
โฆษกรบ.ระอาปูเตะถ่วงคดีข้าว
31 ธ.ค. 2558
โฆษก รบ. ระอา ยิ่งลักษณ์ เตะถ่วงคดี จำนำข้าว หลังขอเพิ่มพยานอีก 18 ปาก ซัดพยานหลายปากแทบไม่เกี่ยวข้อง ย้ำให้โอกาสแก้ต่างเต็มที่แล้ว
31 ธ.ค.58 พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขอยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมเป็นรอบที่สี่ จำนวน 18 ปาก ในการดำเนินคดีความรับผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว ในส่วนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและกำหนดค่าความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว กระทรวงการคลัง ว่า รัฐบาลรู้สึกอ่อนระอาใจกับพฤติกรรมเตะถ่วงเวลาการพิจารณาคดีของนางสาวยิ่งลักษณ์ เพราะที่ผ่านมาเมื่อการสอบปากคำพยานใกล้จบก็จะขอเพิ่มบัญชีพยานมาอีกถึงสามครั้ง รวมหลายสิบปาก และหลายปากก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กว่าจะประสานติดตามมาให้ข้อมูลได้ก็ใช้เวลายาวนานกว่าที่ควรจะเป็น
“รัฐบาลได้อนุมัติขยายเวลาพิจารณาไปสามรอบแล้ว และสิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2558 ซึ่งถือว่าให้โอกาสอย่างมากที่สุดแล้ว ดังนั้นการขอยื่นบัญชีพยานเพิ่มเป็นรอบที่สี่ อีก 18 ปากและบางท่านแทบจะมองไม่ออกว่าเกี่ยวข้องกับคดีอย่างไร เช่น อดีตปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ ,อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัด จึงมองเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก มีเจตนาให้การพิจารณาคดียืดเยื้อ และไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าพฤติกรรมเพิ่มจำนวนพยานจะสิ้นสุดลงเมื่อไร”
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า รัฐบาลยึดมั่นในหลักการของกระบวนการยุติธรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เสียหายได้ชี้แจงแก้ต่างอย่างเต็มที่ และไม่เคยขัดข้อง หากการเพิ่มจำนวนพยานจะช่วยให้มีข้อมูลที่มีนัยสำคัญ หรือข้อมูลใหม่ต่อการพิจารณาคดี แต่หากเป็นความจงใจกระทำเพียงเพื่อซื้อเวลา และทำให้คดียืดเยื้อ ก็เป็นสิ่งที่ไม่บังควร เพราะประชาชนรอฟังคำตอบของคดีนี้มายาวนาน และทุกคดีมีอายุความที่ต้องดำเนินการ หากไม่ตั้งอยู่บนเงื่อนเวลาของกฎหมาย รัฐและประเทศชาติก็จะเสียหาย
“คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ จะเป็นผู้พิจารณาในเบื้องต้นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้ดำเนินการติดตามตรวจสอบมาแล้วมีความครบถ้วนสมบูรณ์เพียงใด มีความสมเหตุสมผลหรือเห็นควรอนุญาตให้เพิ่มบัญชีพยานหรือไม่ แล้วจะเสนอความเห็นมายังรัฐบาลอีกครั้งว่าเห็นควรรับคำร้องขอเพิ่มบัญชีพยานหรือไม่ เพราะเหตุใด”