วิบากกรรมของหมอปากีสถาน ผู้ช่วยแกะรอยสังหารบินลาเดน
03 พ.ค. 2559
วิบากกรรมของหมอปากีสถาน ผู้ช่วยแกะรอยสังหารบินลาเดน
ท่ามกลางความมืดของคืนวันที่ 2 พฤษภาคม 2554 เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำนำทีมซิกส์ ทีมชั้นยอดของหน่วยรบพิเศษซีลส์ แห่งกองทัพเรือสหรัฐลงแตะพื้นใกล้บ้านหลังหนึ่งในเมืองอับบอตทาบัด ประเทศปากีสถาน ที่อยู่ห่างจากวิทยาลัยทหารแค่กิโลเมตรเดียว ก่อนจู่โจมบุกยิงนายโอซามา บิน ลาเดน อดีตผู้นำเครือข่ายอัลไกดา และจากไปพร้อมกับศพของบุคคลที่สหรัฐเชื่อว่าเป็นผู้บงการก่อวินาศกรรมครั้งร้ายแรงที่สุดบนแผ่นดินตัวเองเมื่อ 11 กันยายน 2544 ในเวลาไม่กี่นาที โดยทิ้งเฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์คที่เสียหายขณะลงจอดหนึ่งลำไว้เบื้องหลัง
การปลิดชีพอดีตศัตรูหมายเลขหนึ่ง ปิดฉากภารกิจที่มีการวางแผนอย่างใจเย็นและอดทนเป็นสิบปี เป็นความสำเร็จทางการเมืองอย่างยิ่งใหญ่ของประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้ตัดสินใจไฟเขียวปฏิบัติการชำระแค้นให้ชาวอเมริกัน แต่ครบรอบ 5 ปีแห่งความสำเร็จนี้ ยังเป็นการครบ 5 ปีของโครงการวัคซีนกำมะลอที่ช่วยให้สำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (ซีไอเอ) ใช้อำพรางแกะรอย จนนำไปสู่การปลิดชีพบินลาเดนได้สำเร็จด้วย โดยนพ.ชาคิล อาฟรีดี ผู้ให้ความช่วยเหลือ กลายเป็นนักโทษอยู่ในเรือนจำและผู้สนับสนุนของเขากำลังสิ้่นหวัง รู้สึกว่าถูกสหรัฐทอดทิ้ง เพื่อเลือกรักษาความสัมพันธ์กับรัฐบาลอิสลามาบัด
อันที่จริง จนถึงวันนี้ บทบาทของนพ.อาฟรีดี ในปฏิบัติการลอบสังหารบันลือโลก ยังไม่ชัดเจน ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าได้ให้ความช่วยเหลือซีไอเออย่างไร เท่าที่ทราบกันคือ นพ.อาฟรีดีทำโครงการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบซีบังหน้า เป้าหมายแท้จริงคือ เก็บตัวอย่างพันธุกรรมจากคนในเมืองอับบอตทาบัด เมืองที่เป็นเหมือนป้อมปราการ เพราะเป็นที่ตั้งของวิทยาลัยทหารปากีสถาน หรือเวสต์พอยต์ของปากีสถาน และยังเป็นที่ตั้งเคหสถานของผู้นำอัลไกดาและครอบครัวนานหลายปี จนน่าสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพปากีสถานน่าจะให้ความคุ้มกันอยู่ด้วย
ไม่กี่สัปดาห์หลังภารกิจลับครั้งนั้น นพ.อาฟรีดี วัย 50 ปีเศษ ถูกจับกุมและคุมขัง ในข้อหามีความสัมพันธ์โยงใยกับกลุ่มก่อการร้าย แต่ทนายของเขาปฏิเสธ ขณะผู้สังเกตการณ์เชื่อว่า รัฐบาลปากีสถานใช้ข้อหานี้ลงโทษนายแพทย์ แทนพิจารณาคดีในข้อหากบฏทรยศต่อประเทศชาติด้วยการช่วยเหลือต่างชาติ เพราะหากเล่นงานด้วยข้อหานี้แล้ว การพิจารณาคดีก็จะหมายถึงการสาวไส้บทบาทของรัฐบาลอิสลามาบัดในการให้ที่พักพิงแก่บินลาเดนตามไปด้วย
หลังศาลตัดสินลงโทษนพ.อาฟรีดี จำคุก 33 ปี คณะกรรมาธิการชุดหนึ่งของวุฒิสภาสหรัฐ เคยลงมติตัดความช่วยเหลือปากีสถาน 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามจำนวนปีที่ตัดสินลงโทษจำคุกปีละ 1 ล้านดอลลาร์ ต่อมา โทษจำคุกลดลง 10 ปี เหลือ 23 ปี
แต่นับจากนั้นมา แรงกดดันของสหรัฐที่ขอให้ปล่อยตัวหมอเจ้าของโครงการวัคซีนบังหน้า ก็แผ่วลงไปตามกาลเวลา
นายอาห์เหม็ด ราชิด ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงในปากีสถาน แสดงความเห็นว่า วอชิงตันปล่อยวางเรื่องนี้ และเลือกไปมุ่งเรื่องสำคัญกว่าและเฉพาะหน้ากว่า อย่างการเจรจากับกลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถาน อเมริกาไม่ต้องการกวนน้ำให้ขุ่นด้วยการขุดเรื่องอื่นขึ้นมาทะเลาะกัน
กอมาร์ นาดีม ทนายของความนพ.อาฟรีดี กล่าวว่า เคยฝากความหวังไว้ว่าแรงกดดันจากสหรัฐจะช่วยให้ได้รับการปล่อยตัว แต่จนถึงขณะนี้ สหรัฐไม่ได้ออกถึงการสนับสนุน
ไม่เพียงถูกตัดสินจำคุกยาวกว่า 20 ปี ดูเหมือนสิทธิพึงมีของนักโทษก็ยังไม่ได้รับ และกระบวนการอุทธรณ์หยุดนิ่ง
ทนายกล่าวว่า ศัลยแพทย์อาวุโส ถูกขังเดี่ยวในห้องเล็กๆ ตนเองไม่ได้รับอนุญาตพบลูกความในช่วงสองปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ภรรยาและลูกเข้าเยี่ยมได้แค่สองเดือนครั้ง หรือไม่ถึง 6 ครั้งต่อปี ส่วนการยื่นอุทธรณ์คำตัดสินที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2557 ก็หงุดชะงักด้วยเจอโรคเลื่อน และรัฐบาลไม่ร่วมมือ
แม้พี่น้องของเขา ยื่นคำร้องต่อศาลสูงในเมืองเปชวาร์ เพื่อสิทธิในการเยี่ยมนักโทษ และชนะคดีมาแล้ว แต่คำพิพากษานั้นก็ไม่ถูกนำไปปฏิบัติ ต่อมา ยังได้รับคำแนะนำจากทนายว่าหากยังดึงดันเรื่องเข้าเยี่ยมต่อไป อาจเป็นอันตรายต่อคุณหมอก็ได้
นายจามิล พี่ชายของเขา บอกกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ขนาดคำพิพากษายังทำอะไรไม่ได้ จึงไม่เหลือความคาดหวังแง่ดีอีกในกระบวนการยุติธรรม
ราชิด ผู้เชี่ยวชาญความมั่นคง กล่าวว่า ความยุติธรรมสำหรับนพ.อาฟรีดีเป็นเรื่องรองสำหรับสหรัฐ ที่หวังให้ปากีสถานใช้อิทธิพลที่มีกับตาลีบันอัฟกานิสถาน กระตุ้นให้อีกฝ่ายเริ่มเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลคาบูล ดูจากที่ผ่านมา สหรัฐลดการวิจารณ์ปากีสถานอย่างเห็นได้ชัด
ขณะไมเคิล คูเกลแมน นักวิเคราะห์ศูนย์วูดโรว์ วิลสัน ในกรุงวอชิงตัน เห็นต่างว่ายังไม่หมดหวังเสียทีเดียว สหรัฐอาจเห็นว่า การทำอะไรโฉ่งฉ่างไม่ได้ผล เพราะชัดเจนว่าปากีสถานไม่พร้อมเจรจาเรื่องปล่อยตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าสหรัฐทอดทิ้ง ลึกๆ เชื่อว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐยังกดดันปากีสถานแบบเงียบๆ เป็นระยะ