
ศิษย์เก่ายื่นถอด“หมอเปรม”จากปธ.กรรมการรร.บ้านไผ่
ขอนแก่น - ตัวแทนศิษย์เก่า ยื่นหนังสือถอดถอน"หมดเปรม"ออกจากปธ.กรรมการศึกษาโรงเรียนบ้านไผ่ ตำรวจ สภ.บ้านไผ่ เรียกพนักงานเทศบาลสอบปากคำแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ได้ผู้ปกครองและตัวแทนศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านไผ่ เข้ายื่นหนังสื่อต่อ นายวทัญญู ภูชาดา ผอ.โรงเรียนบ้านไผ่ ขก.5 เพื่อให้พิจารณาปลด นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ออกจากประธานกรรมการศึกษาโรงเรียน โดยให้เหตุผลเพื่อความสบายใจของผู้ปกครองและศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านไผ่
นายเดชคำรณ สิงคลีบุตร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น เขตบ้านไผ่ กล่าวว่า ในฐานตัวแทนผู้ปกครองและศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านไผ่ ขก.5 ได้รับทราบข่าวสารจากสื่อมวลชนทางช่องต่างๆ ว่า นพ.เปรมศักดิ์ ได้มีภาพการสมรสกับเด็ก ม.5 ซึ่งศึกษาอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งในบ้านไผ่ พร้อมทั้งมีการสั่งให้ถอดกางเกงนักข่าว อีกทั้งก่อนหน้านี้ได้เคยสอนพิเศษให้นักเรียนชั้น ม.ปลาย ตามโครงการของโรงเรียน จึงเห็นว่าเป็นการไม่เหมาะสม แม้ข่าวนั้นจะเป็นจริงหรือไม่เป็นจริงก็ตาม
จึงอยากจะให้โรงเรียนพักหน้าที่หรือสั่งระงับบทบาทการเป็นประธานกรรมการศึกษาโรงเรียน ของนพ.เปรมศักดิ์ ไว้ก่อน เพื่อความสบายใจของผู้ปกครองและศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านไผ่ ขก.5
ด้าน นายนายวทัญญู ภูชาดา ผอ.โรงเรียนบ้านไผ่ กล่าวว่า จะเร่งประชุมคณะกรรมการการศึกขั้นพื้นฐาน เพื่อพิจารณามีมติร่วมกัน จากนั้นจะเสนอเรื่องสำนักเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 25 (สพม.เขต 25) ให้ดำเนินการต่อไป เนื่องจากโรงเรียนไม่มีอำนาจในการไปสั่งปลด ส่วนการลาออกขึ้นอยู่กับว่า นพ.เปรมศักดิ์ จะเอายังไง ซึ่งตอนนี้โรงเรียนจะส่งหนังสือไปตามขั้นตอน ส่วนเรื่องสอนพิเศษให้เด็กของ นพ.เปรมศักดิ์ นั้น เป็นโครงการเพียงสั้นๆ สิ้นสุดไปเมื่อปีการศึกษาที่ผ่านมา
ด้านพ.ต.อ.จำรัส จันแดง ผกก.สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น กล่าวถึงคดี ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ว่า ได้สั่งให้พนักงานสอบสวนไปที่สำนักงานเทศบาลเมืองบ้านไผ่ เพื่อนำพนักงานเทศบาลที่อยู่ในห้องทำงาน นพ.เปรมศักดิ์ ที่อยู่ในเหตุการณ์จับผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ถอดกางเกง เพื่อนำตัวมาสอบปากคำเพิ่มประกอบสำนวน หลังจากที่เมื่อวานนี้ทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความในข้อกล่าวหา 2 ข้อหา คือ กักขังหน่วงเหนี่ยวและบังคับข่มขืนใจ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด คาดว่าจะสามารถตามพยานที่อยู่ในห้องทำงาน มาสอบปากคำกับพนักงานสอบสวนให้แล้วเสร็จในวันนี้
คดีนี้มีการแจ้งความทั้งสองฝ่ายทั้งหมอเปรม และ ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งความไปแล้วทั้งสองฝ่าย ต้องมีการสืบสวนพยานในคดีของผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ส่วนหมอเปรมศักดิ์เป็นการลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ในคดีของผู้สื่อข่าวเดลินิวส์หลังรับแจ้งความแล้วต้องมีการสืบสวนพยานในที่เกิดเหตุด้วย ว่ามีพยานแวดล้อม หรือมีประจักษ์พยาน ว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนว่ามีพยานหลักฐานใดหรือไม่ โดยใช้เวลาสอบสวนไประยะหนึ่ง ถ้าได้ข้อสรุปพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมว่าหมอเปรมมีความผิดหรือไม่ ถ้ามีการกระทำความผิดจริงก็ต้องดำเนินคดีตาม ป.วิอาญาหมอเปรมศักดิ์เป็นผู้ต้องหาฐานหน่วงเหนียวกักขัง ข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการละเว้นกระทำการใดๆ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี เปรียบเทียบปรับไม่เกิน 3,000 บาท แต่เป็นคดีความผิดอันยอมความได้ โดยในช่วงเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ได้เรียกเจ้าหน้าที่เทศบาลมาสอบสวนให้ปากคำที่ สภ.บ้านไผ่
ส่วนความเคลื่อนไหวนายแพทย์เปรมศักดิ์ วันนี้ได้เดินทางไปที่กรุงเทพมหานคร เป็นเวลา 2 วัน (28-29 ก.ค.59) เพื่อศึกษาหลักสูตรบริหารความสงบเรียบร้อยภาครัฐร่วมเอกชนรุ่นที่ 3 (บรอ.3) ที่กองบัญชาการการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนวิภาวดีฯ 40 พร้อมทั้งมีการโพสข้อความผ่านเฟซบุ๊กของตนเองว่า ผมคุกคามสื่อ หรือว่าสื่อคุกคามผม? โดยข้อความตอนท้ายได้ระบุว่าถึงเวลาที่ต้องมีการปฏิรูปสื่อแล้ว