รวบ4คนร้ายบุกปล้นร้านขายปืน-เร่งล่าอีก1
04 มี.ค. 2559
อุกอาจ! คนร้ายบุกปล้นร้านขายปืนสามยอดพลาซ่า และเกิดการต่อสู้กับเจ้าของร้านจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย ล่าสุดรวบคนร้ายได้แล้ว 4 เสียชีวิต 1 - เร่งล่าตัวอีก 1
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 มีนาคม 2559 พ.ต.อ.สุริยา จำนงโชค พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ หัวหน้างานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายเข้าปล้นร้านขายปืน ห้างหุ้นส่วนอินเตอร์อาร์ม เลขที่127/17 ซอยสามยอดพลาซ่าถ.เจริญกรุง แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม. ที่เกิดเหตุ พบคนร้ายที่ถูกเจ้าของร้านขายปืนและเจ้าหน้าตำรวจยิงสกัด ได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 คน โดยเบื้องต้นพบว่าคนร้ายเป็นชาวต่างชาติพูดภาษาจีน ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ จากการตรวจสอบพบของกลางตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ประกอบด้วย สิ่งเทียมอาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก มีดพกจำนวน 1 เล่ม กุญแจมือจำนวน 1 คู่ วิทยุสื่อสาร จำนวน 2 เครื่อง รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ซูเมอร์เอ็กซ์ สีเดำ ทะเบียน สมค 122 กรุงเทพมหานคร รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าคลิก สีแดง ทะเบียน รษน 788กรุงเทพมหานคร
เบื้องต้นเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 ราย เป็นคนร้ายจำนวน 3 ราย เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยายาบตำรวจ 2 ราย ส่งโรงพยาบาลกลาง 1 ราย ส่วนนายปกรณ์ แดงละม้าย อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายปืน ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ถูกนำส่งโรงพยาบาลศิริราช และ นายสิทธินนท์ มนธาพันธ์ อายุ 32 ปี ลูกจ้างภายในร้าน บาดเจ็บบริเวณหลัง ถูกนำส่งที่โรงพยายาบหัวเฉียว นอกจากนี้ยังมีคนร้ายอีก 1 ราย ซึ่งได้หลบหนีไปอยู่ภายในซอย ศิริชัย1 ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ระดมกำลังทำการปิดล้อม
ต่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. ,พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ทท. ,พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ผบก.น.6 และ พ.ต.อ.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผกก.สน.สำราญราษฏร์ ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พล.ต.ท. ศานิตย์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเจ้าของร้านเปิดร้านได้เพียง 10 นาที ได้มีคนร้ายจำนวน 4 คน บุกเข้าปล้นร้านขายปืนดังกล่าว โดยมีนายปกรณ์ และลูกจ้างเป็นผู้ต่อสู้กับคนร้ายจนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นคนร้ายได้วิ่งหลบหนีไปแต่ถูก ร.ต.อ.ธวัชชัย ผิวอ่อง รองสว.จร.สน.พลับพลาไชย2 ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช ขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ซึ่งเป็นเจ้าของร้านปืนใกล้เคียง ทำการยิงสกัดกั้นจนสามารถจับกุมคนร้ายไว้ได้ก่อน 3 ราย
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.6 ได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายที่หลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุอีก 1 ราย ซึ่งใช้รถจักรยานยนต์ขับเข้าไปในซอยศิริชัย 1 ถนนมหาไชย แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กทม. ก่อนจะซุกซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านไม้ร้าง เลขที่ 372 มี น.ส.ธีรพร บุศยอังกูร เป็นเจ้าบ้าน แต่ขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการกั้นพื้นที่ใกล้เคียง และบอกให้ประชาชนที่พักอาศัยในละแวกดังกล่าวให้ล็อคและอยู่ภายในตัวบ้าน เพื่อความปลอดภัย แต่ยังมีประชาชนยืนมุงดูเหตุการณ์กันอยู่เป็นจำนวนมาก จากนั้นเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.6 จำนวนประมาณ 10 นาย พร้อมอาวุธครบมือเข้าปิดล้อมบริเวณหน้าบ้านดังกล่าว โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนจะเข้าบุกชาร์จจับตัวไว้ได้ในที่สุด ทราบชื่อคนร้ายคือ นายหลี่ คุนเปง (MR.LI KUNPENG) อายุ 26 ปี ชาวจีน-มองโกเลีย ก่อนจะควบคุมตัวมายังบริเวณร้านที่เกิดเหตุเพื่อให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ทำการสอบสวน
ด้าน ร.ต.อ.ธวัชชัย เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนแวะผ่านมาซื้อของภายในสามยอดพลาซ่า ใกล้ๆ ร้านที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงออกมาดู พบคนร้าย 4 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 2 คัน กำลังหลบหนี จึงวิ่งไปสกัด แต่คนร้ายกลับยกปืนขึ้นมาเล็งใส่ตน ทำให้ต้องตัดสินใจใช้ปืนขนาด 9 มม.ประจำกาย ยิงสวนไป 2 นัด กระสุนถูกคนร้ายชุดแรกจนรถล้มลง ก่อนเข้าควบคุมตัวได้ 2 คน ส่วนคนร้ายอีก 2 คน ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์อีกคัน หลบหนีมุ่งหน้าไปทางเครื่องกั้นทางเข้า-ออก ด้านถนนอุณากรรณ์ แต่เผชิญหน้ากับตำรวจนอกเครื่องแบบอีกชุด จึงถูกยิงสกัดเอาไว้เช่นกัน เป็นเหตุให้คนร้าย 1 คน โดนยิงได้รับบาดเจ็บ ส่วนอีกคนวิ่งหลบหนีต่อก่อนถูกปิดล้อมจับกุมตัวไว้ได้ในที่สุด
ต่อมาเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายหลี่ มาสอบปากคำเบื้องต้นที่ร้านขายปืน ห้างหุ้นส่วนอินเตอร์อาร์ม ซึ่งเป็นร้านที่ก่อเหตุ โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ทำการสอบสวนพร้อมกับล่ามชาวจีนเป็นผู้แปล โดยทำการสอบสวนนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา ได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.ศานิตย์ ว่า มีเหตุปล้นทรัพย์ร้านปืน จากการตรวจสอบภายหลังทราบว่าเป็นชาวจีนมองโกเลีย จำนวน 5 คน โดยพกคล้ายอาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก มีดพกจำนวน 1 เล่ม เข้ามาภายในร้านปืนดังกล่าว พฤติการณ์บุกรุกประสงค์ต่อทรัพย์ ซึ่งในกระบวนการทั้งหมดจะมีหัวหน้าใหญ่อยู่ 1 คน เป็นผู้สั่งการ และมีลูกน้องอีกจำนวน 4 คน เป็นผู้ลงมือทำ มีการวางแผนเป็นอย่างดีโดยวันที่ 3 มีนาคม ได้มีการมาดูสถานที่เกิดเหตุก่อนแล้ว จึงลงมือก่อเหตุในวันนี้(4 มี.ค.)
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า จากการซักถาม นายหลี่ ผู้ต้องหารายที่ 4 ที่ร่วมก่อเหตุครั้งนี้ทราบเพียงว่า มาปล้นปืน แต่ไม่ทราบว่าหัวหน้าจะนำปืนไปทำอะไร ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายชาวจีนมองโกเลียทั้ง 4 คนที่ก่อเหตุครั้งนี้ มีการเข้า-ออกภายในประเทศ เดินทางเข้าไทยครั้งแรกพร้อมกันวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยอีก 1 คน ที่เป็นหัวหน้า ซึ่งยังหลบหนีอยู่ เดินทางเข้าออกไทยหลายครั้ง และขณะนี้หัวหน้ายังคงหลบหนีอยู่ในประเทศไทย จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ศานิตย์ และ พล.ต.ต.ทรงพล ดำเนินการติดตามตัวคนร้ายที่หลบหนีมาดำเนินคดี ส่วนรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายขับขี่มานั้นเป็นการสวมแผ่นป้ายทะเบียนปลอม จึงเชื่อได้ว่าน่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ที่ขโมยมาสำหรับก่อเหตุโดยเฉพาะ จากการตรวจสอบไม่มีคนไทยเกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าว
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวต่อว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ 80-90 เปอร์เซ็นต์ มาเพื่อการท่องเที่ยว สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการวางมาตรการที่เข้มงวด อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าของร้านและพนักงานได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุถูกตำรวจยิงได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย
ต่อมาเวลา 13.00 น. พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ทั้งนี้จากการตรวจสอบไม่เคยมีชาวต่างชาติก่อเหตุลักษณะแบบนี้ในย่านพื้นที่นี้มาก่อน เชื่อได้ว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้มีการทำงาน วางแผนกันแบบมืออาชีพ ขณะนี้ได้ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เพื่อทำการตรวจสอบสกัดกั้นคนร้าย สำหรับรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุนั้นเป็นการเช่า ซึ่งต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบสวน นางกัญธิรา ลิ้มอุปถัมภ์ อายุ 38 ปี ภรรยาเจ้าของร้านขายปืนที่เกิดเหตุ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตน พร้อม นายปกรณ์ และ นายสิทธินนท์ อายุ 32 ปี ลูกจ้างกำลังเตรียมตัวเปิดร้าน แต่ยังไม่ได้นำอาวุธปืนออกจากตู้เซฟมาโชว์หน้าร้าน จู่ๆ ก็มีคนร้าย 4 คน ใช้ รถจักรยานยนต์ 2 คัน สวมหมวกนิรภัยและผ้าคลุมบังใบหน้า ถืออาวุธปืนแบบกึ่งอัตโนมัติ 2 กระบอก และมีดพับอีก 2 เล่ม เข้ามาในร้านไม่พูดพร่ำทำเพลง เข้ามาส่งเสียงกรรโชกเป็นภาษาจีน จะขอกุญแจเปิดตู้เซฟปืน ทางสามีและลูกจ้างตนจึงเข้าไปห้ามปรามและเกิดการต่อสู้ ทำให้สามีถูกมีดฟันที่มือ ส่วนลูกจ้างโดนตีศีรษะแตกและแทงเข้าที่ไหปลาร้า โดยระหว่างนั้นตนวิ่งหนีเข้าไปขังตัวเองในห้องน้ำ โดยคนร้ายยังตามมาถีบประตูจนพัง จากนั้นพอเห็นท่าไม่ดี ใช้เวลานานแล้วยังไม่ได้ทรัพย์สิน คนร้ายจึงพากันออกสตาร์ทรถหลบหนีไป กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ผ่านมาประสบเหตุยิงสกัดกั้นเอาไว้ได้รับบาดเจ็บและถูกจับกุมได้ทั้งหมด
ขณะที่ นายวิเชียร สุภาพ เจ้าของร้านขายปืนอำนาจและเป็นอดีตนายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจอาวุธปืนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คนร้ายแก๊งนี้มาดูเส้นทางหลบหนีตั้งแต่เวลา 17.00 น. วันที่ 3 มี.ค.แล้ว โดยพบว่ามาวนรถจักรยานยนต์ดูลาดเลานานนับชั่วโมง โดยไม่ยอมถอดหมวกนิรภัย ก่อนเกิดเหตุก็พบว่าเดินทางมาถึงในช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 07.00 น. ไม่คิดว่าจะเป็นชาวต่างชาติ และกล้าลงมือก่อเหตุอย่างอุกอาจได้ถึงขนาดนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า การสืบสวนพบเบาะแสอีกว่าคนร้ายกลุ่มนี้ได้มีการหาข้อมูลเกี่ยวกับร้านนี้มาเป็นอย่างดี ผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ต โดยร้านดังกล่าวมีจำหน่ายอาวุธปืนชนิดพิเศษ ที่มีอานุภาพรุนแรงไม่เหมือนกับเจ้าอื่น ทำให้เชื่อว่าคนร้ายตั้งใจและเตรียมการมาเป็นอย่างดีเพื่อมาก่อเหตุในร้านแห่งนี้โดยเฉพาะ สำหรับคนร้ายทั้ง 4 รายที่ก่อเหตุครั้งนี้ ประกอบด้วย นายหลี่ คุนเปง (MR.LI KUNPENG) อายุ 26 ปี ,นายวู เซี่ยงจุน (MR.WU XINGJUN) อายุ 35 ปี ,นายม๋า เกิง (MR.MA GENG) อายุ 34 ปี และนายซุน จุนเว่ย (MR.SUN JUNWEI) อายุ 27 ปี ซึ่งเสียชีวิต ทั้งหมดเป็นชาวจีนมองโกเลีย
ภาพจากกล้องวงจรปิด! พลเมืองดีช่วยไล่จับคนร้ายปล้นร้านปืน
ภาพชุด! ตำรวจรวบคนร้ายปล้นร้านปืน
----------------------------------
(เครดิตภาพ : อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง)