ เนื่องจากในกรุงเทพมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด มีกฎระเบียบค่อนข้างมาก และค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งการย้ายไปอยู่ที่นิคมฯ ที่สมุทรสาคร สามารถรองรับการการขยายตัวของธุรกิจได้อีกมาก ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนด้านงบประมาณก่อสร้างไปแล้วราว 160 ล้านบาท”
ส่วนการขยายสาขานั้น มีแผนจะทยอยเปิดอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการให้บริการแก่ลูกค้าได้ครอบคลุมในหลายๆ พื้นที่มากขึ้น จากปีนี้ที่ทยอยเปิดสาขาไปแล้วค่อนข้างมาก อาทิ สาขาราชพฤกษ์ เมกาบางนา เดอะมอลล์ บางแค และฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต รวมทั้งสาขาเล็กๆ แถวทองหล่อ โดยในปีหน้าวางแผนจะเปิดสาขาเล็กๆ ที่ย่านทองหล่ออีก 1 แห่ง แต่ละสาขาจะใช้งบประมาณราว 5-8 ล้านบาท โดยขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ และศูนย์การค้า คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ราว 400 ล้านบาท ใน 15 สาขา และคาดว่ารายได้ของธุรกิจจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% และในอนาคตคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ถึง 20 สาขาในกรุงเทพฯ เพื่อรองรับปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
“เลือกทำในสิ่งที่ถนัด”
งานใหญ่คือการทำสิ่งเล็กๆ ให้ประสบความสำเร็จ
แม่ทัพ ต.สุวรรณ จบการศึกษาทางด้านออกแบบอินทีเรียดีไซน์ โพรดักส์ดีไซน์ จากรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากร่ำเรียนจบได้ทำงานอยู่ที่นั่นถึง 3 ปีแล้วจึงกลับมาประเทศไทย โดยเริ่มต้นจากการทำธุรกิจที่บ้าน ซึ่งเป็นธุรกิจสำนักพิมพ์ แต่เพราะไม่มีความถนัดในธุรกิจนั้น ก็เลยแยกตัวออกมาเพื่อทำหนังสือในแนวที่ตัวเองถนัดในแนวไลฟ์สไตล์มากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีความสนใจที่จะทำธุรกิจเดลิเวอรี่ในเวลาต่อมา จนมาลงตัวโดยการเปิดร้านคาเฟ่ขนมหวาน ภายใต้ชื่อ "อาฟเตอร์ยู” ร่วมกับลูกพี่ลูกน้องกับ “เมย์” กุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ
ผู้บริหารหนุ่มบอกว่า หลักการทำงานได้ปรับแนวคิดวิธีการทำงานใหม่หมดเพื่อต้องการให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้ยิ่งขึ้น และในวันนี้รู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่ทำมาเพราะมีความสำคัญต่อธุรกิจ ซึ่งเคล็ดลับหรือหลักแนวคิดในการทำธุรกิจของอาฟเตอร์ยูไม่มีอะไรเลย เพียงแต่นำเอาจุดเด่นของตนเองและน้องสาวมาผสมผสานกัน โดยน้องสาวเป็นผู้คิดค้นเมนูเพื่อให้ถูกปากลูกค้า ทำอย่างไรให้ดูสวยงามน่ากิน ส่วนเขาดูแลงานด้านบริหารองค์กรทั้งหมด ซึ่งเขาบอกว่า หากจะคิดทำธุรกิจจะต้องคิดริเริ่มทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดก่อน และเมื่อเห็นว่าดีก็ลงมือทำเลยเพราะถ้าถามเยอะอุปสรรคก็เยอะตามมา
“ผมอธิบายให้ทีมงานฟังเสมอ ว่างานใหญ่ คือ การทำสิ่งเล็กๆ ให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะกลายเป็นงานใหญ่ที่ยั่งยืน มีที่ไปที่มามั่นคง และผมใช้หลักการนี้มาโดยตลอด สิ่งที่เราประชุมกันจะเป็นการประชุมด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น แก้วน้ำชา กระดาษเช็ดปาก จะวางไว้ตรงไหนดี ใช้กี่แผ่น แจกอย่างไรบ้าง เหล่านี้เป็นเรื่องที่เราใส่ใจมาก แม้แต่เพื่อนผมยังบอกว่าทำร้านอาหารต้องมีออฟฟิศด้วยเหรอ แต่ผมคิดว่างานออฟฟิศทุกอย่างถูกคิดถูกคำนวณงานเพื่อถ่ายทอดมายังสาขาแทบทั้งสิ้น”
จุดประสงค์หลักของอาฟเตอร์ยู จะต้องสร้างความสุขให้ลูกค้าทุกคนที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งความสุขนี้หลากหลายโดยผ่านทางสินค้าขนมหวานที่หลากหลาย และไอศกรีม ส่วนที่เหลือเป็นบรรยากาศโดยรวมที่สวย สะอาด และการให้บริการที่ดีด้วยรอยยิ้ม
“จริงๆ ผมคิดว่าธุรกิจต้องวินวิน หมายความว่า ธุรกิจของเราคือ การสร้างสรรค์ขนม หรือสินค้าด้วยใจเพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจ พร้อมกับบรรยากาศต่างๆ ที่ดี นี่คือ สินค้าของเรา ในทางกลับกันลูกค้าจะต้องรู้สึกว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้ด้วย ดังนั้นหัวใจหลักสำคัญคือ การสร้างความสุขให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ รับประทานขนมที่พิเศษภายใต้บรรยากาศที่ดี การบริการที่ดี การเอาใจใส่ พร้อมกลับออกไปด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจและกลับมาใช้บริการอีก ถือเป็นหน้าที่หลักของทุกคนที่บริษัทผม”
ลูกค้าติดใจอะไรอาฟเตอร์ยู
นายณภัทร จันทร์สว่างภพ อายุ 27 ปี บอกว่า มาร้านอาฟเตอร์ยู สัปดาห์ละครั้งเพราะชอบขนมของที่นี่หวานกลมกล่อม โดยเฉพาะ honey toast ซึ่งเมนูโปรดของที่นี่มีให้เลือกหลากหลายเหมาะจะไปกินเป็นหมู่คณะมากกว่าไปคนเดียว เพราะกินคนเดียวไม่หมด และยังมีการให้บริการน้ำดื่มกับลูกค้าฟรีด้วย แม้ราคาของสินค้าจะแพงแต่เมื่อเทียบกับความอร่อย ท่ามกลางบรรยากาศของร้านที่ตกแต่งสบายตาก็ถือว่าคุ้มค่า
ส่วนน.ส.มนัญญา สนแดง อายุ 25 ปี เป็นลูกค้าอีกรายหนึ่งที่มักจะแวะเวียนไปร้านอาฟเตอร์ยู เดือนละ 2 ครั้ง เธอบอกว่าชอบรับประทานขนมอยู่แล้ว แต่สำหรับขนมที่นี่รสชาติอร่อย เนื้อนุ่มบางเบา หวานกำลังดี แถมยังชอบบรรยากาศของร้านด้วยเพราะแต่ละสาขาตกแต่งน่ารักเหมาะกับสำหรับหนุ่มสาวคู่รัก