
ถล่มบก.พัทยาวีคลี่7ปีไร้เงา...ฆาตกร
แม้เวลาจะล่วงเลยมานานกว่า 7 ปีแล้วก็ตาม ตำรวจก็ยังไม่สามารถติดตามจับกุมฆาตกรสังหาร "กำพล เกียรติกำแหง" บรรณาธิการ นสพ.พัทยาวีคลี่ และผู้กว้างขวางในเมืองพัทยา วัย 48 ปีมาลงทัณฑ์ได้ !?!
นอกจากกำพลจะเป็นเจ้าของ นสพ.พัทยาวีคลี่ และดำรงตำแหน่งบรรณาธิการแล้ว เขายังมีธุรกิจด้านสถานบันเทิงในเมืองพัทยาอีกด้วย มีเงินผ่านมือวันละหลายแสนบาท จนเรียกได้ว่าเป็นผู้กว้างขวางคนหนึ่งของเมืองพัทยาก็ว่าได้ ด้วยหน้าที่การงานและกิจการที่ดูแลอยู่ ทำให้มีทั้งคนรักและคนชัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งหนึ่งเขาเคยถูกลอบสังหารด้วยระเบิดปางตายมาแล้ว นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาจึงระมัดระวังตัวมาแจ
กระทั่งกลางดึกวันที่ 7 มีนาคม 2545 หลังจากกำพลเสร็จธุระที่สนามมวยพัทยา เขาขับรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู สีตะกั่ว ทะเบียน 1ฉ-5566 กรุงเทพมหานคร ออกมาปากทางพัทยาใต้ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมกับ "สนอง ไกรศรีวรรณ" ผู้สื่อข่าวพัทยาวีคลี่ และ "วชิระ ไกรศรีวรรณ" ผู้สื่อข่าว นสพ.ทันเหตุการณ์ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าท่ามกลางความมืดมิดแห่งราตรีกาล เขาทั้งสามกำลังถูกสะกดรอยตามโดยมัจจุราช 2 คน ที่ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า โนวา เอส ทะเบียน ธ-2472 ชลบุรี ตามติดมาอย่างกระชั้นชิด
ระหว่างที่กำพลขับรถออกสู่ถนนสายหลัก มุ่งหน้าไปสถานบันเทิงที่เขาเป็นหุ้นส่วนอยู่ เบื้องหลังก็ยังคงมีรถจักรยานยนต์ตามติดมา กำพลเองก็สังเกตเห็นจากกระจกมองหลัง แต่เขากลับไม่รู้สึกเอะใจในความไม่ชอบมาพากลนี้แต่อย่างใด ยังคงขับรถไปตามปกติอย่างที่ควรจะเป็น กระทั่ง 2 คนร้ายสบโอกาสคนขับให้สัญญาณเพชฌฆาต ด้วยการตบที่หน้าขาบอกให้เตรียมตัว เพราะเขาจะเร่งเครื่องขึ้นประกบรถเป้าหมายด้านคนขับ แล้ววินาทีดับจิตก็บังเกิดขึ้นในคืนอันมืดมิด
เสียงปืน .357 ดังกึกก้องกัมปนาท กระสุน 3 นัดพุ่งแหวกอากาศพุ่งเข้าประตูฝั่งคนขับเข้าเป้าหมายอย่างมือของผู้ชำนาญ นัดหนึ่งตรงเข้าริมฝีปาก ส่วนอีก 2 นัดเข้าราวนมขวา กำพลไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวล้มฟุบคาพวงมาลัย เลือดแดงฉานไหลทะลักออกจากบาดแผล บ้างกระเส็นกระสายไปทั่วรถ ท่ามกลางความตื่นตกใจเพื่อนร่วมทางอีก 2 คนในรถต่างหาที่กำบัง ส่วนมือปืนเร่งเครื่องหลบหนีเลือนหายไปกับความมืดแห่งราตรีกาล
พ.ต.ท.ภิรมย์ ปรียากร สว.สส.สภ.ต.พัทยา (ยศและตำแหน่งสมัยนั้น) ได้รับคำสั่งให้ติดตามจับกุมอาชญากรผู้กระทำผิดมาลงโทษทัณฑ์ตามกฎหมาย เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความสะเทือนขวัญและท้าทายกฎหมายอย่างยิ่ง จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุและประมวลเหตุการณ์ทำให้เชื่อว่า คนร้ายมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี โดยชนวนเหตุน่าจะมาจากความขัดแย้งในธุรกิจบันเทิง ซึ่งก่อนหน้านี้มีการตกแต่งภายในผับของพวกเขา พบว่ามีการปรับแต่งตัวเลขจาก 7 แสนบาทเป็น 2 ล้านบาท จนมีปัญหาทะเลาะกับหุ้นส่วนอีกคน
ชุดสืบสวนออกหาเบาะแสไม่นานก็ได้ข้อมูลเกี่ยวกับมือปืนต้องสงสัย โดยพุ่งเป้าไปที่ "เปี๊ยก บ้านโป่ง" มือปืนระดับพระกาฬจากภาคตะวันตก น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้าบรรณาธิการ นสพ.พัทยาวีคลี่จะพบจุดจบ เพื่อนสนิทของเปี๊ยกซึ่งเป็นบอดี้การ์ดให้แก่หุ้นส่วนสถานบันเทิงคนที่มีปัญหากับกำพลถูกยิงเสียชีวิต ชุดสืบสวนเริ่มแกะรอยมือปืนจากบ้านโป่ง จ.ราชบุรี กระทั่งตามไปถึงแหล่งกบดานแห่งหนึ่ง แต่การดำรงอยู่ของเปี๊ยกถ้าไม่แน่จริงเขาก็คงไม่อยู่ได้มาถึงป่านนี้ ดังนั้น แทบทุกครั้งที่ตำรวจเข้าใกล้ตัว เปี๊ยกก็มักจะหลีกหลบไปได้ทุกครั้งเหมือนนกรู้ ทำให้คลาดกันตลอด
ทั้งตำรวจและญาติพี่น้องต่างมีความเห็นตรงกันว่า ประเด็นฆาตกรรมน่าจะมาจากความขัดแย้งทางธุรกิจ เนื่องจากกำพลเป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น และมีธุรกิจด้านสถานบันเทิง ทำให้เขารู้จักมักคุ้นกับผู้คนหลากหลายวงการ จนเรียกว่าผู้กว้างขวางในเมืองพัทยาก็คงไม่ผิดอะไร ในสายตาตำรวจเองความกว้างขวางนี้ก็ส่งผลไปถึงตัวของกำพลด้วย เขาถูกตำรวจขึ้นบัญชีเป็นผู้มีอิทธิพลอันดับที่ 18 ของเมืองพัทยา เมื่อเป็นคนที่มีคนรักมากก็ย่อมมีศัตรูมากมายรายล้อมอยู่รอบตัวเช่นเดียวกัน
กำพลเองก็ตระหนักดีในสถานภาพที่เขาเป็นอยู่ ถึงกับพร่ำพูดกับญาติพี่น้องหลายครั้งหลายหนทำนองว่า รายได้เฉลี่ยนับแสนบาทต่อวันล่อตาล่อใจใครหลายคนให้ก้าวขึ้นมายืนตรงจุดเดียวกันกับเขา ประกอบกับช่วงหลังๆ มานี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหุ้นส่วนในผับเริ่มเลวร้ายลง และขยายวงไปจนยากจะประสาน แม้จะพยายามหันหน้าเจรจาหาข้อยุติ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีทางใดที่จะผสานรอยร้าวนี้ให้เป็นดังเดิม ตรงกันข้ามกลับยิ่งเลวร้ายลงทุกวันๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบอดี้การ์ดของคู่กรณีถูกยิงเสียชีวิต
บอดี้การ์ดคนนี้ก็คือเพื่อนสนิทกับ "เปี๊ยก บ้านโป่ง" มือปืนที่ตำรวจกำลังติดตามตัวนั่นเอง และจากเหตุการณ์ครั้งนี้หุ้นส่วนคู่กรณีถึงกับประกาศลั่นว่า จะไม่มาเหยียบผับนี้อีกหากว่ากำพลยังอยู่ !?!
คำว่า "ยังอยู่" ในที่นี้มีการตีไปได้หลายแง่มุม ทั้งการอยู่บริหารผับและการไม่มีคนชื่อกำพลอยู่บนโลกใบนี้ แต่กระนั้นการสืบสวนก็ไม่มีพยานหลักฐานที่จะสาวไปถึงหุ้นส่วนคนที่ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการตายของกำพลหรือไม่
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมากำพลก็ระมัดระวังตัวเองตลอดเวลา เวลาเดินทางไปไหนมาไหนเขาจะมีผู้ติดสอยห้อยตามไปด้วยเสมอ แต่กระนั้นก็ไม่อาจรักษาชีวิตรอดจากคมกระสุนของมัจจุราชนิรนามได้ !?!
อย่างไรก็ดีเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ กำพลเคยถูกปองร้ายหมายชีวิตมาแล้วครั้งหนึ่ง กลางดึกสงัดคนร้ายไม่ทราบจำนวนลักลอบเข้ามาวางระเบิดไว้ใต้ท้องรถเก๋งคู่ใจ ที่จอดอยู่หน้าสำนักงาน นสพ.พัทยาวีคลี่ รอเวลากระทั่งกำพลขับรถออกไปทำธุระในตัวเมืองพัทยาช่วงสายๆ ของวันใหม่แล้วจึงกดรีโมท แรงระเบิดทำให้รถเก๋งกระเด็นขึ้นสูงจากพื้นราวครึ่งเมตร ร่างของกำพลกระเด็นกระดอนขึ้นไปปะทะเพดานรถอย่างแรงจนหมดสติไป กลุ่มควันคลุ้งไปทั่วบริเวณ นอกจากนี้ แรงระเบิดยังทำให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุถึงกับหูอื้อตาลาย
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์เข้าเคลียร์พื้นที่พบว่า เป้าหมายบอบช้ำอย่างหนัก แต่ยังไม่ถึงฆาตจึงรอดชีวิตมาได้ราวปาฏิหาริย์ กระนั้นเขาก็ต้องเสียขาขวาไปกับเหตุระเบิดครั้งนี้ ด้านการสืบสวนของตำรวจพุ่งเป้าไปที่การทำหน้าที่บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่ตีแผ่เรื่องราวของผู้มีอิทธิพลกลุ่มหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษได้เช่นกัน